พรรคประชาชน “เสียเหลี่ยมทางการเมือง” หลังเทคะแนนโหวตหนุนอนุทินเป็นนายกฯ บทวิเคราะห์ชี้เป็นการเดินเข้าสู่ “กับดัก” ภูมิใจไทยที่ใช้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน เผยเหตุผล 3 ประการที่ทำให้พรรคประชาชนสูญเสียอำนาจคุมเกม และตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
การตัดสินใจของ “พรรคประชาชน” ที่เทคะแนน 143 เสียงโหวตให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยแลกกับเงื่อนไขยุบสภาภายใน 4 เดือน และเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ กำลังกลายเป็น “กับดัก” จากเดิมที่มั่นใจว่าตนเองจะเป็น “ผู้คุมเกม” ใช้เสียงข้างมากในสภาบีบบังคับรัฐบาล กลับกลายเป็นฝ่ายถูก “ตลบหลัง” จนตกอยู่ในสถานะ “เสียทั้งขึ้นทั้งร่อง” ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ประการ ดังนี้
1. ภูมิใจไทย พลิกเกม: ใช้ “การแก้รัฐธรรมนูญ” เป็นตัวประกัน
ความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดของพรรคประชาชน คือการประเมิน “เขี้ยวเล็บ” ของพรรคภูมิใจไทยต่ำเกินไป
พรรคประชาชนเดินเกมด้วยสมมติฐานว่า “ถ้าภูมิใจไทยบิดพลิ้ว จะใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นอาวุธ” แต่ภูมิใจไทยแก้เกมด้วยการวางเดิมพันที่สูงกว่า คือ “ถ้ายื่นอภิปราย = ยุบสภาทันที”
หมากตานี้ทำให้ “ดาบอาญาสิทธิ์” หลุดจากมือฝ่ายค้าน ไปอยู่ในมืออนุทินอย่างเบ็ดเสร็จ เพราะหากยุบสภาตอนนี้ กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ (ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของพรรคประชาชน) จะแท้งทันที ร่างที่ผ่านวาระแรก ต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
พรรคประชาชนจึงตกอยู่ในภาวะจำยอม “ไม่กล้าล้มกระดาน” เพราะกลัวเสียของ (การแก้รัฐธรรมนูญ) กลายเป็นว่าต้องจำยอมอุ้มรัฐบาลอนุทินต่อไป เพื่อประคองให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญยังดำเนินต่อไปได้

2. กับดักการตรวจสอบ: เพื่อไทยลอยตัว พรรคประชาชนจมน้ำ
สถานการณ์บีบให้พรรคประชาชนตกที่นั่งลำบากที่สุดในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน
– หากพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายฯ: เพื่อไทยจะได้เครดิต “ทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบ” ไปเต็มๆ แม้จะรู้ว่ายื่นไปแล้วนายกฯ จะชิงยุบสภาหนีก็ตาม แต่เพื่อไทยไม่มีอะไรจะเสีย เพราะไม่ได้ผูกมัดกับเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญเหมือนพรรคประชาชน
– หากพรรคประชาชน “ไม่ร่วม” ยื่นอภิปราย: จะถูกสังคมตราหน้าทันทีว่าเป็น “ฮั้วทางการเมือง” ยอมหลับตาข้างหนึ่งให้รัฐบาลภูมิใจไทยบริหาร ทั้งๆ ที่เห็นความผิดพลาดมากมายเกิดขึ้น สูญเสียศรัทธาจากฐานเสียงฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องการเห็นการตรวจสอบที่เข้มข้น
– หากพรรคประชาชน “ร่วม” ยื่นอภิปราย: ภูมิใจไทยจะยุบสภาและสวนกลับทันทีว่า พรรคประชาชนเป็นคน “ทำลายสัตยาบัน” ทำให้การเลือกตั้งครั้งใหม่ ภูมิใจไทยจะมีความชอบธรรมในการโจมตีกลับ
3. ยุบสภาเร็ว: ภูมิใจไทย “กินรวบ”
ในสมรภูมินี้ ผู้ที่พร้อมที่สุดสำหรับการเลือกตั้งแบบกะทันหัน ไม่ใช่พรรคประชาชน แต่คือ ภูมิใจไทย
– ความพร้อม: กระสุนดินดำ บ้านใหญ่ และเครือข่ายหัวคะแนนของภูมิใจไทย ได้เปรียบมหาศาลหากมีการยุบสภาแบบปัจจุบันทันด่วน ในขณะที่ความล้มเหลวในการเดินทางแก้รัฐธรรมนูญ จะทำให้พรรคประชาชนไม่สามารถอะไรติดไม้ติดมือ เพื่อใช้เป็นจุดขายในการเลือกตั้ง

4. การลงทุนที่สูญเปล่า
สรุปแล้ว การที่พรรคประชาชนหนุนอนุทิน เป็นการเดินหมากที่ผิดพลาดในเชิงยุทธศาสตร์
1. ไม่ได้คุมเกม: อำนาจต่อรองถูกริบด้วยคำขู่ยุบสภา
2. กระบวนการแก้อาจสะดุดรัฐธรรมนูญ: เพราะต้องคอยพะวงว่ารัฐบาลจะล้มกระดานเมื่อไหร่
3. เสียศรัทธามวลชน: ภาพลักษณ์การเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ดุดัน ถูกลดทอนลงกลายเป็นพรรคที่ประนีประนอมกับขั้วอำนาจเก่าจนเสียหลักการ
ท้ายที่สุด พรรคภูมิใจไทย คือผู้ชนะในเกมนี้ เพราะได้ทั้งเก้าอี้นายกฯ ได้ทั้งอำนาจผู้กำหนดเกมยุบสภา (ที่ริบมาจากพรรคประชาชน) และได้ใช้การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเกราะป้องกันตัว บีบให้พรรคประชาชนต้องเดินตามเกม ส่วนพรรคประชาชนอาจจบเกมนี้ด้วยการ “คว้าน้ำเหลว” เสียทั้งเหลี่ยม เสียทั้งคะแนน และไม่ได้อะไรกลับมาเลย

