หลุมยุบกลางกรุง: อุบัติเหตุทางวิศวกรรม หรือสัญญาณฟ้องความล้มเหลวในการบริหารจัดการและเงาทะมึนของคอร์รัปชัน?
เช้าวันที่ 24 กันยายน 2568 ภาพหลุมยุบขนาดมหึมาที่กลืนกินพื้นผิวถนนสามเสนใจกลางกรุงเทพฯ บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ไม่ใช่เป็นเพียงอุบัติเหตุทางวิศวกรรม แต่มันคือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของบาดแผลเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองหลวงของประเทศไทยมานาน มันคือ “หลุมดำ” ที่ดูดกลืนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบการบริหารจัดการโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของประเทศ
คำอธิบายเบื้องต้นจากหน่วยงานภาครัฐที่ระบุว่าสาเหตุเกิดจาก “ท่อประปาแตก” นั้น เป็นเพียงการชี้ไปที่ “อาการ” ของโรค แต่ไม่ได้ตอบคำถามที่ใหญ่กว่าว่า “อะไรคือต้นตอของโรค?” และเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าจุดเกิดเหตุคือพื้นที่แนวก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ดิน สัญญาที่ 1 และ 2 ซึ่งมี CKST-PL JOINT VENTURE (บมจ.ช.การช่าง และ บมจ.ซิโน-ไทยฯ) เป็นผู้รับเหมา จิ๊กซอว์ทั้งหมดก็เริ่มต่อกันเป็นภาพที่น่ากังวลยิ่งขึ้น
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้จะเจาะลึกลงไปว่าปรากฏการณ์ “หลุมยุบกลางกรุง” เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาการบริหารจัดการที่หยั่งรากลึก ความล้มเหลวในการบูรณาการ และเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่เปิดประตูสู่การทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างไร
เจาะโครงสร้างความล้มเหลว: ใคร…ปล่อยปละละเลย?
เหตุการณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการอย่างน้อย 3 ระดับ
ระดับที่ 1 การขาดบูรณาการ (Silo Mentality):
กรุงเทพมหานครเปรียบเสมือนร่างกายที่มีอวัยวะหลายส่วนทำงานแยกกัน ใต้ผิวถนนเส้นเดียวมีเจ้าภาพมากมาย ทั้ง กทม. (ถนน, ท่อระบายน้ำ), การประปานครหลวง (ท่อประปา), การไฟฟ้านครหลวง (สายไฟฟ้าใต้ดิน) และ รฟม. (โครงการรถไฟฟ้า) การอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ทับซ้อนลงบนสาธารณูปโภคเดิมที่มีอายุหลายสิบปี แต่กลับไม่มี “เจ้าภาพกลาง” ที่มีอำนาจและประสิทธิภาพในการบูรณาการข้อมูลและแผนงานอย่างแท้จริง
คำถามคือ ก่อนการขุดเจาะ รฟม. และผู้รับเหมาได้ประสานงานกับการประปาฯ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อแนวท่อประปาเก่าอย่างรัดกุมเพียงใด หรือเป็นเพียงการทำงานแบบ “ต่างคนต่างทำ” จนเกิดหายนะ
ระดับที่ 2 การกำกับดูแลที่อ่อนแอ (Weak Oversight):
รฟม. ในฐานะ “เจ้าของโครงการ” มีหน้าที่กำกับดูแลผู้รับเหมาให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สังคมตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการกำกับดูแลนั้น มาตรการป้องกันแรงสั่นสะเทือน, การตรวจสอบสภาพดินและน้ำใต้ดิน, และการประเมินผลกระทบต่อโครงสร้างเดิม ถูกนำไปปฏิบัติจริงจังแค่ไหน หรือเป็นเพียงเอกสารในแผนงานที่สวยหรูแต่ถูกละเลยที่หน้างานเพื่อแลกกับความเร็วหรือการลดต้นทุนบางอย่าง
ระดับที่ 3 สุญญากาศแห่งความรับผิดชอบ (Accountability Vacuum):
สิ่งที่เราเห็นทันทีหลังเกิดเหตุคือการชี้แจง แต่ยังไม่เห็นการ “แสดงความรับผิดชอบ” อย่างแท้จริง ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกรณีศึกษา “หลุมยุบที่ฟุกุโอกะ” ในญี่ปุ่น ที่นายกเทศมนตรีและบริษัทผู้รับเหมาออกมาโค้งคำนับขอโทษประชาชนและซ่อมแซมถนนให้เสร็จใน 7 วัน เพราะพวกเขามองว่านี่คือความล้มเหลวในการบริการประชาชนที่ยอมรับไม่ได้
แต่สำหรับประเทศไทย เราอาจต้องรอผลการสอบสวนที่ยาวนาน และสุดท้ายอาจจบลงที่การโทษว่าเป็น “อุบัติเหตุ” โดยไม่มีใครต้องรับผิดชอบในเชิงบริหารอย่างเป็นรูปธรรม
ช่องโหว่ของการบริหาร…สู่ประตูของคอร์รัปชัน?
