หลังจากห่างหายกันไปนานถึง 3 ปี วงเฮฟวีเมทัล Restrospect ก็ได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งกับการทำงานดนตรีที่พวกเขารัก พร้อมซิงเกิลใหม่ “ชีวิตหลังความตาย (Afterlife)” จากเสียงร้องของนักร้องนำคนใหม่อย่าง “เก้า – จิรายุ ละอองมณี” นักแสดงชื่อดัง ที่ได้ผันตัวมาเดินตามความฝัน ด้วยการร่วมงานกับวงดนตรีที่ตัวเองชื่นชอบและเป็นแฟนคลับมานาน
สำหรับจุดเริ่มต้นของการร่วมงานกัน เก้าเล่าว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากวันที่เก้านำเพลงของ Retrospect ไปร้องในรายการหนึ่ง และกลายเป็นกระแสเชียร์ให้เก้าและ Retrospect มาเล่นดนตรีด้วยกัน
“ตอนแรกผมไม่รู้จักพี่ๆ เขาเป็นการส่วนตัว ก็เกร็ง แต่ว่าตอนนั้นผมทำช่อง YouTube แล้วค่อนข้างที่จะบ้ายอดวิว ก็เลยติดต่อพวกพี่เขาไป ก็เออ… คงจะดีนะ ได้รู้จักกับพี่ๆ เขาไว้ ผมไม่ได้คิดจะไปออดิชั่น และไม่คิดว่าพี่ๆ เขาจะเลือกเราแน่ๆ แค่อยากจะเล่นกับพี่ๆ เขา คือเราฟังตั้งแต่เด็ก แล้วก็รู้สึกว่า ถ้าได้เล่นกับวงเก่งๆ สักครั้งก็เป็นประสบการณ์ที่ดีแล้ว” เก้ากล่าว
“แต่ว่าหลังจากนั้นมันก็เหมือนเป็นโชคชะตาหลายอย่างมารวมกัน จังหวะลงตัวกับการที่พี่ๆ เขาชวนเราไปเล่นที่ไต้หวันเป็นงานแรก ก็เปิดตัวที่ต่างประเทศเลย มันก็เป็นงานใหญ่อยู่เหมือนกัน แล้วเราก็ไม่คิดว่าหลังจากนั้นทุกอย่างจะโอเค พี่ๆ เขาก็แฮปปี้กับการเล่นดนตรีด้วยกัน ก็เลยทำให้วันนี้เราได้มีคอนเสิร์ต ได้มีซิงเกิล เริ่มออกทัวร์ด้วยกันแล้ว” เก้ากล่าว
ด้าน บอม – ณพวัชร คชาชีวะ มือเบสของวง ก็เสริมว่า การเดินทางไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไต้หวัน ทำให้เขารู้สึกว่า คนที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ของวง จะต้องเป็นเก้าเท่านั้น
“ก่อนขึ้นเวทีที่ไต้หวัน เขาจะมีห้องพักศิลปิน 2 ห้อง วงอื่นๆ เขาจะอยู่ห้องหนึ่ง แล้วน้องก็จะไปแอบอยู่ห้องหนึ่ง นั่งทำสมาธิคนเดียว แล้วเขาก็จะมองตัวเองในกระจก มันจะเป็นเหมือนกระจกแต่งหน้า เขาก็จะจ้องหน้าตัวเอง วอร์มเสียง แล้วก็ทำสมาธิ ผมรู้สึกอย่างชัดเจนเลยว่าตรงนั้นน่ะ น้องมีความตั้งใจมาก รู้สึกว่ามันมีพลังและมีบางอย่างที่ผมรู้สึกว่า Retrospect ต้องการสิ่งนี้” บอมกล่าว
“ผมว่ามันเป็นเรื่องของการที่เราได้เรียนรู้การที่ไม่มีกันและกันมากกว่า การที่วันหนึ่งวงเหลือกันแค่ 3 คน เราไม่สามารถทำเพลงออกมาให้คนฟังได้ มันอับเฉา เหี่ยวๆ หน่อย พอเราได้มีโอกาสนี้อีกครั้ง มันเหมือนโอกาสที่สองของชีวิต ก็เลยเห็นค่ามัน เขาบอกว่าคนที่รอดพ้นจากความตายมา มันจะเห็นค่ากันทุกอย่าง มันจะรู้สึกว่าทุกอย่าง สิ่งเล็กๆ แวะทานข้าวด้วยกันหลังคอนเสิร์ต แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางกัน อะไรแบบนี้ทำให้เราอบอุ่นและแฮปปี้” บอมกล่าว
