“วิเคราะห์กระแสการเมืองภาคกลาง เทียบผลเลือกตั้งปี 2566 กับโพลล่าสุด นิด้าโพล 2568 คนภาคกลางส่วนใหญ่ ยังไม่เทใจให้ใคร
การเมืองในภาคกลางของไทยกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อนำผลการเลือกตั้ง สส. เขต เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 มาเทียบกับผลสำรวจล่าสุดของ “นิด้าโพล” ระหว่างวันที่ 10–13 พฤศจิกายน เผยแพร่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 เราจะเห็นภาพการช่วงชิงอำนาจที่เต็มไปด้วยความผันผวนและตัวแปรสำคัญ
นี่คือบทวิเคราะห์ที่เจาะลึกถึงแนวโน้มและโอกาสของแต่ละพรรคในการเลือกตั้งครั้งถัดไป โดยครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นนทบุรี ปทุมธานีนครปฐม สมุทรปราการ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวม 73 ที่นั่ง
1. ตัวแปรชี้ขาด: คะแนนเสียงที่ยัง “ลอย” อยู่
ปรากฏการณ์ที่โดดเด่นที่สุดในผลสำรวจ 2568 คือสัดส่วนของ “ผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจ” ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดและมีอำนาจในการพลิกผลการเลือกตั้งได้อย่างแท้จริง
– ในหัวข้อ “บุคคลที่คนภาคกลางจะสนับสนุนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้” คะแนนของกลุ่มที่ระบุว่า “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” สูงถึง 35.65%
– ส่วนคะแนนนิยมพรรคการเมือง ผู้ที่ระบุว่า “ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้” ก็เป็นอันดับ 1 ที่ 28.95%
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่า คะแนนเสียงในภาคกลางมีความอ่อนไหวและไม่ผูกขาดกับพรรคใดพรรคหนึ่งอีกต่อไป พรรคการเมืองใดที่สามารถสร้างความประทับใจในช่วงโค้งสุดท้าย ย่อมมีโอกาสช่วงชิงคะแนนจากกลุ่ม Swing Voters เกือบ 1 ใน 3 นี้ไปได้มากที่สุด

2. พรรคประชาชน: ผู้นำที่ถูกท้าทาย
พรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) คือพรรคที่ได้เก้าอี้ สส. มากที่สุด ของภาคกลางในการเลือกตั้งปี 2566 กวาดไปถึง 32 ที่นั่ง โดยเฉพาะการครองแชมป์ในพื้นที่ปริมณฑลสำคัญ อย่างนนทบุรี และสมุทรปราการ
อย่างไรก็ตาม ในโพล 2568 แม้พรรคจะยังแข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ด้วยคะแนนนิยมพรรค 28.85% และ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นบุคคลที่คนภาคกลางสนับสนุนเป็นนายกฯ อันดับ 2 ที่ 19.60% แต่คะแนนนิยมเหล่านี้ก็ยังห่างจากสัดส่วน สส. ที่พรรคเคยได้ (32/73 ที่นั่ง) บ่งชี้ว่ากระแสของพรรคอาจไม่ได้ทรงพลังเท่าเดิมในทุกพื้นที่ และกำลังถูกท้าทายอย่างหนักจากคู่แข่งที่พยายามฟื้นตัว
3. โอกาสของพรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์
– พรรคภูมิใจไทย ได้ สส. 12 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 2566 และมีคะแนนนิยมพรรคในโพลปี 2568 เป็นอันดับ 3 ที่ 9.70% แต่ที่โดดเด่นยิ่งกว่าคือ อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับการสนับสนุนเป็นนายกฯ สูงถึง 12.75% การที่คะแนนบุคคลสูงกว่าคะแนนพรรคอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของตัวผู้นำ ที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการดึงคะแนนเสียงในพื้นที่ภาคกลาง
– พรรคประชาธิปัตย์ ได้ สส. เขตเพียง 2 ที่นั่งในการเลือกตั้งปี 2566 แต่กลับพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ในโพล 2568 ด้วยคะแนนนิยมพรรค 9.60% โดยมี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นบุคคลที่คนภาคกลางสนับสนุนเป็นนายกฯ ในอันดับ 4 ที่ 9.15% ทำให้พรรคที่เคยซบเซาเริ่มมีกระแส และเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงคะแนนที่กำลังมองหาพรรคดั้งเดิม

