The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / Editor / ‘เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ หนังไทยรสจัด ฆ่ากันสะบัดด้วยมายาคติ
Editor

‘เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ หนังไทยรสจัด ฆ่ากันสะบัดด้วยมายาคติ

ระวี ตะวันธรงค์
Last updated: 19 ส.ค. 2023 17:17
ระวี ตะวันธรงค์
Share
SHARE

นับตั้งแต่งานแถลงข่าว ‘Netflix ทีไทย ทีมันส์’ ที่เปิดตัวหนังไทยเรื่องใหม่ในแพลตฟอร์มสตรีมมิง Netflix เราก็ได้เห็นตัวอย่างหลากรสชาติของภาพยนตร์ที่ผู้ชมคาดเดาเนื้อเรื่องอยู่ตลอดเวลา เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยคือ ‘The Murderer’ ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความน่าสนใจจากรายละเอียดเพียงเล็กน้อยที่เราได้รู้ อย่างการร่วมงานกันระหว่าง ‘วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง’ และ ‘หม่ำ จ๊กมก’ ก็เป็นส่วนผสมที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ไม่น้อย

ยิ่งเราเห็นตัวอย่าง โปสเตอร์ เรื่องย่อ หรือภาพโปรโมตจากหนังแล้ว มวลเหล่านี้ยิ่งก่อตัวเป็นริ้วแล้วชี้ชวนให้เราตั้งตารอคอยผลงานชิ้นนี้ เพราะผู้คนยุคนี้สนอกสนใจทุกการกลับมาสร้างผลงานใหม่ที่มีกลิ่นอายเดิม ๆ อยู่เสมอ อย่างผลงานของคุณวิศิษฏ์ก็เช่นเดียวกัน

หลายครั้งวิศิษฏ์มักบอกว่าตัวเองทำหนังเจ๊ง และปรามาสตัวเองอยู่บ่อย ๆ จากประสบการณ์แสนโชกโชนในเวทีจอเงินไทยยุคที่ผ่านมา ยุคที่ผู้คนบ้าหนังรัก ผี ไม่ก็ตลก ผลงานอาร์ต ๆ ล้อเลียนเสียดสีแบบเขาจึงเข้าถึงยาก แต่พอเทคโนโลยีเปิดโลกทัศน์ทางภาพยนตร์ให้ผู้คน กลับกลายเป็นยุคนี้ภาพยนตร์ของวิศิษฏ์กลายเป็นหนึ่งรูปแบบที่ผู้คนล้วนต้องการในไทย เพื่อหลีกหนีความซ้ำซากจำเจทั้งหลาย

และ ‘The Murderer’ หรือชื่อไทยที่ตามมาทีหลังอย่าง ‘เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ ก็ตอบโจทย์นั้นได้อยู่หมัด และเรียกสายตาผู้ชมให้มาสนใจหนังสีสดของวิศิษฏ์ยุค 2023 มากขึ้นเป็นกอง 

หลังจากผู้เขียนเห็นคลิปสปอยล์หนังเรื่อง ‘หมานคร’ ที่แรนด้อมเจอในระบบเล่นวิดีโอของเฟสบุ๊ก จากเพจโปรโมตเว็บพนันที่เอาคลิปสปอยล์หนังมาดึงยอด เล่าเรื่องตัวเอกตัดโดนนิ้วชี้ของตัวเองลงในปลากระป๋อง นิ้วโป้งของผมเองก็เลื่อนผ่านไปดูคลิปถัดไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไม่กี่วินาทีนั้นเราเห็นวิธีการเล่าเรื่องอาร์ต ๆ สีสด ๆ ของวิศิษฏ์มาตั้งแต่ยุคนั้น จนถึง ‘เมอร์เด้อเหรอฯ’ ที่ยิ่งการันตีความสนุกและความแตกต่างในภาพยนตร์ของเขา

วันนี้เราเลยอยากกล่าวถึงผลงานล่าสุดของเขา ที่เต็มไปด้วยเฉดของรสชาติอันหลากหลาย ที่ดูจะกินง่าย แถมยังอร่อย แต่ก็ไม่ไร้คุณค่าทางโภชนาการเรื่องนี้กัน

