รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย คาดเพื่อไทยเตรียมใช้ท่าไม้ตาย ยุบสภาผ่าทางตัน สกัดกั้นภูมิใจไทย
สถานการณ์การเมืองมาถึงจุดเดือดอีกครั้ง ที่ต้องห่ำหั่นกันอย่างสุดฤทธิ์ ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” แกนนำรัฐบาล กับ “พรรคภูมิใจไทย” ผู้ท้าชิง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ “แพทองธาร ชินวัตร” หลุดจากตำแหน่งนายกฯ
.
แม้ “พรรคเพื่อไทย” ยังมีไพ่อีกใบอยู่ในมือ นั่นก็คือ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ คนสุดท้ายของพรรค และหวังว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากเหล่าพรรคร่วม
.
แต่แล้วก็เกิดปรากฏการณ์แตกแถวของเหล่าพรรคร่วมฯ หลังจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ประกาศชิงตำแหน่งนายกฯ พร้อมรับทุกข้อเสนอของ “พรรคประชาชน” ได้แก่ 1. ยุบสภา ภายใน 4 เดือน 2. จัดให้มีการออกเสียงประชามติ แก้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 และ 3. พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ยินดีจะเทเสียงให้ เพื่อผ่าทางตันให้กับประเทศ
.
เมื่อหลายพรรคร่วมฯ ย้ายข้าง โอกาสเดียวที่จะเป็นรัฐบาลต่อไปได้ของ “เพื่อไทย” ก็คือ “การได้รับเสียงโหวตจาก “พรรคประชาชน” ทำให้การตัดสินใจของพรรคสีส้ม กลายเป็นไฮไลต์สำคัญที่ถูกจับจ้องเป็นอย่างยิ่ง หลังจาก “พรรคเพื่อไทย” ได้เดินทางไปเจรจา พร้อมรับทุกข้อเสนอเช่นกัน เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา
.
โดยก่อนการเจรจาดังกล่าวจะเริ่มขึ้น The Insight ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ที่งานนี้อาจารย์จ๊ะขอมองต่าง โดยชี้ว่า การเจรจาดังกล่าวเป็นเพียงพิธีกรรม ซึ่งทางแกนนำพรรคได้มีธงที่ปักไว้เป็นหมุดหมายในใจแล้ว
.
1. “เพื่อไทย” ต้องการให้ “พรรคประชาชน” โหวตนายกฯ ให้ จริงหรือ ?
.
รศ.ดร.ธนพร ได้วิเคราะห์การเดินทางไปเยือน “พรรคประชาชน” ของ “เพื่อไทย” ว่า แม้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกฯ จะนำทัพไปด้วยตัวเอง พร้อมเพิ่มข้อเสนอให้มากขึ้นไปอีก แต่ทว่า… อาจไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง
.
“ตัวแทนพรรคเพื่อไทยไปแบบเป็นทางการหรือไปเป็นส่วนตัว เพราะคำว่าเป็นทางการเนี่ยคุณต้องมีมติพรรค คำถามคือตั้งแต่วันที่นายน้อยฟังคำวินิจฉัยจนถึงวันนี้ มีใครได้ข่าวว่าพรรคเพื่อไทยประชุมพรรคบ้าง แล้วถ้ามีการประชุมพรรคเนี่ย การทำตามข้อเสนอของพรรคประชาชนเป็นมติของพรรคหรือเปล่า…”
.
“ข้อเสนอ (เพิ่มเติม) ของพรรคเพื่อไทยเนี่ย มันสมเหตุสมผลหรือไม่ พรรคภูมิใจไทยบอกว่ารับข้อเสนอของพรรคประชาชนทุกข้อ และเบิ้ลกลับ เสนอเพิ่มอีก 2 ข้อ ซึ่งก็ต้องดูว่าไอ้ 2 ข้อที่เสนอไปเนี่ย มันทำได้จริงหรือเปล่า หรือว่าแค่ต้องการให้นำไปสู่อีกสถานการณ์หนึ่ง
.
“ข้อเสนอเพิ่มอันแรกก็คือ เรื่องเอารัฐธรรมนูญปี 40 กลับมาใช้ คำถามคือคุณจะเอามาใช้ยังไง ช่วยอธิบายกระบวนการหน่อย แล้ว สว.เอาด้วยหรือเปล่า
.
“อีกข้อหนึ่งก็คือคดีเขากระโดงกับเรื่องฮั้ว สว.ตรงนี้ยิ่งตลกใหญ่เลย เพราะวันนี้อำนาจในการดำเนินการทุกอย่างอยู่ในมือเจ้าหน้าที่แล้ว
.
“คือดูแค่ 2 ข้อนี้มันก็ทำให้เห็นแล้วว่า เนื้อหาที่เอามาเสนอ มันไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อตั้งรัฐบาล แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อจะยุบสภา ซึ่งถ้าต้องการยุบสภา ก็ไม่ต้องมีพิธีกรรมที่พรรคสีส้ม
.
