หากใครจำได้ช่วงที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ การแถลงข่าวของพรรคอนาคตใหม่ ที่นำโดยอดีตกรรมการบริหารพรรคในช่วงนั้น เราคงเห็นภาพของผู้นำที่น้อมรับทั้งคำตัดสินของศาล และน้อมรับความผิดหวังที่ประชาชนหรือตัวพวกเขาเองก็ตามมีอยู่ จากการกำเนิดพรรคตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น จนถึงวินาทีที่ศาลตัดสิน ความหวังส่วนใหญ่ของประชาชนที่เลือกพวกเขาให้ทำหน้าที่ในสภาก็โรยราไปตามกัน
แต่ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ และกรรมการบริหารพรรคไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะมันเป็นเพียงการล้มครั้งแรก แต่สมาชิกที่เหลือในพรรคยังคงต้องเดินต่อไป วินาทีที่ธนาธรปลดเข็มกลัดบนอกออกมา และส่งมอบมันให้กับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ต่อ คงเป็นวินาทีที่เราทุกคนต่างคิดว่าจากพรรคอนาคตใหม่ที่กำลังพุ่งถึงขีดสุด กลับต้องมาเดินบนเส้นทางใหม่นี้ จะสดใสเหมือนที่เคยเป็นมาหรือไม่
คำตอบของคำถามเมื่อครู่ปรากฏชัดขึ้นแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ก้าวที่สองของอนาคตใหม่ในนาม ‘พรรคก้าวไกล’ ได้เอาชนะการเมืองแบบเก่า ๆ ชนิดที่หักปากกาเซียนใครต่อใครหลายคน เสียงของผู้คนที่เคยเชียร์ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เมื่อ 4 ปีก่อนเป็นอย่างไร เสียงของคนที่เชียร์ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนี้ก็แทบจะไม่ต่างกัน รวมถึงการสานต่อปรากฏการณ์ ‘ฟ้ารักพ่อ’ ถึง ‘ส้มรักพ่อ’ ก็ยิ่งยืนยันถึงกระแสเสียงของพรรคก้าวไกลที่ไม่มีทางหายไปเลย นานวันเข้ายิ่งมีกระแสที่ดีขึ้นทุกครั้ง
และจนถึงตอนนี้ พิธาไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้าพรรคก้าวไกลแล้ว เขายังเป็นอีกหลากหลายบทบาทพร้อม ๆ กัน รวมถึงก่อนหน้านี้ เขาก็เคยรับบทบาทอื่นๆ มากมาย ก่อนที่เขาจะกลายเป็น ‘ว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย’ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
วันนี้ The Modernist เลยขอรวบยอดสั้น ๆ ว่านอกจากบทบาทที่เราเห็นตรงหน้า ‘พิธา’ เคยเป็นอะไรมาแล้ว หรือกำลังเป็นอะไรอยู่บ้างนะ
เป็นนักธุรกิจ
จากความสูญเสียของผู้เป็นพ่อ ทำให้พิธาต้องกลับมาเป็น CEO จำเป็น ที่จะต้องช่วยรันธุรกิจ “บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด” ต่อ ซึ่งช่วงแรกเป็นเพียงธุรกิจส่งออกรำข้าว ที่กำลังขาดทุนกว่า 170 ล้านบาท ใน ช่วง พ.ศ. 2548 ซึ่งจากความสามารถและทักษะของเขา ทำให้บริษัทแก้ปัญหาที่พบเจออยู่ให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ดีได้ จนบริษัทของเขาเป็นผู้ผลิตน้ำมันรำข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และอันดับ 5 ของโลกได้ในช่วงนั้น และทำให้รายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท ใน พ.ศ. 2554 และ 2555
ก่อนที่เขาจะลาออกมาในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 เพื่อมารับตำแหน่งเป็น Executive Director ของ “Grab” ประเทศไทย อยู่ราว ๆ 9 เดือน และลาออกอีกครั้งจากวงการธุรกิจเพื่อก้าวขาทั้งสองข้างเข้ามารับตำแหน่งเป็น “คนการเมือง” อย่างเต็มตัว
เป็นนักร้อง
หากเสิร์ชว่า “เพลง ทิม พิธา” ใน Youtube เราจะพบกับสองคลิปที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับแรกอย่าง ‘สายลม – ทิม พิธา’ และ ‘ทิม พิธา – เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม’ ซึ่งทั้งสองเพลงนี้ถูกอัพโหลดอยู่ในช่อง ‘MUNDAYMUSIC GROUP’ เมื่อราว ๆ 10 ปีที่แล้ว เพลงแรกเป็นซิงเกิ้ลของพิธาเอง ส่วนเพลงที่สองคือเพลง cover