รสหวาน

ดูสนุก เข้าใจง่ายกว่าที่คิด

อย่างที่กล่าวไปว่า ผลงานเก่า ๆ ที่เป็น iconic ของวิศิษฏ์อย่าง ‘ฟ้าทะลายโจร’ และ ‘หมานคร’ นั้นไม่ทำรายได้นักในประเทศไทยในห้วงเวลาที่เข้าฉายในโรง เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากความตรงไปตรงมาในความตั้งใจด้าน ‘ศิลปะ’ ของการสร้างสรรค์หนังของเขาในยุคนั้น

จุดร่วมหลักของทั้งฟ้าทะลายโจร-หมานครสำหรับผม มันคือความแตกต่างสุดขั้วในแง่ความสร้างสรรค์ เมื่อเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ในยุคเดียวกัน ที่หมายถึงความแตกต่างในด้านภาพมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนเส้นเรื่องคงเป็นอันดับที่สอง

หากดูรายชื่อภาพยนตร์ที่ทำรายได้ดีในยุคที่ ‘ฟ้าทะลายโจร’ เข้าฉายเมื่อ พ.ศ. 2543 อย่าง ‘บางระจัน’ และ ‘สตรีเหล็ก’ เราจะพบว่าหน้าหนังมีความตรงไปตรงมา อย่างเรื่องบางระจันก็คงจะเป็นเนื้อหาอื่นไปไม่ได้นอกจากเชิงประวัติศาสตร์ ที่อาจจะเป็นประเด็นเดียวกันกับ ‘สตรีเหล็ก’ เพราะเนื้อหาภายในภาพยนตร์คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงกับทีมวอลเลย์บอลจังหวัดลำปาง ซึ่งในมุมของสตรีเหล็กมีการนำดาราแม่เหล็กอย่าง ‘ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี’ ที่เคยรับบทเป็น ‘แดง ไบเลย์’ ใน ‘2499 อันธพาลครองเมือง’ เมื่อ 3 ปีก่อนหน้า ที่ถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของเขาเหมือนกัน ที่อาจจะเป็นอีกจุดดึงดูดผู้ชมให้ตีตั๋วเข้าโรง

ผิดกับ ‘ฟ้าทะลายโจร’ ที่หน้าหนังคล้ายกับว่าเป็นหนังเก่าอย่างไรอย่างนั้น หากมองด้วยมุมผู้ชมภาพยนตร์ยุคนั้นคงเต็มไปด้วยความเฉิ่มเชย โบราณ และไร้แรงดึงดูดเพียงพอจะพาสายตาทุกคู่เข้าสู่โรง ผิดกับหนังพีเรียด หนังรัก หรือหนังผีที่ฮิต ๆ ในยุคเดียวกัน

หรืออย่างใน พ.ศ. 2547 ภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปีเดียวกันกับ ‘หมานคร’ มีมากถึง 47 เรื่อง หรือหากเราลองสมมติที่กลม ๆ ว่าภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้ 3 สัปดาห์ สโคปในช่วงเวลาเดียวกันกับที่หนังเรื่องนี้เข้าฉาย มีภาพยนตร์ไทยยืนเป็นคู่แข่งร่วมกว่า 6-8 เรื่อง ดุเดือดไม่ใช่เล่น

รายนามก็อย่างเช่น ‘ซาไก ยูไนเต็ด’ ‘แจ๋ว’ ‘Six หกตายท้าตาย’ หรือ ‘ขุนกระบี่ ผีระบาด’ และท่ามกลางหนังตลาดอย่างหนังตลกและหนังผีเหล่านั้น ก็ยังมีหนังอาร์ตสุดอินดี้อย่าง ‘หมานคร’ ที่แค่ตัวอย่างก็เต็มไปด้วยความประหลาด ตุ๊กตาหมีที่ขยับได้ ฝนหมวกกันน็อกสีแดงที่หล่นลงมาใส่หัวคน จิ้งจกบนโคมไฟห้อยที่มีหัวเป็นยายแก่คนหนึ่ง หรือภูเขาขวดน้ำสีขุ่นราคาถูก ทั้งหมดผสมโลกจินตนาการและโลกความเป็นจริงอย่างสะเปะสะปะ ท่าทางดูยากและยากที่จะทำความเข้าใจด้วย

นั่นคือหนังที่เชิดชูศิลปะในการสร้างสรรค์ของวิศิษฏ์เหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งจากความอาร์ตเหล่านั้นก็ทำให้หนังสไตล์นี้ของเขาไม่เข้าเป้าเลยแม้แต่น้อยในโรง แต่ก็ยังดีที่ทั่วโลกให้การยอมรับ และในเวลาถัด ๆ มาที่ผู้คนถามหาหนังแนวใหม่ ๆ มากขึ้น หนังเก่าของวิศิษฏ์ดูกลายเป็นภาพยนตร์ที่คนยุคนี้ชื่นชม

กลับมาที่ ‘เมอร์เด้อเหรอฯ’ ตัวอย่างแรก หรือโปสเตอร์โปรโมตก็ทำให้เรานึกถึงหนังอาร์ตสีสดยุคเก่าของวิศิษฏ์ที่กล่าวไปสองเรื่องก่อนหน้าได้เช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นดาบสองคม ด้านหนึ่งคอหนังที่รอการกลับมาของงานประเภทนี้จากวิศิษฏ์ก็ดีใจ และตั้งตารอใจจดใจจ่อ ในขณะเดียวกันคนที่เคยตั้งคำถามกับความอาร์ต ความเหนือจริงที่เข้าไม่ถึง หรือความลึกของสัญญะที่ตีไม่แตก ก็พลอยตีตนไปก่อนไข้กับสัญญะที่อาจจะมากเหมือนเรื่อง ‘หมานคร’ นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แท้ที่จริงแล้วเนื้อหาของ ‘เมอร์เด้อเหรอฯ’ เข้าถึงง่ายกว่านั้น เพราะเป็นหนังที่เล่าตามสไตล์ภาพยนตร์แบบ ‘Whodunit’ ที่มาจากคำว่า “Who has done it ?” แปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า “ใครคือคนฆ่า?” ซึ่งภาพยนตร์แนวนี้มีต้นกำเนิดจากนวนิยายที่มีโครงเรื่องซับซ้อนเพื่อตอบคำถามเพียงข้อเดียวว่าใครกันแน่ที่เป็นคนฆ่า โดยทั้งเรื่องจะเต็มไปด้วยปริศนา เบาะแส และตัวละครที่ล้วนแล้วแต่น่าสงสัย

อีกทั้งระหว่างทางหนังก็แยกย่อยแต่และย่อหน้าของเรื่องไว้ให้ดูตามแบบง่าย ๆ ดูไปสักพักก็จะมีข้อความ หรือวลีเปิดหัวก่อนทุกครั้ง ซึ่งแม้เส้นเรื่องจะเต็มไปด้วยการเล่าเรื่องสลับไปสลับมาจากหลักฐาน ปากคำจากผู้ต้องหา หรือพยานที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อเราดูจนจบทุกอย่างจะคลี่คลายแบบไร้รอยต่อ และหักมุมจนคนดูต้องยกนิ้วให้กับไอเดียช่วงท้ายเรื่อง

รสมัน

มันทุกเม็ด เด็ดทุกมุก

ตลอดตั้งแต่เริ่มจนจบเรื่อง วิศิษฏ์และผู้เขียนบทอย่าง ‘อาบี-อภิเษก จิรธเนศวงศ์’ สอดแทรกความมัน รวมถึงมุกตลกและมุกเฉลยไว้อย่างสุดมัน (ส์)

เรามองว่าการดีล ‘เซนส์ความตลก’ ภายในภาพยนตร์เรื่องนี้คือความยากระดับหนึ่ง เพราะเนื้อเรื่องหลักมันไม่ได้ยืนอยู่บนขาความตลก แต่ยืนอยู่บนขาของคดีฆาตกรรม ครั้นจะมาทำตลกสอดแทรกศิลปะดูยากแบบเดิม ๆ ก็คงจะซ้ำทางเก่า หรือการหยิบ ‘หม่ำ จ๊กมก’ ในฐานะสารวัตรสอบสวนที่ตรึงคนดูในห้องสอบสวนเล็ก ๆ ได้อยู่หมัด จะมาให้ตลกก๊ากแบบแก๊งสามช่าก็คงไม่ใช่ด้วยเช่นกัน

วิศิษฏ์นิยามเซนส์ตลกในเรื่องนี้ไว้ว่าเป็นตลกแบบดีเลย์ คือปล่อยไปแล้วต้องรอ Loading สักระยะ ค่อยถึงจุดขำ ซึ่งก็ยิ่งเพิ่มเซนส์ความตลกร้ายหน่อย ๆ ในแง่ของการเล่าเรื่องประกอบเนื้อหาหลัก

อีกมุมหนึ่งของเซนส์ตลกภายในเรื่อง หากนึกภาพเทียบเคียงวิธีการตายของบางตัวละคร หรือแก๊กบางแก๊กแบบง่าย ๆ เราก็จะนึกถึงการ์ตูนจำพวก Tom & Jerry ไม่ก็เหล่าตัวการ์ตูนจาก The Looney Tunes ได้เหมือนกัน วิศิษฏ์เล่าว่าฉากโหดรุนแรง แทงกันตายภายในเรื่องก็ไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้น เพราะเขาตั้งใจทำให้มันดูเป็นเหมือนกับหนังการ์ตูน

ซึ่งเซนส์ความตลกแบบนี้เมื่อมาผสมกับกลวิธีฆาตกรรมภายในเรื่อง ทั้งหมดหลอมรวมกันให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แสนจะมัน และแสนจะมันส์ ในเวลาเดียวกัน

รสเปรี้ยว

สีสันแสบ จี๊ด และความตรงไปตรงมาของศิลปะที่สดใหม่

ตามตำแหน่งหน้าที่ของวิศิษฏ์ เขามักทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนหน้าที่ของผู้กำกับภาพยนตร์เป็นตำแหน่งงานที่รองลงมา เวลาเขาเขียนเรื่องราวให้ภาพยนตร์อื่น ๆ แนวทั่วไปที่เขาไม่ได้กำกับ เขาก็ค่อนข้างทำมันได้ดี เป็นผลงานที่น่าจดจำหลายเรื่องด้วยกัน อย่างเช่น ‘2499 อันธพาลครองเมือง’, ‘นางนาก’ หรือ ‘เฉือน’

เมื่อเขามีโอกาสทั้งการเขียนและกำกับเอง เขาก็จะใช้โอกาสนั้นเป็นพื้นที่ทดลองในการแปลงสไตล์ความชอบให้กลายเป็นงาน

วิศิษฏ์มีความชอบในหลายแง่มุม ทั้งชื่นชอบสไตล์ด้านความรู้สึก ความสวยงาม และวิธีการมองโลกในภาพยนตร์ของ ‘อากิ เคาริสมากิ’ ผู้กำกับชาวฟินแลนด์ ที่กำกับนักแสดงให้แข็ง ๆ หน่อย เล่นกับภาพนิ่ง ๆ รวมถึงชื่นชอบผลงานภาพยนตร์ไทยเก่า ๆ ที่สร้างคุณูปการให้วงการภาพยนตร์ไทยมาเนิ่นนาน โดยดึงเอากลิ่นอายบางอย่างภายในภาพยนตร์ยุคนั้นมาเชิดชูภายในงานของเขาเอง

แต่หากพูดถึงสไตล์ที่เขาชอบ ในยุคแรกผู้คนกลับไม่ชอบด้วยขนาดนั้น อาจเพราะความเหนือจริงเกินไป หรือความเข้าใจยากในแง่ใจความสำคัญ ที่กว่าจะถึงตรงนั้นก็เจอความน่าเบื่อขวางไว้เสียก่อน

เราจึงเห็นว่างานส่วนใหญ่ของวิศิษฏ์มีความแตกต่างกันมาก จากความต้องการทดลองแบบนั้นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพื่อหนีกลิ่นอายบางอย่างที่มีสิทธิ์ทำให้หนังของเขาเจ๊ง

