วิเคราะห์ผลสำรวจ “กระแสการเมืองภาคอีสาน” ของนิด้าโพล พบ “พรรคประชาชน” ขึ้นนำในการสนับสนุนพรรคการเมือง ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” และ “ภูมิใจไทย” คะแนนสูสี การเมืองอีสานอาจเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน
The Insight วิเคราะห์ผลการสำรวจความคิดเห็น “กระแสการเมืองภาคอีสาน” ของ “นิด้าโพล” ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม 2568 จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในภาคอีสาน จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เผยแพร่ผลสำรวจวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 โดยสรุปประเด็นสำคัญและข้อสังเกตจากผลสำรวจได้ดังนี้
1. การสนับสนุนบุคคลให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ผลสำรวจแสดงให้เห็นถึงความผันผวนและความไม่ชัดเจนในการเลือกผู้นำของชาวอีสาน ณ วันที่ทำการสำรวจ
อันดับ 1: ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ (32.40%)
สัดส่วนที่สูงถึงกว่า 1 ใน 3 นี้ ชี้ให้เห็นถึงความไม่พึงพอใจ หรือความไม่มั่นใจในตัวเลือกผู้สมัครที่ปรากฏ แสดงถึงช่องว่างของผู้นำที่สามารถเป็นที่ยอมรับในวงกว้างของภาคอีสาน
อันดับ 2: อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) (19.70%)
“อนุทิน” เป็นผู้ที่ได้รับการสนับสนุนสูงสุดในบรรดาอันดับที่มีรายชื่อ ตอกย้ำถึง ความแข็งแกร่งของ “พรรคภูมิใจไทย” ในพื้นที่ภาคอีสาน และอาจสะท้อนผลงานหรือกลไกการทำงานในพื้นที่
อันดับ 3: ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) (18.55%)
ผลคะแนนที่ตามมาอย่างกระชั้นชิด แสดงให้เห็นถึงกระแสความนิยมของ “พรรคประชาชน” และผู้สมัครรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่น่าจับตามองในภูมิทัศน์การเมืองอีสาน
อันดับ 4: ชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย) (8.80%)
เนื่องจากในวันนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ใครบ้างจะเป็นแคนดิเดตของ“พรรคเพื่อไทย” ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ “ชัยเกษม” ในผลสำรวจ จึงเปรียบเสมือนตัวแทนแคนดิเดตของพรรค
โดยปรากฏการณ์ที่น่าสนใจก็คือ “เพื่อไทย” เป็นพรรคที่มีฐานเสียงในภาคอีสานมากที่สุด แต่คะแนนสนับสนุนในฐานะนายกฯ อยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ อาจบ่งชี้ถึงความท้าทายในการรักษาฐานเสียงเดิม ในฐานะแชมป์พื้นที่อีสานหลายสมัยของ “พรรคเพื่อไทย”
บุคคลอื่น: อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) (6.10%) และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) (4.80%) ยังคงมีส่วนแบ่งคะแนนที่น่าสนใจ

2. การสนับสนุนพรรคการเมือง
เมื่อพิจารณาในระดับพรรคการเมือง จะเห็นภาพการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นและกระแสความนิยมที่แตกต่างไปจากระดับบุคคล
อันดับ 1: พรรคประชาชน (26.05%)
“พรรคประชาชน” แซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการสนับสนุนพรรคการเมือง ซึ่งสูงกว่าคะแนนสนับสนุนผู้สมัครนายกฯ ของพรรค (ณัฐพงษ์) แสดงให้เห็นว่ากระแสของพรรคมีความแข็งแกร่งกว่าตัวบุคคลที่ถูกเสนอชื่อ ในขณะนี้
อันดับ 2: ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ (24.65%)
สัดส่วนที่สูงเกือบเท่าอันดับ 1 ย้ำถึงความไม่แน่ใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ยังเปิดโอกาสในการตัดสินใจ
อันดับ 3: พรรคเพื่อไทย (16.85%)
แม้คะแนนสนับสนุนพรรคจะสูงกว่าคะแนนสนับสนุนนายกฯ ของพรรค แต่ก็ยังร่วงลงจากตำแหน่งพรรคอันดับ 1 อย่างมีนัยสำคัญ บ่งบอกถึงการถูกช่วงชิงคะแนนเสียงอย่างรุนแรงโดย “พรรคประชาชน” และพรรคอื่น ๆ
อันดับ 4: พรรคภูมิใจไทย (15.75%)
คะแนนพรรคที่ใกล้เคียงกับ “พรรคเพื่อไทย” และคะแนนบุคคลที่อยู่ในอันดับ 2 ยืนยันว่า “ภูมิใจไทย” เป็นคู่แข่งที่สำคัญในภาคอีสานสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่

3. ข้อสรุปและข้อสังเกตเชิงวิเคราะห์
(1) “ตัวแปรลอย” มีอิทธิพลสูง: สัดส่วนของผู้ที่ “ยังหาคนที่/พรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้” รวมกันแล้วอยู่ในอันดับต้น ๆ ทั้งสองคำถาม นี่คือกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ทุกพรรคการเมืองจะต้องช่วงชิงในการหาเสียงต่อไป
(2) กระแส “พรรคประชาชน” มาแรง: “พรรคประชาชน” ขึ้นเป็นที่หนึ่งในการสนับสนุนพรรคการเมือง และมีผู้สมัครนายกฯ อยู่ในอันดับ 3 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนดุลอำนาจในภูมิภาค
(3) การแข่งขันสามขั้วอำนาจ: การเมืองในภาคอีสานเริ่มมีการแข่งขันที่ชัดเจนระหว่าง พรรคประชาชน, พรรคเพื่อไทย, และ พรรคภูมิใจไทย โดยมีพรรคอื่น ๆ กระจายคะแนนเสียงที่เหลืออยู่
(4) ความท้าทายของพรรคการเมืองดั้งเดิม: ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคประชาธิปัตย์” แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับยุทธศาสตร์เพื่อเรียกคะแนนเสียงกลับคืนมาในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ
บทความวิเคราะห์นี้ชี้ให้เห็นว่า การเมืองในภาคอีสานกำลังเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน ที่ซึ่งกระแสความนิยมจากผู้เล่นใหม่และพลังของกลุ่มผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางผลการเลือกตั้งในอนาคต
อ้างอิง : “กระแสการเมืองภาคอีสาน” ของ “นิด้าโพล”