‘กอล์ฟ-ณัฐฤกษ์ จงเสถียร’ มือเบสวง Good September ได้ให้สัมภาษณ์กับคมชัดลึก ถึงการที่พิธามาออกผลงานเพลงกับเขาว่า เขาและพิธารู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนกับน้องชายตั้งแต่สมัยเรียน และได้มาทำงานร่วมกันจริง ๆ จัง ๆ ก็จากเพลงสายลมนี่เอง
พิธาบอกกับเขาว่าอยากได้เพลงพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบการแต่งงานระหว่างเขา และ ต่าย-ชุติมา อดีตภรรยา ในแนวเพลงอินดี้อย่างที่เขาชอบ ผ่านการใช้เมโลดี้หม่นๆ ดาร์กๆ นิดหนึ่ง ใช้เวลาสรรสร้างอยู่หนึ่งเดือน เพลง ‘สายลม’ จึงเสร็จสิ้น เช่นเดียวกันกับการ cover เพลง ‘เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม’ ของ T-Bone ในเวอร์ชั่นที่อินดี้ขึ้น ผสมผสานกับแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ตามที่พิธาสนใจ
กอล์ฟนิยามการทำงานร่วมกับพิธาว่าเป็นคนที่มีความคิดแหวกแนวดี ทำงานร่วมกันได้ถูกจริต เป็นคนไม่ปิดกั้นทางความคิด และเป็นคนที่มีความเป็นเอกลักษณ์ดี
สำหรับใครที่ยังไม่เคยฟังทั้งสองเพลงนี้ ก็กดฟังได้ด้านล่างนี้เลย
เป็นนายแบบ
ด้วยแต้มต่อในด้านหน้าตาและบุคลิก ประวัติการศึกษา หรือมุมมองความเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่เมื่อราว 15 ปีที่แล้ว ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พิธาติด 1 ใน 50 อันดับ “Most Eligible Bachelors” หรือ “หนุ่มโสดในฝัน” ของนิตยสาร Cleo ประเทศไทย และทำให้ชีวิตวนไปเวียนมาในวงการบันเทิงอยู่บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ในช่วงนั้น ทั้งการถ่ายแบบลงนิตยสารต่าง ๆ หรือการออกรายการโทรทัศน์หลายรายการในช่วงนั้น
ซึ่งในปีนี้เราก็ได้เห็นภาพเหล่านั้นวนเวียนกลับมาอยู่ในหน้าสื่อบ่อย ๆ เหตุผลหนึ่งอาจเพราะการถ่ายแบบ หรือรายการที่พิธาเคยไปออกเหล่านั้นอยู่นอกสายตาคนทั่วไป บางคนอาจจะเกิดไม่ทันเห็นภาพเหล่านั้น
และยิ่งพอเราเห็นภาพปัจจุบันที่สุขุม เป็นผู้ใหญ่ของเขา เทียบเคียงกับภาพนายแบบสุดเท่ หรือภาพนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่านับถือตามรายการทีวีเก่า ๆ เราก็ได้เห็นพัฒนาการอันน่าสนใจของคน ๆ หนึ่ง ที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ของไทย ผ่านประสบการณ์หลากหลายที่เคยเล่าไว้ หรือมุมมอง ความคิด และวิธีคิดอันเป็นเหตุเป็นผลที่เคยสัมภาษณ์ไว้ ก็ทำให้ภาพของว่าที่นายกฯ ที่เราใฝ่ฝนนั้นเด่นชัดขึ้นอีกมากโข
เป็นพ่อคน
ภาพชีวิตส่วนตัวของพิธาที่เรามักเห็นอยู่บ่อย ๆ นั่นคือ ภาพของเขากับลูกสาววัย 7 ขวบอย่าง “พิพิม ลิ้มเจริญรัตน์” ลูกสาวคนเดียวของเขาและอดีตภรรยา ซึ่งดูเหมือนพิพิมจะเป็นทั้งลูกและเพื่อน ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในชีวิตของพิธาอยู่เสมอ
เหมือนอย่างในเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคก้าวไกลที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ฉากสุดท้าย ภายหลังการปราศรัยจบ ก็เป็นภาพที่ลูกสาวเขาขึ้นมานั่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ท่ามกลางผู้ชมที่รายล้อมอยู่รอบข้าง หรือภาพที่เขากลับบ้านเพื่อพักผ่อน ลูกสาวผู้ซึ่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขา ก็คอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดเช่นกัน
ที่น่าสนใจกว่าคือเขามีความเป็นพ่ออยู่ในตัวมากเช่นกัน เหมือนภาพบางช่วงบางตอนจากการลงพื้นที่ภาคใต้ ในระหว่างพักกินข้าวกับเด็ก ๆ ในพื้นที่ ก็มีช่วงเวลาพูดคุยสบาย ๆ ว่าด้วยเรื่องของการลองออกสำเนียงภาษาใต้ของพิธา ที่ลองถามเด็กว่าสำเนียงพอใช้ได้มั้ย ซึ่งระหว่างพูดคุยเขาก็เผลอหลุดเรียกแทนตัวเองว่า “พ่อ” ที่อาจจะหมายถึงว่าสำนึกของเขาเวลาพูดคุยกับเด็กในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เขาอาจมองเด็กในฐานะลูกหลานแทนก็เป็นได้
