เมื่อเช้าวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา เอไอเอสได้ให้บริษัทลูกในชื่อบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด เข้าซื้อหุ้นของบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงเงินกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน JASIF เพื่อขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ให้ทั่วถึงและเสริมพละกำลังให้ตนเองสามารถแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น วันนี้ Modernist จึงพาทุกคนมาเทียบหมัดต่อหมัดระหว่างสองบริษัทนี้กัน เพื่อทำความรู้จักและเข้าใจถึงการซื้อในครั้งนี้ให้ชัดขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
โดยบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ได้จดทะเบียนประกอบกิจการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมทุกประเภท โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2548 มีทุนจดทะเบียน 1,350 ล้านบาท และสำหรับรายได้ในปี 2564 นั้น AWN มีรายได้รวม 167,805 ล้านบาท, มีรายจ่ายรวม 146,634 ล้านบาท ทำให้มีกำไรรวม 13,933 ล้านบาท ซึ่ง ณ ไตรมาส 1/2565 AIS Fiber มีผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 1.86 ล้านราย โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2564 93,100 ราย
สำหรับบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) ได้จดทะเบียนประกอบกิจการ สื่อสารและโทรคมนาคม โดยก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 มีทุนจดทะเบียน 9,250 ล้านบาท และสำหรับรายได้ปี 2564 พบว่ามีรายได้รวม 16,362 ล้านบาท, มีรายจ่ายรวม 15,191 ล้านบาท และขาดทุนรวม 1,957 ล้านบาท โดย ณ ปี 2564 3BB มีผู้ใช้บริการรวมกันอยู่ที่ 3.65 ล้านราย
สำหรับการเข้าซื้อ 3BB โดย AWN ในครั้งนี้นั้น นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า การลงทุนขยายธุรกิจในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญตามเป้าหมายกลยุทธ์ของบริษัทฯ เพื่อขยายการเติบโตในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน และมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ทำให้บริษัทฯ มีขีดความสามารถในการให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านสายไฟเบอร์ที่ครอบคลุมลูกค้าที่กว้างขวางมากขึ้น สามารถขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ใหม่เพื่อให้คนไทยสามารถได้รับบริการอินเทอร์เน็ตอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดและรอบนอกตัวเมือง รวมถึงช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากบริการที่รวดเร็วและมีคุณภาพที่ดี อีกทั้ง จะช่วยให้การพัฒนาโครงข่ายไฟเบอร์ในประเทศไทยโดยรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดทอนความซ้ำซ้อนของการลากสายไฟเบอร์โดยไม่จำเป็นซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
โดยรวมแล้วการลงทุนนี้จะส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มของธุรกิจและผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักและผู้เช่าของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จะส่งเสริมให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงขึ้น รวมถึงจะมีการปรับเงื่อนไขให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมทั้งสร้างโอกาสแก่กองทุนในการลงทุนทรัพย์สินโทรคมนาคมของบริษัทฯ เพิ่มเติมในอนาคต
สำหรับการซื้อในครั้งนี้นั้น AWN จะยื่นเรื่องขออนุญาตในการเข้าทำธุรกรรมจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งภายหลังจากการได้รับอนุญาตแล้ว จึงจะลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นและหน่วยลงทุน โดยบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุนจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 1 ของปี 2566 ถ้าได้รับการอนุมัติจาก กสทช.
