วิเคราะห์เกมการเมือง จ.ตรัง ศึกเลือกตั้ง 2569 เมื่อ “ภูมิใจไทย” ท้าชนเจ้าถิ่น เจาะลึกทุกเขตเลือกตั้งและหมากเกมของบ้านใหญ่ ใครจะรุ่งหรือร่วงในสนามนี้
สมรภูมิการเมืองจังหวัดตรัง ดินแดนที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน อย่าง “ทวี บุญยเกตุ” และ “ชวน หลีกภัย” กำลังร้อนระอุเป็นไฟ เมื่อพรรคภูมิใจไทยภายใต้การนำของ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ และ “แม่ทัพใหญ่ภาคใต้” พิพัฒน์ รัชกิจประการ หรือ “โกเกี๊ยะ” กำลังเดินเกมรุกอย่างหนักหน่วง หวังทลายฐานที่มั่นสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์
การเยือนบ้านของ “สมชาย โล่สถาพรพิพิธ” หรือ “โกหนอ” ขุนพลบ้านใหญ่แห่งย่านตาขาว ไม่ใช่แค่การแวะดื่มน้ำชา แต่คือการส่งสัญญาณพร้อมปักธงในเมืองตรัง แม้ “โกหนอ” จะยังเล่นเกมสงวนท่าที โดยอ้างว่ารอผลการประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 18 ตุลาคม 2568
แต่ในทางการเมือง นี่คือการต่อรองครั้งสำคัญ วาทกรรม “มีสมชาย ไม่มีสาทิตย์” ที่ประกาศกร้าวออกมา ไม่ต่างอะไรกับการสร้างเงื่อนไขให้ประชาธิปัตย์ต้องเลือก หาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาคุมพรรค นั่นหมายถึงการกลับมาของ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” ซึ่งเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกับบ้านใหญ่ย่านตาขาว
เกมนี้จึงเดิมพันด้วยอนาคตทางการเมืองของหลายขั้ว และนี่คือการวิเคราะห์เจาะลึกในแต่ละเขตเลือกตั้งของเมืองตรัง

เขต 1: ดาวรุ่งคนใหม่ใต้ปีก “กำนันนงค์”
ส.ส. คนปัจจุบัน “ถนอมพงศ์ หลีกภัย” (รวมไทยสร้างชาติ) ที่เคยเป็นดาวรุ่งในสังกัด “กำนันนงค์” จำนงค์ นาวาแก้ว ผู้กว้างขวางแห่งตำบลบ้านควน กำลังเผชิญกับอนาคตที่มืดมน เมื่อผู้สร้างอย่าง “กำนันนงค์” อาจ “คัดชื่อออก” และเปิดตัวดาวดวงใหม่ “เอกพล ณ พัทลุง (นาวาแก้ว)” นายก อบต.บ้านควน ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆ ลงชิงชัยในเสื้อภูมิใจไทย
“นายกเอก” ไม่ใช่ผู้เล่นโนเนม ด้วยโปรไฟล์การบริหารงานใน อบต.บ้านควน ที่เข้าตาชาวบ้านและพรรคภูมิใจไทย ศึกครั้งนี้จึงเป็นการวัดพลังกันระหว่างเด็กปั้นคนเก่า กับดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้มากบารมีหนุนหลังเต็มตัว
เขต 2: เมื่อ “สจ.หมอ” ถูกบีบให้เลือกทางเดิน
“สจ.หมอ” กิตติเดช วรรณบวร ที่ปรึกษานายก อบจ.ตรัง ซึ่ง “โกหนอ” เคยเรียกมาเป่ากระหม่อมให้เตรียมตัวลง ส.ส. กำลังอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้จะขยันลงพื้นที่สร้างผลงานเพียงใด แต่เมื่อมีกระแสข่าวว่าภูมิใจไทยเตรียมส่ง “ทวี สุระบาล” (พลังประชารัฐ) หรือ “โกวี” ลงรักษาแชมป์ในเขตเดียวกัน เกมก็เปลี่ยนทันที
“โกวี” ไม่ได้มาเล่นๆ แต่มาพร้อมกับข้อเสนอจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” หากรวบรวม ส.ส. ได้ 4 คน เท่ากับได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งหน้า สถานการณ์นี้บีบให้ “สจ.หมอ” ต้องดิ้นรนหาทางรอด ล่าสุดมีรายงานว่าเขาตัดสินใจชิงสมัครเป็นสมาชิกพรรค “ไทยก้าวใหม่” โดยไม่รอคำตอบสุดท้ายจากบ้านใหญ่ย่านตาขาวอีกต่อไป

เขต 3: ป้อมปราการของ “โล่สถาพรพิพิธ”
ดูเหมือนว่าเขตนี้จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์ กับแชมป์เก่า 2 สมัย “สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ” หรือ “ถ่ามเอ้ง” ลูกสาวของ “โกหนอ” จนถึงขณะนี้ยังไม่มีดาวรุ่งดวงไหนกล้าพอที่จะประกาศตัวท้าชิงอย่างจริงจัง มีเพียงกระแสข่าวว่าพรรคการเมืองอื่นๆ อาจส่งผู้สมัครลงเพื่อไม่ให้สนามดูเงียบเหงาเกินไปนัก

เขต 4: อนาคตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย
“กาญจน์ ตั้งปอง” ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในเขตนี้ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ร้อนที่สุด อนาคตของเขาขึ้นอยู่กับการเจรจาของ “โกหนอ” เพียงคนเดียว หาก “โกหนอ” ย้ายขั้วไปร่วมกับภูมิใจไทย เขตนี้จะกลายเป็นพื้นที่เดิมพันสำคัญทันที
เพราะ “สจ.ล้าน” หรือ “พิชัย เจริญศิริสุนทร” ส.อบจ.ตรัง ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆ ของแม่ทัพใหญ่อย่าง “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ จ่อคิวรอลงสนามอยู่แล้ว
ด้วยอำนาจรัฐในมือ ทั้งกระทรวงสำคัญต่างๆ ที่ภูมิใจไทยกุมบังเหียนอยู่ หาก “โกเกี๊ยะ” ตัดสินใจส่งหลานชายลงเพื่อการันตีที่นั่ง ส.ส. ก็มีโอกาสสูงที่ “ส.ส.กาญจน์” จะต้องตกสวรรค์ทางการเมือง

บทสรุปและคลื่นใต้น้ำ “โหวตโน”
ศึกเลือกตั้งเมืองตรังในปี 2569 ที่จะมาถึงนี้ ไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างผู้สมัคร แต่เป็นสงครามตัวแทนระหว่างพลังเก่าและพลังใหม่ที่เดิมพันสูง
แต่ท่ามกลางเกมชิงไหวชิงพริบของนักการเมือง ยังมีอีกหนึ่งตัวแปรที่มองข้ามไม่ได้ นั่นคือ “กระแสโหวตโน” พลังเงียบของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ไม่เอาใคร ซึ่งเคยแสดงอิทธิฤทธิ์มาแล้วในการเลือกตั้ง ส.อบจ.ตรัง เขต 2 อำเภอเมืองตรัง จนคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนนเอาชนะผู้สมัครทุกคน
นี่คือคำเตือนที่ดังที่สุดว่า หากมัวแต่เล่นเกมอำนาจโดยไม่เห็นหัวประชาชน สุดท้ายแล้ว อาจต้องกลายเป็น “ดาวร่วง” เพราะประชาชนที่ไม่เลือกใครเลยก็เป็นได้



