The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / BUSINESS / MARKETING / “Rainbow Washing” การตลาดสีรุ้งแบบฉาบฉวยและไม่ช่วยให้สังคมเดินหน้า
BUSINESSMARKETING

“Rainbow Washing” การตลาดสีรุ้งแบบฉาบฉวยและไม่ช่วยให้สังคมเดินหน้า

ระวี ตะวันธรงค์
Last updated: 31 พ.ค. 2023 11:17
ระวี ตะวันธรงค์
Share
SHARE

วันนี้เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม และในอีกไม่ถึง 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ ทุกแพลตฟอร์มของทุกองค์กรจะเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นสีรุ้ง หลายแบรนด์จะเปิดตัวสินค้ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่มีลวดลายสายรุ้งประดับ เพื่อต้องรับเทศกาล Pride Month หรือเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+

และก็คงเป็นเช่นทุกปี หลังจากเทศกาล Pride Month สิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิถุนายน เช้าวันที่ 1 กรกฎาคม รูปโปรไฟล์ของทุกแพลตฟอร์มองค์กรจะกลายเป็นโลโก้เดิม และทุกแบรนด์ก็จะกลับเข้าสู่วิถีเดิมเพื่อเปิดทางให้กับแคมเปญการตลาดชิ้นใหม่ที่จ่อคิวรออยู่

ใช่ว่าระยะเวลา 1 เดือนจะไม่เพียงพอต่อการพูดถึงสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียมทางเพศของชุมชน LGBTQ+ แต่คำถามที่มีต่อองค์กรหรือแบรนด์เหล่านี้ก็คือ การทำแคมเปญสีรุ้งตลอด 1 เดือนนั้น เป็นการใช้พื้นที่ขององค์กรส่งเสียงเพื่อเพื่อนมนุษย์ผู้มีความหลากหลายทางเพศจริง หรือเป็นเพียงการใช้สีรุ้งมาฉาบหน้าองค์กร เพื่อสร้างภาพลักษณ์หัวก้าวหน้าและเสรีนิยมกันแน่

Rainbow Washing คืออะไร

การเปลี่ยนโลโก้ รูปโปรไฟล์ หรือเปิดตัวสินค้าเนื่องในโอกาส Pride Month เป็นตัวอย่างบางส่วนของคำว่า “Rainbow washing” หรือ “Pinkwashing” ซึ่งองค์กร ThisIsGendered ให้นิยามว่าเป็น “การกระทำที่ใช้หรือเติมสีรุ้ง และ/หรือภาพสายรุ้งในโฆษณา เสื้อผ้า เครื่องประดับ แลนด์มาร์ก และอื่นๆ เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่าองค์กรมีการสนับสนุนความเท่าเทียมให้กับ LGBTQ+ ในเชิงก้าวหน้า (และได้รับความเชื่อถือจากผู้บริโภค) ทว่าใช้ความพยายามเพียงน้อยนิดหรือได้ผลในทางปฏิบัติเพียงน้อยนิดเท่านั้น”

นอกจากนี้ rainbow washing ยังหมายความถึง องค์กรหรือบริษัทที่ใช้สัญลักษณ์ของ Pride Month อย่างไร้ความจริงใจ เพื่อผลประโยชน์ หรือสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองเป็นองค์กรเสรีนิยมหรือเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม LGBTQ+ ทว่าในความเป็นจริงกลับเลือกปฏิบัติต่อพนักงานที่เป็น LGBTQ+ sinvให้การสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับนักการเมืองและองค์กรที่เลือปฏิบัติกับ LGBTQ+ เช่นเดียวกับคำว่า greenwashing ที่หลายบริษัทอ้างว่าตัวเองเป็นบริษัทที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงดำเนินกิจการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือละเมิดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอยู่

ราวปี 2022 องค์กร Data for Progress ได้เปิดเผยรายชื่อบริษัทในสหรัฐอเมริกา ที่จัดทำแคมเปญเนื่องใน Pride Month แต่กลับยังคงบริจาคเงินสนับสนุนนักการเมืองและองค์กรที่เลือกปฏิบัติต่อ LGBTQ+ ผลปรากฏว่า Toyota, AT&T, Amazon และ Comcast บริจาคเงินรวมกันกว่า 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับแคนดิเดตที่ต้องการผลักดันนโยบายต่อต้าน LGBTQ+ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนยอมรับไม่ได้ เพราะบริษัทเหล่านี้ใช้สัญลักษณ์ของไพรด์ในการยกระดับภาพลักษณ์ของตัวเอง และจ่ายเงินให้กับคนที่ต่อต้านการต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมที่ไพรด์กำลังขับเคลื่อนอยู่