“ความเห็นของเลขาฯ กฤษฎีกา ความเห็นของ อ.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ (นายกฯ รักษาการยุบสภาไม่ได้) ก็ถือเป็น 2 ความคิดเห็น แต่รัฐบาลบอกว่ามีอำนาจ ก็จะรออะไรล่ะครับ
.
“อันนี้ผมมองในมุมประชาชน ยุบเลย ถ้ามั่นใจว่ามีอำนาจยุบ ซึ่งท่านก็มีมติ ครม.รองรับอยู่แล้วเนี่ย ยุบเลย ไม่จำเป็นต้องมาประกอบร่างสร้างความจริงว่า การเมืองถึงทางตันแล้วจะต้องยุบสภา
.
“ในเมื่อ ครม.ที่มีมติกันก่อนหน้านี้ ที่รับรองนายกฯ รักษาการมีอำนาจเหมือนนายกฯ ตัวจริง ถ้าพรรคเพื่อไทยจะยุบสภาวันจันทร์นี้ (1 ก.ย.) ผมเชียร์เต็มที่ เอาเลย อย่าช้า ยุบเลยครับ”
.
2. “ยุบสภา” คือท่าไม้ตาย
.
“นายกฯ รักษาการ” ยุบสภาได้หรือไม่ ไม่ได้มีข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน จึงต้องอาศัยการตีความ ซึ่งกูรูการเมืองแต่ละท่าน ก็ตีความแตกต่างกันไป โดยในมุมมองของ “รศ.ดร.ธนพร” การยุบสภา ไม่ใช่แค่แต้มต่อเท่านั้น แต่มันยังเป็น “ท่าไม้ตาย” ของ “พรรคเพื่อไทย” อีกด้วย
.
“ท่าไม้ตายนี้เรียกได้ว่าเป็นหนังชีวิต ถ้าโครงเรื่องแบบนี้เมื่อไหร่เนี่ย เรตติ้งพุ่งเมื่อนั้น คือพระเอกหรือนางเอกต้องโดนรังแก
.
“พอยุบสภาปุ๊บ ก็แน่นอนแหละจะมีคำถามตามมาว่า ทำได้หรือเปล่า แล้วอาจมีคนลงถนน อาจมีเราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน พระเอกกับนางเอกก็จะเกิดขึ้นมา โดนรังแกอีกแล้ว
.
“อันนี้เป็นทางรอดทางเดียวนะครับ เพราะว่าคำวินิจฉัยรอบนี้ต้องบอกว่ารุนแรงที่สุดเท่าที่นายกรัฐมนตรีไทยเคยได้รับ แล้วมันเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานการเมืองในอนาคตของ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นวิธีที่จะแก้เกม ก็ต้องกลับไปเล่นบทผู้ถูกรังแก
.
3. อ.ธนพร ตั้งข้อสงสัย เจ้าบ่าวพรรคเพื่อไทย
.
ถ้าจะมองในแง่ความมุ่งมั่นทุ่มเท ในการดัน “ชัยเกษม นิติสิริ” เพื่อให้ “เพื่อไทย” ได้เป็นรัฐบาลต่อไป อ.ธนพร ก็ตั้งข้อสังเกตว่า…
.
“อีกจุดชี้วัดคือเราแทบไม่เคยเห็นการเคลื่อนไหวของแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยเลยนะ (แม้แต่ในวันไปเจรจาที่พรรคประชาชน) ขณะที่แคนดิเดตนายกฯ (อนุทิน ชาญวีรกูล) อีกขั้วหนึ่งเนี่ย เขาเดินทางไป “พรรคประชาชน” เอง และมีมติพรรครับรองชัดเจน
.
“มีการเปรียบเปรยว่า สีส้มเนี่ยเป็นเจ้าสาวจะหลงคารมเจ้าบ่าวสูทน้ำเงิน หรือเจ้าบ่าวสูทแดง มันก็ต้องดูว่าใครจริงใจมากกว่ากัน
.
“วิธีการทางการเมืองก็ดูง่ายๆในเมื่อเจ้าบ่าวสีน้ำเงินบอกว่า เขามาสู่ขอ เขาได้รับอนุญาตจากครอบครัวเรียบร้อยแล้ว มีหนังสือยืนยันชัดเจนว่าให้มาสู่ขอเจ้าสาวสีส้ม แต่เจ้าบ่าวสีแดงไม่มีหนังสือยืนยันมา แล้วจะเชื่อใครได้มากกว่ากัน ฝั่งสีน้ำเงินตัวเจ้าบ่าวมาเอง แต่อีกข้างยังไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวอยู่ไหน” รศ.ดร.ธนพร ระบุทิ้งท้าย
.
หมายเหตุ : สัมภาษณ์ “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย วันที่ 31 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น.

