การประกาศยุบสภาเมื่อคืนวันที่ 11 ธันวาคม 2568 โดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่การคืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2569 เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวของฉันทามติส่วนใหญ่ที่ประชาชนเคยมอบให้ฝ่ายเสรีนิยมในการเลือกตั้งปี 2566
1. จุดเริ่มความบิดเบี้ยว: เพื่อไทยกับก้าวแรกที่ผิดพลาด
หลังการเลือกตั้งปี 2566 ฝั่งเสรีนิยมได้คะแนนรวมกันอย่างถล่มทลาย ลำพังแค่พรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน) ที่ได้จำนวน สส. เป็นอันดับ 1 และคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 14.4 ล้านเสียง (151 สส.) รวมกับพรรคเพื่อไทย ที่ได้จำนวน สส. เป็นอันดับ 2 และคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ 10.9 ล้านเสียง (141 สส.) ก็สามารถจับมือกันตั้งรัฐบาลได้อย่างสบายๆ
แต่ด้วยกลเกมทางการเมือง และการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ในการถีบพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน เพื่อข้ามขั้วเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนอย่างรุนแรง
การกระทำดังกล่าวทำให้โครงสร้างการเมืองเสียสมดุลตั้งแต่ต้น ก่อนพรรคเพื่อไทยต้องประสบวิบากกรรมที่หนักหนาสาหัส เมื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” ต้องหลุดจากตำแหน่งนายกฯ เซ่นสังเวยคลิปเสียงการสนทนากับ “ฮุนเซน” เปิดทางให้ “พรรคภูมิใจไทย” พลิกเกมด้วยดีลพิสดารกับ “พรรคประชาชน” เข้ายึดกุมอำนาจบริหารประเทศ

2. ดีลพิสดาร : พรรคประชาชนกับการเสียรู้เกมการเมือง
การเมืองไทยเข้าสู่ภาวะผิดปกติ เมื่อเกิดดีลระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ซึ่งมีเงื่อนไขสำคัญคือ “การเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ” โดยพรรคประชาชนไม่เข้าร่วมรัฐบาล
ส่งผลให้บทบาทผู้นำฝ่ายค้านของพรรคประชาชนดูไม่หนักแน่นเท่าที่ควรในรัฐบาลภูมิใจไทย แม้จะมีการจัดหนักจัดเต็มกับคนในรัฐบาล แต่ก็เป็นแกนนำของพรรคอื่น เพราะพรรคประชาชนให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญเป็นอันดับ 1 นั่นเอง
3. วันหักดิบและจุดจบความหวังแก้รัฐธรรมนูญ
ความจริงปรากฏชัดในวันที่ 11 ธันวาคม 2568 กลางสภาสมัยวิสามัญ เมื่อพรรคภูมิใจไทยจับมือกับ สว. ให้คงอำนาจ สว. 1 ใน 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เหตุการณ์นี้คือการ “หักหลัง” ทางการเมืองที่ทำเอาพรรคประชาชนออกอาการกระอักเลือด เพราะเท่ากับว่าพรรคประชาชนโหวตให้อนุทินเป็นนายกฯ ฟรีๆ โดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย

4. อนุทินชิงยุบสภา
เมื่อดีลล่ม ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็เตรียมยื่นอภิปรายฯ แต่อนุทินได้ชิงยื่นยุบสภาตัดหน้าไปก่อน ภูมิใจไทยเลือกใช้จังหวะนี้เข้าสู่สนามเลือกตั้ง โดยหวังพึ่งกระแส “ชาตินิยม” จากการใช้มาตรการทางทหารตอบโต้กัมพูชา รวมถึงกลุ่มบ้านใหญ่ที่ไหลบ่าเข้ามาสู่พรรคช่วงที่เป็นแกนนำรัฐบาล ทำให้ภูมิใจไทยมั่นใจว่า มีโอกาสกลับมาเป็นแกนนำรัฐบาลอีกครั้ง หลังการเลือกตั้งปี 2569
5. บทสรุป 25 ล้านเสียงจากการเลือกตั้งปี 2566 ที่สูญเปล่า ?
การเลือกตั้งปี 2569 ที่กำลังจะมาถึง คือการรีเซ็ตกระดานอำนาจใหม่ แต่บทเรียนจากปี 2566 ถึง 2568 ชี้ให้เห็นความจริงที่เจ็บปวดว่า คะแนนเสียงรวมกันกว่า 25 ล้านเสียง (ปาร์ตี้ลิสต์) ของฝ่ายเสรีนิยม ถูกทำให้สูญเปล่าด้วยการตระบัดสัตย์ เล่ห์เหลี่ยมการเมือง และการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดทั้งของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ส่งผลให้ประเทศต้องวนกลับมาที่จุดเดิม แม้ประชาชนเคยแสดงเจตจำนงค์ต้องการความเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตาม



