ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ หวั่น ถนนทรุดถูกเบี่ยงเบนเป็นเรื่องทางธรรมชาติ ชี้ ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย และต้องมีผู้รับผิดชอบ อย่าปล่อยคนผิดลอยนวล
จากกรณีถนนทรุดหน้าโรงพยาพยาบาล จนเกิดหลุมยักษ์ ที่สร้างผลกระทบต่างๆ เป็นอย่างมาก ล่าสุด ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องสุดวิสัย และต้องมีผู้รับผิดชอบ ผ่านบทความที่ชื่อว่า “ถนนทรุดกลางกรุงอย่าโทษดิน-โทษน้ำ!” โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
กรุงเทพฯ สะเทือนอีกครั้ง เมื่อถนนหน้าวชิรพยาบาลทรุดเป็น “หลุมยักษ์” กลางเมือง บริเวณไซต์ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สร้างความโกลาหลไปทั่ว พอได้ฟังถ้อยแถลงจากผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการนี้ ช่วงแรกรู้สึก “อบอุ่น” ช่วงต่อมารู้สึก “อบอ้าว” ขึ้นมาทันที!

ช่วงแรก… ผู้ว่าการ รฟม. รีบออกมาขออภัย และยืนยันว่าจะดูแลทุกเรื่องอย่างเต็มที่ ช่วงต่อมา… ท่านชี้แจงเหตุผลที่ทำให้ถนนทรุด “อาจเกิดจากสภาพของดินบริเวณนี้ร่วมกับน้ำที่อยู่ใต้ดิน ทำให้สภาพของดินมีการเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นลักษณะพิเศษ” ฟังแล้วเหมือนมีฮีโร่มาช่วย น่าชื่นใจ แต่ลองฟังให้ลึก เราจะพบกับช่องโหว่สำคัญ
(1) การบอกว่า “ดินเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นลักษณะพิเศษ” ฟังแล้วไม่เข้าใจว่า “ลักษณะพิเศษ” นั้นเป็นอย่างไร? และดินบริเวณนี้มีคุณสมบัติทางเทคนิคอย่างไร? ที่สำคัญ ไม่มีข้อมูลทางเทคนิคมาแสดง ไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบคุณสมบัติของดินก่อนและหลังถนนทรุดมาแสดง
การออกมาชี้แจงโดยไม่มีข้อมูลทางวิชาการรองรับ อาจทำให้ประชาชนคนทั่วไปเข้าใจได้ว่าถนนทรุดเป็น “เหตุสุดวิสัย” ไม่มีผู้ทำผิด… ผู้ทำผิดลอยนวล ไม่ต้องรับผิดชอบ
(2) คำถามที่ตามมาก็คือ ทำไมการก่อสร้างสถานีใกล้เคียงจึงไม่มีปัญหา? ถ้าดินและน้ำในบริเวณนี้ “พิเศษ” จริง เหตุใดสถานีอื่นที่อยู่ในสภาพธรณีคล้ายกันจึงปลอดภัยดี? คำตอบนี้แหละคือสิ่งที่ประชาชนสมควรได้รับ ไม่ใช่เพียงคำพูดลอยๆ
(3) รฟม.ชี้แจงว่า “กระทรวงคมนาคม รฟม. ผู้เชี่ยวชาญจากสภาวิศวกร รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันตรวจเพื่อหาต้นเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง”… ผมหวังว่าจะสามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่หวั่นว่าจะได้ข้อสรุปว่า ดินทรุดเป็นความผิดของ “ดิน” ที่ถูกกล่าวหาว่า “เปลี่ยนพฤติกรรม”… เป็นการใช้ข้ออ้างทางธรรมชาติมาบดบังความบกพร่องทางวิศวกรรม หรือเป็น “เหตุสุดวิสัย” นั่นเอง
เพื่อช่วยผู้ที่จะมาหาสาเหตุของถนนทรุด ผมขอชี้เป้าให้ไปตรวจสอบจุดเชื่อมต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานีว่ามีการ Sealing ดีหรือไม่?
โดยปกติจะต้อง Seal ด้วยการทำ Jet Grouting (เทคนิคการปรับปรุงดินโดยการฉีดปูนซีเมนต์ผสมน้ำลงไปในดินด้วยแรงดันสูงมาก เพื่อทำให้ดินบริเวณจุดเชื่อมต่อมีความแข็งแรง สามารถกันน้ำได้ เป็นการอุดรอยต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานี) หากไม่มีการทำ Jet Grouting ที่จุดดังกล่าว จะทำให้ดินและน้ำทะลักผ่านเข้าสู่สถานีได้ เป็นผลให้พื้นที่ใต้ดินใกล้จุดเชื่อมต่อเป็นโพรง จนทำให้ถนนทรุดเป็นหลุมยักษ์
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างอุโมงค์กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหน้า รพ.วชิรพยาบาลไม่มีการทำ Jet Grouting ใช่หรือไม่?
สุดท้าย เรื่องนี้ไม่ควรจบแค่การขออภัย แต่ต้องชี้ให้ชัดว่า ใครคือคนที่ทำผิด… เพราะถ้าหา “คนผิด” ไม่ได้ แล้วโยนทุกอย่างให้ธรรมชาติ “ดิน-น้ำ” ซึ่งพูดไม่ได้ ความเสียหายครั้งนี้ก็จะกลายเป็นบทเรียนราคาแพงที่ไม่มีใคร “เกรงกลัว”
ที่มา ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์