ภายใต้ชื่อ “เก้า Retrospect” เก้าได้รับความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมจากเพื่อนร่วมวง ซึ่งความเชื่อมั่นนี้สะท้อนผ่านผลงานเพลง ชีวิตหลังความตาย (Afterlife) ที่เก้าเป็นผู้แต่งเนื้อร้องและเมโลดี้เอง
“ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปเลย รู้สึกว่าพี่ๆ เขาให้พื้นที่กับเรา ไม่ได้บอกว่าเราต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เขาจะถามความเห็นเรา ให้เราเป็นตัวเองอย่างที่เราสบายใจ อย่างเรื่องของเพลงก็ได้รับความเชื่อมั่น ที่ผมเองก็ยังไม่เชื่อมั่นในตัวเองเท่ากับที่พี่เขาเชื่อมั่นในตัวผม ให้ผมเขียน ซึ่งสุดท้ายพอได้ทำมาจริงๆ ก็ต้องขอขอบคุณพี่ๆ Retrospect มากๆ ที่ให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่ง แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งจริงๆ ไม่ใช่แค่มาร้อง” เก้าเล่า
บอมกล่าวว่า เมื่อเก้าเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในวง ก็มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานเล็กน้อย เพื่อสร้างความรู้สึกของการเป็น “เจ้าของวง” ร่วมกัน ไม่ใช่เพียงแค่เป็นนักร้องนำที่ทำหน้าที่ตามคำสั่งเท่านั้น และทำให้ทุกคนพร้อมที่จะออกผจญภัยด้วยกัน ผ่านการทำดนตรีใหม่ๆ
“ผมว่าสิ่งหนึ่งที่เก้ามีอยู่แล้วคือความตั้งใจ ความพยายาม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถมีได้เลยทันที ก็คือเรื่องของชั่วโมงบิน ซึ่งต้องใช้เวลา ค่อยๆ เก็บสะสมกันไป หลังๆ เขาสามารถเอาคนดูอยู่มากขึ้น”
“น้องมีความตั้งใจที่เห็นได้ชัดในการมาเป็นนักร้องในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การวอร์มเสียงทุกครั้งก่อนขึ้นโชว์ ดื่มน้ำอุ่นตลอด ถ้าเกิดจะมีเรื่องอะไรก็ตาม ผมคิดว่าเป็นเรื่องประสบการณ์ ที่มันไม่มีทางลัด นอกจากออกไปโชว์ด้วยกัน แล้วเขาจะทราบเองว่าในสถานการณ์แบบนี้ควรทำแบบไหน” บอมกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อถามถึงความตั้งใจในอนาคตของวง บอมกล่าวว่า พวกเขาอยากมีอัลบั้มเต็ม และได้ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกันสักครั้ง
“Retrospect ตอนนี้ 22 ขวบครับ ผมไม่มองว่าตอนนี้ Retrospect เป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าจะอายุเยอะแล้ว แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าวงเด็กกว่านี้มาก่อนเลย ถ้าเป็นวงอื่นให้สัมภาษณ์อาจจะบอกว่า อ๋อ… อัลบั้มนี้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ สำหรับเรา Retrospect เด็กลงกว่าเดิมเยอะ เรามีไฟ มีความรู้สึกตื่นเต้น กระชุ่มกระชวย ถึงจะอายุ 22 แล้ว แต่ว่าเหมือนเด็กอายุ 15 ที่อยากวิ่งไปห้องซ้อม เพื่อซ้อมดนตรีกับพวกนี้ รู้สึกว่าอยากทำเพลงมากๆ เพราะฉะนั้น เราขอไม่เป็นผู้ใหญ่ เราอยากกลับไปเป็นเด็กมากเลย” บอมทิ้งท้ายท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมวง