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าว่างานด้านศิลป์ในภาพยนตร์ที่เขาทั้งเขียนบทและกำกับเรื่องแรก ๆ เต็มไปด้วยการเกรดสีที่แสบสันต์ จับคู่โทนสีในแนวเรโทรเป็นหลัก ซึ่งสร้างภาพจำในความเป็นตัวเขาตั้งแต่ไหนแต่ไร น้อยครั้งที่เราจะกล่าวถึงวิศิษฏ์จากภาพยนตร์เรื่องถัด ๆ มา ทั้ง ‘เปนชู้กับผี’, ‘สิงสู่’ หรือ ‘อินทรีแดง’

ทำให้งาน ‘เมอร์เด้อเหรอฯ’ ครั้งนี้ของเขาถูก Netflix บรีฟมาว่าอยากให้แต่งสีสันเหมือนอย่างใน ‘ฟ้าทะลายโจร-หมานคร’ เพราะรายละเอียดของเรื่องมันพอจะอนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้ แม้ว่าครั้งแรกใจเขาไม่ได้คิดจะเกรดสีให้จัดจ้านแบบนั้นก็ตาม

จะด้วยอะไรก็ตามแต่ สิ่งนี้ทำให้แฟน ๆ ที่รอดูหนังสีสดสไตล์แสบจี๊ดจากวิศิษฏ์หันมาสนใจภาพยนตร์เรื่องนี้ และกลายเป็นกระแสในวงกว้างอย่างชัดเจน

รสขม

ประเด็นหลักที่แสนร้าย แต่ก็จริงของมัน

เรานิยามภาพยนตร์เรื่องนี้ว่ามันมีความ ‘หวานอมขมกลืน’ ดู ๆ ไปก็รู้สึกถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ชวนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากความจริงเกินจริง และความจริงจริง ๆ ที่ตลอดระยะเวลาในการดู เราเห็นมายาคติ และลักษณะนิสัยที่ไม่ดีมากมายที่เคลือบแฝงตัวละครหลักทุกตัว ทั้งในแง่ผู้ทำและผู้ถูกกระทำ

หัวหน้าครอบครัวที่ทำตัวเป็นใหญ่ในบ้าน, เมียฝรั่งที่ถลุงเงินผัวฝรั่ง, เด็กที่เกิดมาแล้วไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจังเท่าที่ควร, สังคมครอบครัวที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างน่ากระอักกระอ่วน, ป้าขี้ขโมย, ตำรวจที่ยึดมั่นกับธงการสอบสวนที่ตั้งไว้ จากอคติส่วนตัวที่เคยเจอมาในชีวิต, คนไทยเหยียดฝรั่ง, ฝรั่งเหยียดคนไทย, เมียฝรั่งเหยียดเมียฝรั่งกันเอง, ความเชื่องมงายที่เชื่ออย่างเป็นจริงเป็นจัง, ปัญหายาเสพติด

ทั้งหมดพัวพันความเชื่อและวิธีคิดของตัวละครทุกตัว ที่ทำให้เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นภายในภาพยนตร์ ที่เต็มไปด้วยความสมเหตุสมผลบ้าง หรือไม่สมเหตุสมผลบ้าง แต่ทุกอย่างก็ถือเป็นชนวนให้กันและกันในการสร้างแรงจูงใจของตัวละคร

ผู้เขียนได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในรอบกาล่าร่วมกับผู้ชมจริง ๆ ที่น่าจะแตกต่างจากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ของคนทั่วไป เพราะเราได้รับรู้อารมณ์ร่วมของผู้ชมรอบข้างที่กำลังดูไปพร้อมกัน ระหว่างดูไปก็ส่ายหัวกับวิธีคิดของตัวละครอยู่เหมือนกัน

จนจบการฉาย วิศิษฏ์และอภิเษกได้เข้ามาตอบคำถามเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ มีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจคือประเด็นการเหยียดคนภาคอีสาน ซึ่งกลายเป็นค่านิยมลบของผู้คนในยุคนี้ เนื้อหาในภาพยนตร์มีการสร้างมวลการเหยียดกันไปกันมาอย่างชัดเจน แต่ผู้ชมส่วนใหญ่ก็รู้สึกได้ว่าภาพยนตร์ไม่ได้ต้องการเหยียดเหมือนเช่นกับตัวละคร ซึ่งน่าสนใจกว่าคือคนทำงานมีวิธีคิดเรื่องนี้อย่างไรไม่ให้ดูเหยียด

อภิเษกตอบคำถามนี้อย่างคมคายว่า “ถ้าเรื่องเป็นความจริง มันสะท้อนความจริง หากดูกันจริง ๆ ก็จะเห็นว่าเราไม่ได้ดูถูกใคร อีกประเด็นคือเวลาเราดูภาพยนตร์ที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ มันก็มีทั้งตัวละครดี ตัวละครเลว ตัวละครฉลาด ตัวละครโง่ ล้วนมีอยู่ในสังคมทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว ทำไมเวลาเรื่องเกิดขึ้นในโลเคชั่นแบบนี้ผู้คนกลับไม่ตั้งคำถาม เพราะแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้มันมาจากการที่ผมไปงานแต่งเพื่อนระหว่างฝรั่งและเมียฝรั่งที่จังหวัดร้อยเอ็ดจริง ๆ เท่านั้นเอง”

รสอูมามิ

หวาน มัน เปรี้ยว ขม กลมกล่อมแบบอูมามิ

สุดท้ายแล้ว ‘เมอร์เด้อเหรอฯ’ สำหรับเราคือภาพยนตร์ทั่วไปที่ดูสนุกเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องเล่าสลับซับซ้อนแต่เมื่อดูโดยรวมก็เข้าถึงง่าย สีสันหน้าหนังน่าดึงดูดจากความฉูดฉาดโดยรวม มีดาราสายกระแสหลัก และดาราสายละครเวทีมาวาดลีลาการแสดงให้เราได้เห็นกัน ท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจจากการเข้ามาของ Netflix Thailand ซึ่งเป็นพื้นที่ทดลอง และจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทยมากขึ้น

ในขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ให้กับคนทำหนังหน้าคุ้นที่มีไอเดียน่าสนใจ แต่อาจกล้า ๆ กลัว ๆ กับพื้นที่ Red Ocean ในโรงภาพยนตร์กระแสหลัก ซึ่งก็เป็นที่ทางที่ดูเหมาะสมดีในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแบบนี้ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ทำให้เราได้ดูภาพยนตร์อย่างที่เราอยากดูจริง ๆ แบบเลือกได้เองในราคาถูกลง

รสชาติอูมามิแบบนี้เราคงจะได้ลิ้มลองเพิ่มมากขึ้นอีก จากทั้งเชฟนักปรุงหนังมือฉมัง หรือมือใหม่ ที่กล้าทดลองสูตรภาพยนตร์รสใหม่ ๆ ให้นักชิมหนังอย่างเราเข้าถึงกันอีกเป็นแน่ ตราบใดที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในไทยยังมีพื้นที่ว่างรอความสดใหม่จากพวกเขาอยู่เสมอ 

ขอบคุณข้อมูลจาก : pantip 2 / wikipedia / thaiware / Youtube

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:netflixThe ModernistThe Murdererวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยงหนังไทยหม่ำ จ๊กมกเมอร์เด้อเหรอเมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article ‘Micromanagement’ บริหารงานจู้จี้มากไปจนลูกน้องใจไม่ดี
Next Article เมื่อผีป่ามาสู่เมือง : “ครูกายแก้ว” ศรัทธา และชายขอบของจักรวาลความเชื่อไทย
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

Opinion LeaderPOLITICS

มันตลกมาก ที่ต้องมาเล่นตามกติกาของคนทำ “รัฐประหาร” – จอห์น วิญญู | Opinion Leader EP.03

By ระวี ตะวันธรงค์
EditorINSIGHTPOLITICS

ถอดรหัสความคิดเห็นประชาชนต่อ “รัฐบาลอนุทิน” ผ่านผลโพล  

By Srawut
Editor

ย้อนประวัติศาสตร์ “Bangkok Pride” ในไทย สู่ความหวังของการเป็นแม่งานใหญ่ของโลก

By ระวี ตะวันธรงค์
Editor

“คิมซอนโฮ” กับบทบาท นักฆ่าล่าด้วยรอยยิ้ม ในภาพยนตร์เรื่องใหม่ “The Childe เทพบุตรล่านรก”

By ระวี ตะวันธรงค์
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.