อีกหนึ่งตัวอย่างสุดคลาสสิกของ rainbow washing คือแบรนด์ Barilla บริษัทอาหารนานาชาติ ซึ่งเมื่อปี 2013 กุยโด บาริลลา ซีอีโอของบริษัท ได้กล่าวในการสัมภาษณ์สดว่า เขาจะไม่มีวันทำโฆษณาที่มีครอบครัวรักร่วมเพศอยู่ในนั้น คำพูดของเขาสร้างความโกรธเคืองไปทั่วโลก จนเกิดแฮชแท็ก #boycotbarilla และต้องใช้เวลานานถึง 5 ปี กว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงขององค์กรได้ อย่างไรก็ตาม Barilla ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยข้อหา rainbow washing เพราะหลังจากที่ซีอีโอให้สัมภาษณ์ ทางบริษัทได้เพิ่มแพ็กเกจรูปสายรุ้ง แต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าบริษัทนี้อยู่เคียงข้างชุมชน LGBTQ+ แต่อย่างใด

หรือแม้กระทั่งตัวอย่างล่าสุด คือแคมเปญขายอาหารสำเร็จรูปของแบรนด์ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ ที่จัดชุดอาหารหลากสี บนพื้นหลังสีรุ้ง โดยไม่มีบริบทที่เกี่ยวข้องกับ Pride Month หรือข้อความที่ยืนยันการสนับสนุน LGBTQ+ จนหลายคนอดไม่ได้ที่จะบอกว่า “ไม่ไหวก็อย่าฝืน”

ยิ่งกว่านั้น บริษัทค้าปลีกที่ผลิตสินค้าเกี่ยวกับเทศกาล Pride Month โดยการเติมสายรุ้งหรือโลโก้บนสินค้าของตัวเอง ขณะที่บริษัทเหล่านี้บริจาคเงินให้องค์กร LGBTQ+ พวกเขากลับไม่เคยเปิดเผยตัวเลขกำไรที่ได้รับจากการขายสินค้าเนื่องในวาระเหล่านี้เลยว่า กำไรที่ได้นั้นมากกว่าจำนวนเงินที่บริจาคหรือไม่ จึงนำไปสู่คำถามที่ว่า การทำกำไรจากแคมเปญของประชาชนนั้นถูกต้องหรือไม่ หรือพวกเขากำลังฉวยโอกาสจากความกระตือรือร้นของผู้คนในเทศกาลนี้ เหมือนเป็นเทรนด์หรือเปล่า

เปลี่ยนสีโลโก้เป็นสีรุ้ง แต่ไม่อาจเปลี่ยนโทนสีของสังคม

แม้ในทางทฤษฎีการเปลี่ยนสีหรือรูปแบบโลโก้หลักจะสร้างความแปลกใหม่และทำให้คนจดจำโลโก้เดิมได้มากขึ้น ประกอบกับการเปิดตัวสินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่น จะเป็นการสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้กับสินค้าของตัวเอง เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์จากแคมเปญเหล่านี้ มีเพียงเจ้าของแบรนด์หรือองค์กรเท่านั้น ไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมแต่อย่างใด

นั่นเป็นเพราะว่า Pride Month ไม่ใช่แค่เดือนแห่งการเฉลิมฉลองและความบันเทิงสุดอลังการเท่านั้น แต่ยังเป็นเดือนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การสร้างแบรนด์สีรุ้งโดยไม่ได้ต่อยอดไปยังการสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ LGBTQ+ อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม จะเป็นการทำให้สัญลักษณ์ Pride กลายเป็นเพียงสินค้าชนิดหนึ่ง ส่วนเรื่องราวเบื้องหลังงานฉลองนี้กลับไม่มีใครจดจำ และเมื่อไม่มีความตระหนักในปัญหาเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นได้

ด้วยเหตุนี้ แคมเปญการตลาดแบบ rainbow washing จึงไม่ได้รับการยอมรับจากชุมชน LGBTQ+ และหลายครั้งเราจะเห็นคนกลุ่ม LGBTQ+ ออกมาประกาศให้เลิกเอาสีรุ้งมาทำการตลาด เช่นเดียวกับในการเดินพาเหรด “นฤมิตไพรด์” ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2565 ก็มีผู้เข้าร่วมเดินขบวนถือป้าย “Pride ≠ Marketing” หรือการที่ชาวเน็ตไทยแสดงความไม่พอใจ ที่ค่ายซีรีส์วายนำนักแสดงมาเดินโปรโมตซีรีส์ชายรักชายในขบวนพาเหรด เป็นต้น

