The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / Editor / ‘เรือนร่าง ค่าแรง เวลางานที่เป็นธรรม’ เมื่ออุตสาหกรรม K-POP รื้อกฎหมายเกี่ยวกับไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
Editor

‘เรือนร่าง ค่าแรง เวลางานที่เป็นธรรม’ เมื่ออุตสาหกรรม K-POP รื้อกฎหมายเกี่ยวกับไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ระวี ตะวันธรงค์
Last updated: 5 ส.ค. 2023 19:45
ระวี ตะวันธรงค์
Share
SHARE

“อายุไอดอลเกาหลีเหมือนจะเริ่มลดลงเรื่อยๆ” 

‘ไอดอล’ กับ ‘อายุ’ เป็นสิ่งที่สังคมปัจจุบันยังคงให้ความสนใจและหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เสมอ ยิ่งในช่วงที่กระแส K-POP ได้รับความนิยมมากเท่าไร เราก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าศิลปินวงดังๆ เริ่มเดบิวต์กันตั้งแต่อายุน้อย มีค่าเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 14-19 ปี 

บทความในเว็บไซต์ koreaboo ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะกำลังเพิ่มสูงขึ้นในหมู่แฟนคลับ หลังมีกระแสว่าค่ายเพลงต่างๆ จะคัดเลือกเด็กฝึกหัด หรือที่เรียกกันว่า ‘เด็กเทรน’ หรือ ‘เทรนนี่’ ที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ก่อนตั้งคำถามถึงกฎหมายแรงงานที่ชี้เฉพาะเจาะจงไปยังนักแสดง นางแบบ ศิลปิน หรือไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และเริ่มเข้าสู่โลกแห่งการทำงานเร็วกว่าเพื่อนในช่วงวัยเดียวกัน

หนึ่งในบริษัทที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในบทสนทนาคือ ADOR ที่มีเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังอายุเฉลี่ยน้อยอย่าง Newjeans (นิวจีนส์) ที่มักเน่ของวงอย่างฮเยอิน เข้าสู่วงการเดินแบบตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และเดบิวต์เป็นไอดอลตอนอายุ 14 ปี หรือวง IVE (ไอฟ์) จากค่าย Starship Entertainment มีอีซอเป็นมักเน่อายุ 14 ปี เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาหมาดๆ รวมถึงค่าย YG Entertainment ที่ถูกพูดถึงจากการวางแผนเดบิวต์วง BABY MONSTER ซึ่งตัวเต็งที่จะได้เดบิวต์อย่างชิกิต้า ก็มีอายุเพียง 13 ปี 

ความกังวลนี้แตกประเด็นได้หลากหลาย เช่น ความเป็นห่วงไอดอลที่เป็นเยาวชนเวลาจะต้องรับมือกับแฟนคลับหลากหลายรูปแบบ ที่มีตั้งแต่แฟนคลับปกติไปยันแฟนคลับไม่ปกติ คำถามเรื่องการใช้แรงงานเด็กของค่ายต่างๆ ความกังวลว่าไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะถูกผู้มีอำนาจหรือต้นสังกัดเอารัดเอาเปรียบ โดยที่พวกเขาหรือเธอไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกผู้ใหญ่ที่เป็นทั้งคนทำงานและแฟนคลับ Gaslighting รวมถึงกรณีที่ อี ซึงกิ (Lee Seung-gi) ฟ้องต้นสังกัดตัวเอง ก็เป็นอีกครั้งที่ศิลปินเกาหลีฟ้องค่ายเพราะถูกกดขี่จากสัญญาจ้างกับการดูแลที่ไม่เป็นธรรม

เพราะเป็นเยาวชน จึงต้องรอบคอบรัดกุม และมีกฎหมายคุ้มครองชัดเจน

วันที่ 21 เมษายน 2023 มีรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ ผ่านร่างกฎหมายคุ้มครองไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เพิ่มเติมจากกฎหมายเดิมที่มีในหมวด Pop Culture and Arts Industry Development Act มุ่งไปยังประเด็นเรื่องเวลาการทำงานและค่าตอบแทนที่ยุติธรรม

กฎหมายฉบับนี้จะทำให้บริษัทหรือค่ายเพลงในเกาหลีใต้ที่มีศิลปินที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะต้องแจ้งรายได้รวมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และต้องแจ้งค่าตอบแทนเมื่อศิลปินร้องขอทุกครั้ง นอกจากนี้ยังปรับเวลาการทำงานใหม่เป็นห้ามทำงานเกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

กฎหมายที่ปรับแก้เพิ่มเติม มีเนื้อหาคร่าวๆ ดังนี้ 

– เยาวชนที่เป็นไอดอลหรือศิลปินอายุต่ำกว่า 12 ปี จะสามารถทำงานได้ไม่เกิน 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ วันละ 6 ชั่วโมง 

– เยาวชนที่เป็นไอดอลหรือศิลปินที่มีอายุระหว่าง 12-15 ปี จะสามารถทำงานได้ไม่เกิน 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ วันละ 7 ชั่วโมง

– เยาวชนที่เป็นไอดอลหรือศิลปินที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป จะสามารถทำงานได้ไม่เกิน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ วันละ 7 ชั่วโมง

เมื่อนำเวลางานของเยาวชนในวงการบันเทิง มาเทียบกับแรงงานทั่วไปที่บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2018 ที่มีเวลาทำงานตามปกติอยู่ที่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำงานล่วงเวลาได้ไม่เกิน 19 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะเห็นว่าเยาวชนมีเวลาทำงานน้อยกว่าแรงงานทั่วไปอยู่ 5 ชั่วโมง

ทว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของประธานาธิบดียุน ซอกยอล (Yoon Suk-yeol) พยายามปรับแก้ระยะเวลาทำงานใหม่ โดยหวังให้ยืดหยุ่นตามที่นายจ้างกับลูกจ้างจะตกลงกันเอง พยายามขยับเพดานเวลาทำงานรวมแล้วให้ไม่เกิน 69 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือเวลาทำงานตามปกติอยู่ที่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำงานล่วงเวลาได้ไม่เกิน 29 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ก่อนเตรียมส่งเรื่องไปยังสภาเพื่อลงมติพิจารณาอนุมัติในเดือนกรกฎาคม 2023 การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์เชิงลบอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนเจนเนอเรชัน Z ซ้ำยังเกิดความเป็นห่วงว่า หากรัฐบาลสามารถปรับเพิ่มเวลางานของคนทั่วไปได้สำเร็จ เวลางานของเยาวชนที่เพิ่งลดลงจะถูกแก้ใหม่ให้เพิ่มขึ้นหรือไม่ 

ข้อกำหนดในกฎหมายที่เพิ่มมายังระบุว่า ห้ามไม่ให้บริษัทละเมิดสิทธิด้านการศึกษาของศิลปินที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ห้ามไม่ให้เข้าชั้นเรียนเพราะต้องฝึกซ้อม ห้ามบังคับให้เด็กในสังกัดลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานเต็มตัว รวมถึงข้อห้ามอื่นๆ ที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยาวชน เช่น การบังคับให้เยาวชนต้องลดน้ำหนักแบบหักโหม รักษารูปร่างอย่างหนัก หรือประเด็นย่อยเรื่องการควบคุมอาหารจนทำให้เด็กในสังกัดไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ การกระทำใดที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ ฯลฯ 

การปรับเพิ่มข้อกำหนดในกฎหมาย เกิดขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าสิทธิของศิลปินที่ยังเป็นเยาวชนจะได้รับการคุ้มครอง รวมถึงมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ที่จะทำหน้าที่สอดส่องดูแล เป็นผู้รับผิดชอบในประเด็นนี้ เพื่อปกป้องสิทธิและความเป็นอยู่ของพวกเขา รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ยังสั่งการให้พิจารณาผลการสอบสวนเกี่ยวกับสัญญาจ้าง เพื่อหาวิธีแก้ไขสัญญาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับผู้ประกอบอาชีพนี้

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาส่วนนี้เป็นแค่การอธิบายกฎหมายใหม่แบบคร่าวๆ ยังไม่ได้ถกเถียงกันว่าค่ายกับศิลปินจะสามารถปฏิบัติตามกฎหมายนี้ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่

กฎหมายกับค่านิยมเก่าที่ทำกันมา สิทธิแรงงานเด็กจึงพูดง่ายแต่ทำยากหรือไม่?

