ผู้ว่าฯ สระแก้ว เข้าร่วมในการประชุมบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อยในพื้นชายแดนกับฝ่ายกัมพูชา พร้อมยื่น 8 ข้อเสนอแก้ปัญหาชายแดน
17 ก.ย. 68 ที่ จ.สระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าฯ สระแก้ว พร้อม หน.ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าร่วมในการประชุมบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อยในพื้นชายแดนกับฝ่ายกัมพูชา
โดยมี นายอุม เรียไตร ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย พร้อม พล.ต.เป็จ วรรณา รอง จก.ชด.บก.ทสส./หน.สน.ปกท., พล.ต.ซุน มาว รอง ผบ./ผบ.ภท.5 สน.1 (จ.บันเตียเมียนเจย) และ หน.ส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรปอยเปต – คลองลึก พิกัด 48PTA3497511567 บ.กะบาลสะเปียนมวย แขวงโอวโจรว กรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย (ตรงข้าม จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว)
โดยการประชุมดังกล่าว สืบเนื่องมาจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/68 เมื่อ 10 ก.ย. 68 ระหว่าง ไทย – กัมพูชา ณ จ.เกาะกง โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ ผวจ.สระแก้ว และ ผวจ.บันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อย ซึ่งการประชุมดังกล่าว ฝ่ายไทยได้ยื่นข้อเสนอ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ข้อเสนอของฝ่ายไทย
1. ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกันที่จะบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยกำหนดให้มวลชนของทั้งสองประเทศ ถอยห่างออกจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้ามไม่น้อยกว่า 500 เมตร
2. ทั้งสองฝ่าย จะไม่มีการปลุกระดมมวลชน พร้อมทั้งควบคุมมวลชนของประเทศตนให้อยู่ห่างจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศตรงข้าม ไม่น้อยกว่า 500 เมตร

3. ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกัน ไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะภูมิประเทศในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศในทุกกรณี ในกรณีที่มีการดำเนินการไปแล้ว ให้ปรับคืนสู่สภาพเดิมภายใน 1 วันหลังการประชุม
4. ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกันที่จะไม่มีการเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักในพื้นที่ชายแดนทั้งสองจังหวัด
5. จังหวัดสระแก้ว ขอสงวนสิทธิ์ในการออกเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของคนไทย ในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์ของทั้งสองประเทศ
6. ประชาชนของทั้งสองประเทศ สามารถเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตอธิปไตยของตน นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ได้ โดยห้ามประชาชน ทหาร หรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าทำการขัดขวางการทำประโยชน์ดังกล่าว ทั้งนี้ หากเกิดความไม่สงบเรียบร้อยในพื้นที่ของประเทศใด ให้เป็นหน้าที่ของประเทศนั้นต้องดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยเร็ว
7. หากไทยและกัมพูชาไม่สามารถหาข้อตกลงได้ภายใต้กลไกการหารือของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) สมัยพิเศษ ครั้งต่อไป จังหวัดสระแก้วจะมีหนังสือแจ้งจังหวัดบันเตียเมียนเจยให้ราษฎรที่อยู่นอกเส้นอ้างสิทธิที่รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยไทยให้ออกจากพื้นที่พร้อมทรัพย์สินและสังหาริมทรัพย์บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง ภายใน 30 วันนับแต่วันที่จังหวัดสระแก้วมีหนังสือแจ้ง หากไม่ออกจากพื้นที่ดังกล่าว จังหวัดสระแก้วจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายของราชอาณาจักรไทยต่อไป ตามที่ได้แจ้งให้ทราบแล้ว
8. ทั้งสองฝ่าย เห็นชอบร่วมกันที่จะจัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ร่วมกันระหว่างสองประเทศ เพื่อมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาทุกประเด็นด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการปะทะ

ในส่วนฝ่ายกัมพูชา ได้ยื่นข้อเสนอฝ่ายไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามผลการประชุมที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, ผลการประชุม RBC และผลการประชุม GBC
2. ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลง MOU-43 และ TOR 2003
3. หลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่มีผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยทั้งสองฝ่ายรอปฏิบัติตามผลการประชุม JBC
4. ทั้ง 2 จังหวัดดำเนินการตามผลการประชุม GBC

อนึ่ง ข้อเสนอของฝ่ายไทยทั้ง 8 ข้อนั้น ฝ่ายกัมพูชายังไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้ในขณะนี้ โดยฝ่ายกัมพูชาจะนำข้อเสนอของฝ่ายไทยให้หน่วยเหนือของตนพิจารณา และจะแจ้งให้จังหวัดสระแก้วรับทราบต่อไป ทั้งนี้ฝ่ายไทยนั้น ถ้าหากว่าทางจังหวัดบันเตียเมียนเจยไม่รับข้อเสนอข้อใดข้อหนึ่ง จังหวัดสระแก้วยังคงสงวนสิทธิ์และจะดำเนินการต่อไปในเขตอธิปไตยและราชอาณาจักรไทย



