เชื่อว่าเหล่ามนุษย์เงินเดือนสายออกแบบ หรือผู้คนที่ประกอบอาชีพรับออกแบบฟรีแลนซ์ต้องเคยคำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือน แล้วต้องรวมค่าสมาชิกของ ‘Adobe’ พ่อทุกสถาบันของคนในวงการออกแบบทุกประเภทเป็นแน่ สนนราคาเดือนนึงก็พอรับได้ แต่สมมติรวมค่าใช้จ่ายที่เราเสียเงินไปในแต่ละปีแล้ว เงินเหล่านั้นก็ทำรายได้ให้กับ Adobe ได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียว
จากข้อมูลการเงินล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2023 ของ ‘อะโดบีซิสเต็มส์ (Adobe Systems)’ ที่ปรากฏในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก พบว่ามีมูลค่าทางการตลาดถึง 2.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีรายได้สุทธิในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 4.3 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
เหตุผลหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับ Adobe นั่นคือระบบสมัครสมาชิกรายเดือน และรายปี ที่ Adobe เริ่มเปลี่ยนจากระบบการซื้อขาด เมื่อปี 2013 ด้วยสาเหตุของการละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมที่ห้ามไม่อยู่ จนทำให้พวกเขาต้องสร้างระบบเพื่อให้ผู้ใช้งานจำเป็นต้องสมัครสมาชิกกับบริษัทผ่านออนไลน์เท่านั้น
จุดนี้เองทำให้การละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมในเครือ Adobe ลดน้อยลงตามลำดับ แต่ในแง่ของผู้ใช้งาน พวกเขาจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นเพียงเพื่อใช้โปรแกรมเดิมในการสร้างสรรค์ผลงาน จากเดิมที่พวกเขาเสียค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว
‘Stuart Semple’ ศิลปิน นักกิจกรรม และภัณฑารักษ์ชาวลอนดอน
‘Stuart Semple’ ศิลปิน นักกิจกรรม และภัณฑารักษ์ชาวลอนดอนก็เป็นคนหนึ่งที่ปวดหัวกับข้อจำกัดของผู้ใช้งานข้อนี้เหมือนกัน เขามองว่าการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเจ้าโปรแกรม Adobe ก็เหมือนกับการเป็นเจ้าของบ้านที่ซื้อขาดด้วยตัวเอง เมื่อเปลี่ยนเป็นการเช่า ผู้ให้เช่าก็มีสิทธิ์ในการขึ้นค่าเช่า หรือนำฟีเจอร์บางอย่างออกได้เสมอเมื่อพวกเขาต้องการ
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะสร้าง และเป็นเจ้าของเครื่องมือของเราเอง เพื่อความเป็นอิสระ เราต้องเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตนั้น” สจวร์ตกล่าวไว้ในหน้าแคมเปญบน ‘Kickstarter’ ในชื่อ ‘Abode’
ใช่ อ่านไม่ผิด เขาใช้ชื่อนี้แหละ
Logo ของ ‘Abode’ โปรแกรมล้อเลียนแสนจริงจังของสจวร์ต
สจวร์ตใช้ข้อความแนะนำเจ้า ‘Abode’ ว่า “บ้านหลังใหม่แห่งความคิดสร้างสรรค์ของคุณ (A new home for your creativity.)”
‘Abode’ คือชุดโปรแกรมออกแบบที่มีเป้าหมายในการทำให้ผู้ใช้งานโปรแกรมในตระกูล Adobe ได้ใช้โปรแกรมที่คล้ายคลึงกัน ในแบบจ่ายครั้งเดียวจบ ! เอาง่าย ๆ ว่าแทบทุกอย่างที่เราจะได้รับนั้นแทบไม่ต่างกัน รูปแบบโปรแกรม วิธีการใช้งาน รวมถึงประสบการณ์การใช้งานก็เหมือนกันอย่างกับแกะ
รวมถึงชื่อโปรแกรมในเครือ ‘Abode’ ก็ล้อชื่อจากต้นฉบับอย่างเป๊ะ ๆ ทั้ง ONdesign, illustrateIT, photoPOP และ Impress
ตัวอย่างหน้าตาของโปรแกรม ‘Abode’ ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
โดยหากเราสนับสนุนเจ้าโปรแกรมนี้ผ่านการระดมทุนใน Kickstarter สิ่งที่เราจะได้รับคือการเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ทดลองใช้งานเจ้าชุดโปรแกรมนี้แบบเต็ม ๆ พร้อมทั้งต้องส่งความเห็นในการใช้งานตอบกลับไปยังผู้พัฒนาเพื่อทำให้โปรแกรมเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น และที่สำคัญคือโปรแกรมเหล่านี้จะอัพเดตให้คุณแบบตลอดชีพ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลยแม้แต่นิดเดียว
เป้าหมายในภายภาคหน้าของพวกเขาคือการพัฒนาให้โปรแกรมใช้งานได้จริงในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ก่อนจะพัฒนาต่อในช่วงเวลาที่เหลืออยู่เพื่อเผยแพร่มันสู่สาธารณะอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2025 และสนนราคาตลอดชีพให้ไม่เกินกว่า 150 ดอลลาร์ หรือราว 5,000 บาทไทย
สิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือพวกเขาเคยทำสำเร็จมาแล้วหนึ่งครั้ง ด้วยการต่อกรในยกแรกกับ ‘Pantone’ บริษัทผู้จัดการสีบนหน้าจอดิจิทัลและสีที่มองเห็นด้วยตาให้เป็นค่าเดียวกัน ผ่านการจัดทำ ‘Freetone’ หรือชุดเครื่องมือจัดการสีรูปแบบเดียวกันที่ ‘ฟรี’ และทำให้ผู้คนไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายอีกต่อไป
เชื่อเลยว่าในยกที่สองนี้ ‘Adobe’ ต้องมีหนาว ๆ ร้อน ๆ บ้างแล้วล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : nasdaq / kickstarter / theverge / petapixel