การปรับกฎหมายเกิดขึ้นหลังสำนักข่าวออนไลน์ Dispatch เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนว่า อี ซึงกิ ศิลปินชื่อดังวัย 35 ปี ทำงานภายใต้การกดขี่จากต้นสังกัดอย่าง HOOK Entertainment มาอย่างยาวนาน จนสุดท้ายเขาได้จ้างทีมกฎหมายยื่นฟ้องต้นสังกัดตัวเอง เพราะตลอดระยะเวลา 18 ปี อี ซึงกิ มีผลงานเพลงกว่า 137 เพลง จาก 27 อัลบั้ม และได้รับรางวัลมากมาย แต่เขาไม่เคยได้รับค่าตอบแทนจากผลงานเหล่านี้เลย 

ทนายความของอี ซึงกิ ระบุว่า ค่ายเพลงมักอ้างว่าผลงานจำนวนมากนี้ยังไม่สามารถสร้างกำไรได้ จึงจ่ายให้ได้แค่เงินสำหรับใช้จ่ายทั่วไปเดือนละ 2 ล้านวอน (ประมาณ 54,000 บาท) ถ้าศิลปินใช้จ่ายเกินงบก็ต้องออกเงินเอง เมื่อเรื่องราวกลายเป็นคดีความ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกค้นข้อมูลในสำนักงาน พบว่าบริษัทมีรายได้จากผลงานของอี ซึงกิ รวมแล้วแตะหลักหมื่นล้านวอน 

ในแง่ของรายได้และสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจนถูกเรียกกันว่า ‘สัญญาทาส’ ก็พบเห็นได้บ่อยในอุตสาหกรรม K-POP ที่มักมาพร้อมกับการ Gaslighting จากต้นสังกัด เทคนิคที่ว่านี้สามารถเป็นได้ทั้งคำพูดหรือการกระทำบางอย่าง ที่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกผิด ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ทั้งที่อีกฝ่ายอาจไม่ได้ผิดจริงเลยก็ได้ 

Dispatch ยังเปิดเผยบทสนทนาระหว่างประธานค่ายกับพนักงานในบริษัท อ้างว่าสาเหตุที่ อี ซึงกิ เป็นนักร้องที่ไม่สามารถสร้างรายได้ให้ค่ายได้ เป็นเพราะเขาไม่ดีพอ มีการพูดว่าแฟนคลับของเขาไม่ยอมซื้ออัลบั้ม แต่กลับอยากให้ค่ายปรับนั่นปรับนี่ เรียกร้องหลายเรื่องจากค่าย มิหนำซ้ำประธานค่ายยังบอกให้ผู้จัดการของ อี ซึงกิ ปรามตัวศิลปินบ้างเพราะมีรสนิยมดีเกินไป (เหมือนพยายามจะสื่อว่ามีรสนิยมสูงเกินตัว) และบอกให้เขาประหยัดมากกว่านี้ 

การ Gaslighting ในทำนองเดียวกันยังพบเห็นได้ในประเด็นรูปร่าง ความเป็นอยู่ การออกกำลังกาย การอดอาหาร ที่กฎหมายใหม่ระบุว่าห้ามบังคับให้ศิลปินที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้รับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจ 

ตัวอย่างที่พอจะทำให้เห็นภาพยังเกิดขึ้นกับวง LE SSERAFIM (เลอ เซราฟิม) ที่เคยกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย เพราะเนื้อหาในสารคดีของพวกเธอตอนหนึ่งเผยให้เห็นว่า คนที่เป็นพนักงานทำงานเบื้องหลังของบริษัท แนะนำเรื่องการรักษารูปร่างกับสมาชิกวง เพราะเขามีธงในใจว่าไอดอลที่สมบูรณ์แบบจะต้องมีรูปร่าง หน้าตา บุคลิกภาพแบบใด รวมถึงแนะนำให้พวกเธอกินผักเยอะๆ จนทำให้ซากุระ หนึ่งในสมาชิกวงที่มีประสบการณ์ในวงการนานกว่าสิบปี แสดงความคิดเห็นว่าตอนนี้มีบางอย่างไม่ยุติธรรม เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับวงขนาดนั้น

การวิจารณ์ของผู้ที่ได้ดูสารคดีส่วนใหญ่ไปในทางเดียวกันคือความเป็นห่วงเมมเบอร์ เพราะในวงมีเยาวชน พวกเธอเป็นวัยรุ่นที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับสารอาหารเพียงพอ ต้องกินให้อิ่ม นอนให้พอ ไม่ใช่โฟกัสไปยังการอดอาหารให้รูปร่างผอมบาง หากมองจากโปรไฟล์ในเว็บไซต์ของค่ายต้นสังกัด จะเห็นว่าสมาชิกวงมีน้ำหนักประมาณ 42-53 กิโลกรัม มีส่วนสูงเฉลี่ย 163-175 เซนติเมตร มองอย่างไรก็ไม่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน 

ไม่เพียงเท่านี้ ไอดอลหญิงคนหนึ่งยังเคยออกมาบอกว่า เธอลดน้ำหนักด้วยการกินแต่ถั่ว นม กะหล่ำปลี ผลไม้บางชนิด คู่กับการออกกำลังกาย บางคนเล่าว่ากินอกไก่ชิ้นเล็ก กินสลัด ดื่มกาแฟดำ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ 

จนทำให้แฟนคลับตั้งข้อสังเกตว่าหลายครั้งที่ไอดอลต้องปรับอาหารการกินจนแทบจะอดอาหาร แต่กลับออกมาเล่าด้วยความรู้สึกภูมิใจที่สุดท้ายตัวเองก็ลดหุ่นได้ตามเป้า แทนที่จะตั้งคำถามถึงวิธีลดที่หักโหมเกินไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะถูก Gaslighting จากทีมเบื้องหลังและต้นสังกัดหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่แค่ต้นสังกัดเท่านั้น ยังรวมถึงความคิดเห็นเชิงลบที่วิจารณ์รูปร่างหน้าตาของไอดอลของคนทั่วไป ที่ยิ่งตอกย้ำให้ไอดอลต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้หลุดกรอบความงามที่สังคมกำหนดไว้ 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าข้อบังคับเรื่องเวลางานของไอดอลถูกปฏิบัติตามอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมมากกว่าเรื่องอื่นๆ หากใครที่ตาม K-POP มาช่วงเวลาหนึ่ง อาจสังเกตได้ว่ามีการบังคับใช้กฎเวลางานของไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาพักใหญ่แล้ว ไอดอลที่เป็นเยาวชนจะไม่สามารถทำงานหลัง 4 ทุ่มได้ ทำให้ในงานเทศกาลต่างๆ หรือในงานประเทศรางวัลที่มักจัดในช่วงดึก ศิลปินหรือไอดอลวงใดที่มีสมาชิกอายุไม่ถึงเกณฑ์ ก็จำเป็นจะต้องกลับที่พักก่อนโดยไม่สามารถต่อรองได้

เราอาจเห็นตัวอย่างการเลิกงาน 4 ทุ่มของไอดอลได้ผ่าน vlog ของวง LE SSERAFIM เพราะในวันที่ถ่ายทำคลิปดังกล่าว พวกเธอมีคิวงานในช่วงเทศกาลนับถอยหลังวันขึ้นปีใหม่ที่จะต้องอยู่ในงานหลัง 4 ทุ่ม จึงทำให้สมาชิกคนสุดท้องอย่างอึนแชที่มีอายุ 16 ปี ไม่สามารถขึ้นแสดงร่วมกันคนอื่นๆ ได้ เธอได้ถ่าย vlog ส่วนตัวว่า หลังจากนั้นเธอกลับมารอที่โรงแรม แล้วเปิดทีวีอยู่ในห้องดูพี่ๆ ในวงทำงานกันต่อ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าเหล่าศิลปินที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทำงานเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดมากน้อยแค่ไหน 

ก่อนหน้านี้ การปรับแก้เวลาการทำงานและสัญญาจ้างระยะยาว ก็เกิดขึ้นหลังการฟ้องร้องระหว่างสมาชิก 3 คนจากวง TVXQ (ทงบังชินกิ) เมื่อประมาณ 14 ปีก่อน ในยุคที่ผู้คนเรียกกันว่าเป็นช่วงเวลาบุกเบิกของ K-POP เพราะไอดอลต้องเซ็นสัญญากับบริษัทนานถึง 13 ปี ทั้งยังมีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม การใช้งานศิลปินหนักเกินกฎหมายกำหนด ข้อจำกัดเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ฯลฯ 

เนื่องจากในช่วงเวลาฟ้องร้อง ทงบังชินกิเป็นวงที่ได้รับความนิยมล้นหลาม จึงส่งผลให้เกิดแรงกระเพื่อมใหญ่ตามมา โดยคณะกรรมาธิการการค้าที่เป็นธรรม (Fair Trade Commission) และรัฐบาลเกาหลีใต้ ออกกฎหมายกำหนดระยะเวลาว่าจ้างระหว่างค่ายกับศิลปินจะต้องไม่เกิน 7 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มเดบิวต์ เพื่อตัดปัญหาเรื่องการร่างสัญญาที่ยาวนานเกินไป 