เราต้องพูดให้ชัดเจนว่า ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันโดยตรง แต่ความล้มเหลวในการบริหารจัดการที่กล่าวมาทั้งหมด คือ “สภาวะแวดล้อมชั้นดี” ที่เอื้อให้การทุจริตเติบโต
- เมื่อการกำกับดูแลอ่อนแอ มันคือการเปิดช่องให้ผู้รับเหมาลดสเปกวัสดุ หรือละเลยขั้นตอนด้านความปลอดภัยที่สิ้นเปลืองเพื่อเพิ่มกำไร
- เมื่อหน่วยงานรัฐทำงานแยกส่วน ขาดการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ย่อมง่ายต่อการอนุมัติโครงการหรือจ่ายงานโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน
- เมื่อไม่มีวัฒนธรรมความรับผิดชอบที่เข้มแข็ง การปกปิดความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่หน้างานจนมันสะสมกลายเป็นปัญหาใหญ่จึงเกิดขึ้นได้เสมอ
โครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในไทยมักตกเป็นเป้าของคำถามเรื่องความโปร่งใสและงบประมาณที่บานปลายอยู่เสมอ หลุมยุบครั้งนี้จึงอาจไม่ใช่แค่ดินที่ทรุด แต่มันคือความโปร่งใสและมาตรฐานที่ทรุดตัวลงไปด้วยหรือไม่ นี่คือคำถามที่สังคมต้องร่วมกันหาคำตอบ
ทางออกไม่ใช่แค่การถมหลุม แต่คือการปฏิรูประบบ
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการถมดินและซ่อมถนนเป็นสิ่งที่ต้องทำ แต่หากเราต้องการป้องกันไม่ให้ “หลุมยุบ” ทั้งในความหมายจริงและเชิงเปรียบเทียบ เกิดขึ้นอีกในอนาคต ประเทศไทยต้องการมากกว่าปฏิบัติการทางวิศวกรรม
- ตั้งคณะกรรมการสอบสวนอิสระ: ต้องมีองค์กรที่เป็นอิสระจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงอย่างโปร่งใส และเปิดเผยผลต่อสาธารณะ
- ปฏิรูปการกำกับดูแลโครงการขนาดใหญ่: ต้องมี “Single Command” หรือเจ้าภาพกลางที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบูรณาการแผนงานและข้อมูลสาธารณูปโภคทั้งหมดของประเทศ เพื่อให้การอนุมัติและควบคุมโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- สร้างวัฒนธรรมความรับผิดชอบ: ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแสดงความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่การย้ายหรือตั้งกรรมการสอบสวน แต่ต้องยอมรับความผิดพลาดและแสดงให้เห็นถึงมาตรการแก้ไขที่ชัดเจนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
หลุมที่ถนนสามเสนจะถูกถมได้ในไม่ช้า แต่ “หลุมดำแห่งความเชื่อมั่น” ที่เกิดขึ้นในใจของประชาชนต่อระบบบริหารจัดการของรัฐนั้น อาจต้องใช้เวลาและความจริงใจในการปฏิรูปอีกนานกว่าจะถมได้เต็ม
The Insight News Analysis

