วิเคราะห์ผลสำรวจนิด้าโพล “3 ปีครึ่ง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” เปรียบเทียบกับผลสำรวจเมื่อ 6 เดือนก่อน พบเรตติ้งสูงขึ้น ! ความพึงพอใจรวม 78.40%
ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลล่าสุดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในรอบ 3 ปีครึ่ง เปรียบเทียบกับผลโพลเมื่อ 6 เดือนก่อน แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเชิงบวกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการยกระดับความพึงพอใจของประชาชนจากระดับกลางไปสู่ระดับสูงสุด
การประเมินผลงานในภาพรวมพบว่า คะแนนระดับ “พอใจมาก” ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 27.10% ในการสำรวจรอบ 3 ปี เป็น 31.85% ในรอบ 3 ปีครึ่ง ขณะที่คะแนนความพึงพอใจโดยรวม (พอใจมาก + ค่อนข้างพอใจ) อยู่ที่ 78.40% การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าการทำงานในช่วงหลังได้สร้างความเชื่อมั่นและประจักษ์ผลต่อสาธารณะมากขึ้น

1. การวิเคราะห์ความสำเร็จ: ผลงานที่ประชาชน “สัมผัส” ได้
การที่คะแนนความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด ส่วนใหญ่มาจากมิติของการบริหารจัดการเมืองที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในทันที การเพิ่มขึ้นของคะแนน “ดีมาก” ในแต่ละประเด็นเป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญ:
(1) มิติความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นส่วนที่ได้รับคะแนนบวกสูงสุด:
– การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย: คะแนน “ดีมาก” เพิ่มขึ้น 6.90% (เป็น 32.60%)
– การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย: คะแนน “ดีมาก” เพิ่มขึ้น 6.90% (เป็น 32.15%)
(2) มิติภูมิทัศน์และการใช้สอยพื้นที่ ได้รับการยอมรับอย่างสูง:
– การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ: คะแนน “ดีมาก” เพิ่มขึ้น 6.35% (เป็น 37.20%)
– การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย: คะแนน “ดีมาก” เพิ่มขึ้น 5.25% (เป็น 32.20%)
การเพิ่มขึ้นของคะแนนในประเด็นเหล่านี้บ่งชี้ว่า ยุทธศาสตร์การเน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะขนาดเล็ก (Micro-infrastructure) เช่น ทางเท้า , ความสะอาด, และความปลอดภัย ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากประชาชน

2. ข้อสังเกตเชิงนโยบาย: ความท้าทายที่เป็น “จุดเปราะบาง”
แม้ว่าผลงานจะดีขึ้นในหลายด้าน แต่ยังมีสองประเด็นหลักที่ยังคงเป็นความท้าทายและเป็นปัจจัยลบที่สำคัญต่อการประเมินผลงานโดยรวม ซึ่งผู้บริหารต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ:
– ประเด็นเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต (ปากท้อง): “การแก้ไขปัญหาปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง” เป็นประเด็นเดียวที่คะแนนเชิงลบยังคงสูงกว่าคะแนนเชิงบวกอย่างมาก ผู้ตอบแบบสอบถามระบุ “ไม่ค่อยดี” (33.40%) และ “ไม่ดีเลย” (20.20%) รวมเป็นคะแนนไม่พอใจสูงถึง 53.60%
แม้ว่าอำนาจของ กทม. ในการจัดการเศรษฐกิจมหภาคจะจำกัด แต่ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความคาดหวังของประชาชนที่ต้องการให้ผู้ว่าฯ ใช้กลไกการบริหารจัดการเมืองเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพอย่างจริงจัง
– ประเด็นธรรมาภิบาลและการตรวจสอบ: “การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในหน่วยงานของ กทม.” ยังคงเป็นเรื่องที่ประชาชนแสดงความไม่พอใจในระดับสูง โดยมีคะแนน “ไม่ดีเลย” สูงถึง 22.95% และคะแนนไม่พอใจรวมอยู่ที่ 46.45% ตัวเลขนี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเชื่อมั่นในองค์กร ซึ่งการรักษาคะแนนบวกในประเด็นนี้จำเป็นต้องอาศัยการทำงานที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกระดับ
3. บทสรุป
การที่เรตติ้งผู้ว่าฯ ชัชชาติเพิ่มขึ้น ถือเป็นการยืนยันความชอบธรรมในการบริหารที่เน้นผลงานเชิงประจักษ์ อย่างไรก็ตาม หากสามารถตอบโจทย์พื้นฐานทางเศรษฐกิจและปัญหาความโปร่งใสของระบบราชการได้ ก็อาจส่งผลให้การสำรวจรอบหน้า มีคะแนนที่สูงขึ้นไปอีก
ดังนั้นการบริหารในระยะที่เหลือจึงมิใช่แค่การรักษามาตรฐานเดิม แต่เป็นการพิสูจน์ความสามารถในการจัดการกับ “โจทย์ที่ยากที่สุด” สองข้อนี้ ซึ่งจะกำหนดว่าความนิยมนี้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว หรือเป็นฐานเสียงที่มั่นคงจากผลงานที่ครอบคลุมทุกมิติอย่างแท้จริง
อ้างอิง
ผลสำรวจ นิด้าโพล “3 ปีครึ่ง ผู้ว่าฯ ชัชชาติ (เผยแพร่ 7 ธ.ค. 68)