เกือบ 20 ปีในอุตสาหกรรม K-POP เราได้เห็นการฟ้องร้องระหว่างศิลปินกับต้นสังกัดเสมอ โดยเฉพาะประเด็นเดิมๆ อย่างการใช้แรงงานเกินควร การแจ้งรายได้และค่าลิขสิทธิ์คลุมเครือไม่ชัดเจน บริษัทไม่ได้ดูแลศิลปินดีเท่าที่ควร ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงมาตรการหละหลวมที่ไม่สามารถจัดการกับซาแซงแฟน (แฟนคลับสุดโต่งที่มีพฤติกรรมคุกคามศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบ) ได้ดีเท่าที่ควร

ความเป็นห่วงต่อไอดอลอายุน้อย กังวลมากไปหรือถูกแล้วที่ต้องกังวล? 

ในกรณีที่ไอดอลยังเป็นเยาวชน ผู้คนก็ยิ่งแสดงความกังวลหนักกว่าเก่า เพราะขนาดไอดอลที่บรรลุนิติภาวะแล้ว หลายครั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการต่อสู้กับต้นสังกัดหรือสู้กับซาแซงแฟน แล้วไอดอลที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ จะถูกหล่อหลอมค่านิยมผิดๆ ตั้งแต่เด็กเพื่อให้ยอมทำงานหนักเกินไป หรือถูกคุกคามจากแฟนคลับบางกลุ่มที่ค่ายเองก็ไม่สามารถช่วยปกป้องได้เท่าที่ควรหรือไม่ 

ข้อกังวลเรื่องอันตรายจากการที่อายุเฉลี่ยไอดอลลดลงเรื่อยๆ ถูกเล่าในบทความหนึ่งทางเว็บไซต์ hercampus ที่ตั้งข้อสังเกตว่า ศิลปินที่อายุน้อยจำนวนมากอาจกำลังถูกล่วงละเมิดบนโซเชียลมีเดีย โดยอ้างอิงจากการเลื่อนดูความคิดเห็นเกี่ยวกับวงที่มีไอดอลอายุน้อยในยูทูบ ติ๊กตอก หรือทวิตเตอร์ มักพบคอมเมนต์จำนวนมากที่เขียนว่า ‘ขายาวมาก’ ‘ขาวมาก’ ‘เซ็กซี่มาก’ ‘คนนี้ภรรยาผม’ รวมถึงพบวิดีโอที่ถ่ายช้อนใต้กระโปรงอย่างจงใจ 

แม้การชมเรื่องผิวขาว ขายาว หรือเซ็กซี่ อาจตีความได้ว่าเป็นคำชมทั่วไป ไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด แล้วการถ่ายคลิปหรือภาพมุมต่ำอาจกระทำโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อมองอีกแง่หนึ่ง ผู้เขียนบทความดังกล่าวแสดงความคิดเห็นมุมกลับ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ บางคนอาจรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นผู้ใหญ่เขียนคอมเมนต์คาบเส้น หรือคอมเมนต์สองแง่สองง่ามกับไอดอลที่มีอายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น 

การตั้งคำถามไปยังวัฒนธรรมแฟนฟิกชัน (Fan Fiction) เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกพูดถึงบ่อย เนื่องจากผู้แต่งบางคนมักเขียนเนื้อหาทางเพศแบบโจ่งแจ้ง แต่หยิบยืมตัวตน ภาพลักษณ์ และอัตลักษณ์ของไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาเป็นต้นแบบ ที่หลายครั้งผู้อ่านหลายคนก็ไม่สามารถแยกได้ว่าสิ่งที่กำลังอ่านอยู่เป็นเพียงแค่จินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น แล้วจำภาพจากฟิกนั้นมาทับกับตัวตนจริงของศิลปิน 

มุมหนึ่ง การแสดงออกถึงตัวตน บุคลิก ความสามารถ คอนเซ็ปต์ แฟชั่นบนเวที ถือเป็นอิสระที่ทุกคนมีสิทธิแสดงออกได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอายุ ทว่าสิ่งที่สังคมต้องตระหนักไปพร้อมกันด้วย คือผลกระทบตามมาที่มีทั้งบวกและลบ ทั้งจากคนในค่าย รวมถึงแฟนคลับบางกลุ่มที่คาดหวังมากมายในตัวไอดอล