เป็นคนการเมือง
ในด้านการเมือง พิธาชิมลางการทำงานการเมืองครั้งแรกผ่านการเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ร่วมกับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในยุครัฐบาลของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2547 – 2549 ก่อนที่จะออกมาเรียนต่อปริญญาโท
และได้เข้ามาเป็นคนการเมืองอีกครั้งจากการสมัครเป็นสมาชิก “พรรคอนาคตใหม่” และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับที่ 4 จนได้เข้ามาทำงานการเมืองแบบเต็มตัว ก่อนจะขยับมาเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน
เป็นคนในข่าวคู่จิ้น (ก็ได้ด้วย)
ในช่วงกระแสแรงแบบนี้ นอกจากพิธาจะมีพื้นที่สื่อในข่าวการเมือง เขาก็ยังมีพื้นที่สื่อในข่าวซุบซิบบันเทิงอีกด้วย เพราะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในในนิตยสารหัวหนึ่ง ถึงสเปกสาวในฝันว่า “ผมชอบแนวสวยพิศ ไม่ชอบสวยผาด คือสวยขึ้นทุกวัน ยิ่งดูยิ่งสวย อย่าง ‘แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ’ เธอน่ารัก นิสัยดี จิตใจดี”
ซึ่งหากเลื่อนดูข่าวบันเทิงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พิธาก็มีชื่อวนเวียนอยู่ในข่าวบันเทิงคู่กับแอฟอยู่เสมอเช่นกัน และยิ่งกระแสสังคมถาโถมเข้าหาพิธาในฐานะว่าที่นายกฯ คนใหม่ ช่วงเวลาเดียวกันก็มีประเด็นที่เขาไปถ่ายรูปร่วมกันกับแอฟ ทำให้คู่จิ้นของเขาและแอฟกลายเป็นประเด็นใหญ่ข้างเขียงเคียงคู่กับประเด็นการเมืองต่อเนื่องอยู่หลายวันเช่นเดียวกัน
เป็นล่าม
ด้วยทักษะด้านภาษาอังกฤษในระดับดีมาก ทำให้พิธาไม่ต้องลำบากว่าจ้างล่ามมาช่วยทำงานแต่อย่างใด เวลาสัมภาษณ์สื่อ หรือแถลงข่าวใด ๆ เขาก็จะเป็นทั้งผู้นำการแถลงข่าว และล่ามแปลภาษาจากการแถลงข่าวภาษาไทยเมื่อครู่ ให้กลายเป็นการแถลงข่าวภาษาอังกฤษได้ทันที ไม่เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับในการแถลงข่าวไม่กี่วันที่ผ่านมา เราจะเห็นพิธาให้สัมภาษณ์กับสื่อสลับไปสลับมาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ที่ทำให้สื่อต่างประเทศทำงานกันง่ายมากยิ่งขึ้น
นี่สินะ กลิ่นความเจริญ…
เป็นพิธีกร
นอกจากเขาจะเป็นล่ามแล้ว ในเวทีแถลงข่าวใหญ่พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค พิธายังทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการแถลงข่าว ที่คอยให้คิวพรรคนั้นพรรคนี้ รวมถึงจัดคิวนักข่าวที่จะโยนคำถามขึ้นไปบนเวทีอีกด้วย
เป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 30
สิ่งสุดท้ายที่เขากำลังเป็น คือว่าที่นายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย ที่เกิดจากแรงส่งจากพี่น้องประชาชน จากความเจ็บช้ำในหลากหลายเรื่องราวที่ผ่านมาในรอบ 9 ปี ของรัฐบาลประยุทธ์ รวมถึงจากเสียงประชาชนที่ลงคะแนนในพรรคอนาคตใหม่เมื่อการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ที่ไม่มากพอ จนทำให้ประยุทธ์ได้เป็นรัฐบาลต่ออีกหนึ่งสมัย
นั่นทำให้แรงผลักดันจากประชาชนผลักให้ทั้งพิธา และพรรคก้าวไกลทะยานขึ้นเป็นพรรคอันดับที่ 1 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่เหลือก็แค่จัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เพื่อตัดคำว่า “ว่าที่” ออกไป และทำให้เขากลายเป็นนายกฯ คนใหม่ของประเทศไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิเสียที
ที่มา : komchadluek / thaipbs / wikipedia / มนุษย์ตุ๊ด