4. พรรคเพื่อไทย: ความท้าทายในการรักษาฐานที่มั่น
พรรคเพื่อไทยได้ สส. เขตมา 8 ที่นั่งในปี 2566 โดยมีฐานที่มั่นหลักในจังหวัดกาญจนบุรี แต่ผลสำรวจ 2568 ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่น่ากังวล
– คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยอยู่ในอันดับ 5 ที่ 8.45% ซึ่งถูกพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์แซงหน้าไปแล้ว
– นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ผู้ที่ถูกเสนอชื่อในโพล ได้รับการสนับสนุนเป็นนายกฯ เพียง 4.55% ในอันดับ 5 ซึ่งต่ำกว่าคะแนนนิยมพรรคเองเสียอีก และห่างไกลจากผู้นำของพรรคคู่แข่ง (หมายเหตุ พรรคเพื่อไทย ยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค)
บทสรุปสำหรับเพื่อไทย: พรรคกำลังเผชิญกับปัญหากระแสผู้นำที่ไม่โดดเด่น ในภาคกลาง และจำเป็นต้องหาทางเพิ่มความเชื่อมั่นเพื่อรักษาฐานเดิมในกาญจนบุรี และเจาะพื้นที่ปริมณฑลที่เคยพ่ายแพ้ให้กับพรรคประชาชนอย่างราบคาบในครั้งที่ผ่านมา
5. บทสรุปสนามประลองภาคกลาง
สนามประลองภาคกลางเต็มไปด้วยการต่อสู้หลายมิติ พรรคประชาชน เป็นเป้าหมายที่ถูกท้าทายจากทุกทิศทาง พรรคภูมิใจไทย มีตัวผู้นำที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มฟื้นตัว ส่วน พรรคเพื่อไทย ต้องเร่งแก้ไขปัญหาความนิยมในตัวบุคคลและการช่วงชิงคะแนนจากพรรคคู่แข่ง
การเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่ใช่การแข่งระหว่างพรรคเดียว แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดในการดึงดูด คะแนนลอย (Floating Votes) เกือบ 30% ของคนภาคกลางให้มาอยู่กับฝ่ายตัวให้ได้นั่นเอง

6. ภาคผนวก ข้อมูลเชิงสถิติ
6.1 ผลสำรวจนิด้าโพล กระแสการเมืองภาคกลาง เผยแพร่วันที่ 16 พ.ย. 68
(1) บุคคลที่คนภาคกลางจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้
อันดับ 1 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 35.65 %
อันดับ 2 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) 19.60 %
อันดับ 3 อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) 12.75 %
อันดับ 4 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) 9.15 %
อันดับ 5 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) 4.55 %
อันดับ 6 พลเอกรังษี กิติญานทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) 3.85 %
(2) พรรคการเมืองที่คนภาคกลางจะสนับสนุนในวันนี้
อันดับ 1 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 28.95 %
อันดับ 2 พรรคประชาชน 28.85 %
อันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย 9.70 %
อันดับ 4 พรรคประชาธิปัตย์ 9.60 %
อันดับ 5 พรรคเพื่อไทย 8.45 %
อันดับ 6 พรรครวมไทยสร้างชาติ 5.45 %
(3) 5 อันดับพรรคที่ได้ สส. เขต มากที่สุดใน 17 จังหวัด ภาคกลาง ในการเลือกตั้งปี 2566
อันดับ 1 พรรคก้าวไกล 32 ที่นั่ง
อันดับ 2 พรรคภูมิใจไทย 12 ที่นั่ง
อันดับ 3 (ร่วม) พรรคเพื่อไทย 8 ที่นั่ง
อันดับ 3 (ร่วม) พรรคชาติไทยพัฒนา 8 ที่นั่ง
อันดับ 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ 6 ที่นั่ง
อ้างอิง :