เยาวชนจำนวนมากที่เป็นไอดอลถูกกดดันจากผู้ใหญ่ที่อยู่ในค่าย ทั้งเรื่องการพัฒนาตัวเอง การคุมน้ำหนัก ขณะที่ไอดอลหลายคนยังไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นคัดค้าน หรือถามค่ายกลับเรื่องค่าตอบแทนที่จะได้รับ ผู้ใหญ่ที่เป็นแฟนคลับสุดโต่ง ทุ่มเงินซื้ออัลบั้มจำนวนมากเพื่อให้ได้เข้างานแจกลายเซ็น ก็เอาแต่พูดย้ำๆ กับไอดอลว่า เธอจะต้องจดจำเขาให้ได้ ไม่ว่าไปงานไหนก็จะต้องมองกล้องของเขา หรือการโทรหาเวลาไลฟ์ การตามไปยังสถานที่ต่างๆ จองที่นั่งบนเครื่องบินใกล้กับศิลปิน สิ่งเหล่านี้อาจสร้างความรู้สึกสับสนให้กับเยาวชน เพราะพวกเขาหรือเธอกำลังถูกละเมิดโดยไม่รู้ตัว 

ในทางสมมติฐาน ไอดอลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอาจทราบหรือไม่ทราบถึงอันตรายจากเรื่องเหล่านี้ก็ได้ทั้งนั้น พวกเขาเพียงแค่ปฏิบัติตัวตามบรรทัดฐานเดิมที่มีอยู่ เข้าสู่วงการด้วยความหวังว่าจะได้รับชื่อเสียงเงินทอง ประสบความสำเร็จตามฝันที่วางไว้ และหลายครั้งจำเป็นต้องฟังค่าย ฟังคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานในวงการนี้ ที่เมื่อไรสังคมหยิบประเด็นนี้มาถกเถียง ก็มักจบบทสนทนาด้วยความคลุมเครืออยู่ดี เพราะเส้นแบ่งทางจริยธรรมของคนในวงการทั้งค่าย ศิลปิน และแฟนคลับที่ไม่เท่ากัน จึงทำให้มีมุมมองเกี่ยวกับศิลปินอายุน้อยแตกต่างกัน 

สิ่งที่เกิดขึ้นกับอี ซึงกิ และศิลปินหลายราย ใช้เวลานานนับสิบปีกว่าจะเห็นว่าพวกเขาถูกกดขี่มานานแค่ไหน ก่อนจะเกิดการแก้กฎหมายให้รอบคอบรัดกุมขึ้น ท่ามกลางอุตสาหกรรม K-POP ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกำลังได้รับความสนใจจากเยาวชนทั่วโลก 

ความพยายามแก้กฎหมายไปทีละเรื่องจึงถือเป็นเรื่องดีที่ทำให้เห็นการขยับเพดานบางอย่าง แต่ขณะเดียวกัน การขยับนี้มักเกิดขึ้นหลังเกิดเรื่องราวอันน่าสลดใจ เช่น การแก้กฎหมายหลังคดีฟ้องร้องใหญ่ ปรับลด-เพิ่มกฎหมายหลังเกิดเหตุไอดอลทำอัตวินิบาตกรรม ทั้งที่จริงๆ แล้ว อาจจะต้องมองย้อนไปยังวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เป็นการตระหนักร่วมกันทุกฝ่าย ไม่ใช่รอให้เกิดเรื่องแล้วค่อยหาทางแก้ปัญหา

ที่มา : mk.co.kr / naver / dispatch / nextshark 1 2 / koreaboo / hercampus

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:BABY MONSTERdispatchGaslightingIVEkpopNewJeansThe Modernistอี ซึงกิเคป็อปเด็กเทรน
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article มัดรวมหลากไอเดียป้ายหาเสียงที่น่าสนใจ ในการเลือกตั้ง 2566
Next Article ทางออกสู่โลกที่ทุกคนเท่ากัน ของ “ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี”
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

Editor

Old town, new tales จับตา “เมืองเก่า” พื้นที่สร้างสรรค์บนความคลาสสิก

By adisak.mha
Editor

“LinkedIn” เผยผลสำรวจ สิ่งสำคัญที่ “ลูกจ้าง” ต้องการจาก “การทำงาน”

By ระวี ตะวันธรงค์
EditorINSIGHTPOLITICS

กอ.รมน. ปรับยุทธศาสตร์รับมือภัยคุกคามใหม่

By Srawut
INSIGHTPOLITICS

เปิดม่านประชาธิปไตย 2475 “ชิงสุกก่อนห่าม” หรือ “เพราะสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลง” 

By ระวี ตะวันธรงค์
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.