อยากขายของไม่ผิด แต่จิตสำนึกต้องมีด้วย

สำหรับภาคธุรกิจ การทำแคมเปญการตลาดเพื่อสร้างรายได้และผลกำไรจากการขายสินค้าถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคม หรือประเด็นที่ละเอียดอ่อน ก็อาจจะต้องใช้ความเข้าใจมากขึ้นเป็นพิเศษ 

และสำหรับการขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมและการเมืองอย่างสิทธิและความเท่าเทียมของ LGBTQ+ ในฐานะที่แบรนด์หรือองค์กรมีทรัพยากรและศักยภาพมากพอในการส่งเสียงเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ก็ควรใช้โอกาสนี้ในการแสดงจุดยืนสนับสนุนชุมชน LGBTQ+ อย่างจริงจังในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนประเด็นนี้ในทุกช่วงเวลาของปี ไม่ใช่เฉพาะใน Pride Month หรือสร้างวัฒนธรรมองค์กรหรือมีนโยบายที่สร้างความเท่าเทียมทางเพศในที่ทำงาน สนับสนุนกฎหมายที่เอื้อให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิเสรีภาพของ LGBTQ+ และที่สำคัญ หยุดให้การสนับสนุนนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลในวงการต่างๆ ที่ยังคงมีแนวคิดชายเป็นใหญ่ หรือรังเกียจผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ

นอกจากนี้ Pride Month ยังเป็นโอกาสอันดีที่องค์กรและแบรนด์จะแสดงออกถึงคุณค่าที่องค์กรยึดถือ โดยเริ่มจากการศึกษาและทำความเข้าใจประเด็นเกี่ยวกับ LGBTQ+ ก่อนที่จะสร้างสรรค์แคมเปญที่สะท้อนให้เห็นคุณค่าเหล่านั้น รวมทั้งใช้แพลตฟอร์มขององค์กรเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในสังคมด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและจริงใจ

และสิ่งหนึ่งที่องค์กรและแบรนด์จำเป็นต้องตระหนัก คือทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อปัญหาสังคม คนเหล่านี้สนใจปัญหาสังคมในระดับโลกมากขึ้น ให้ความสำคัญกับความหลากหลายและความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ดังนั้น องค์กรที่ให้คุณค่ากับความหลากหลายอย่างจริงใจจะได้คะแนนจากคนรุ่นใหม่ ในขณะที่การทำแคมเปญการตลาดที่โหนกระแสแบบฉาบฉวยจะถูกตรวจสอบจุดยืน และหากองค์กรหรือแบรนด์นั้นๆ ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ และจุดยืนที่สนับสนุนความเท่าเทียมมากพอ ก็จะพ่ายแพ้ในสนามนี้ไปในที่สุด

ที่มา : rockcontent / bangkokbiznews / fairplanet

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:LGBTQ+marketingPride MonthRainbow WashingThe Modernistการตลาด
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article “แดร็กโชว์” เสี่ยงผิดกฎหมาย หลังรัฐเท็กซัสเสนอกฎหมายควบคุมความประพฤติทางเพศ
Next Article BORN PINK ENCORE BKK การกลับมาอีกครั้งของ ‘BLACKPINK’ ที่เติมเต็มความรู้สึกให้บลิ๊งค์ได้เสมอ
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

POLITICSWORLD

อิสราเอล-ดินแดนของชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง : อิสราเอลต้องยุติการปิดกั้นที่ผิดกฎหมายและไร้มนุษยธรรมต่อฉนวนกาซา ในขณะที่โรงผลิตไฟฟ้าไม่มีเชื้อเพลิงปั่นไฟแล้ว

By ระวี ตะวันธรงค์
SOCIAL

Safe Clinic: เมื่อเอชไอวีอยู่รอบตัวเรา และไม่เลือกเวลาที่จะติด

By ระวี ตะวันธรงค์
POLITICS

ตำรวจไทยในโลกของอนิเมะ ว่าด้วยตำรวจไทยในสายตานักวาดมังงะญี่ปุ่น 

By ระวี ตะวันธรงค์
Editor

ดนตรียุค 90s โดยศิลปิน Gen Z: หรือเพลงอินดี้ร็อกจะกลับมาฮิตอีกครั้ง?

By ระวี ตะวันธรงค์
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.