บทวิเคราะห์: Bank Run กับบทเรียนที่ประชาชนไม่อาจมองข้าม และธนาคารต้องให้ความสำคัญ
“ธนาคารไม่ได้ล้มเพราะไม่มีเงิน แต่ล้มเพราะประชาชนเชื่อว่าไม่มี”
ประโยคนี้อธิบายแก่นแท้ของปรากฏการณ์ Bank Run ได้ดีที่สุด
ในประวัติศาสตร์การเงินโลก เราเห็นแล้วว่าความตื่นตระหนกของประชาชนสามารถทำให้ธนาคารล้มลงได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ไม่ว่าธนาคารนั้นจะมีสินทรัพย์มากน้อยเพียงใดก็ตาม
ทำไมประชาชนจึงต้องใส่ใจ ?
1. ผลกระทบต่อเงินฝากโดยตรง
• กรณี The Great Depression (1930) ประชาชนอเมริกันหลายล้านคนสูญเงินฝาก เพราะขณะนั้นยังไม่มีระบบประกันเงินฝาก
• กว่าที่รัฐบาลจะตั้ง FDIC ขึ้นมา เงินออมจำนวนมหาศาลก็หายไปตลอดกาล
2. ผลกระทบทางจิตวิทยาและความเชื่อมั่น
• Northern Rock (อังกฤษ 2007) สะท้อนว่าความตื่นตระหนกที่เกิดจากข่าวรายงานไม่กี่นาที สามารถทำให้ประชาชนหลายแสนคนตัดสินใจถอนเงินพร้อมกัน
• แม้รัฐบาลค้ำประกันเต็มจำนวน แต่ “ความกลัว” ที่เริ่มแล้วกลับหยุดยาก
3. ผลกระทบเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ
• เมื่อธนาคารล้ม ไม่ได้กระทบแค่ผู้ฝาก แต่ยังลามไปยังผู้กู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเครดิต และธุรกิจที่ขาดสภาพคล่อง
• ในที่สุด ภาคเศรษฐกิจจริง—การค้า การผลิต การจ้างงาน—ก็ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่
บทเรียนจากวิกฤตต้มยำกุ้ง (ไทย 2540)
แม้ประเทศไทยจะไม่เผชิญ “Bank Run แบบประชาชนแห่ถอนเงิน” เหมือนสหรัฐฯ หรืออังกฤษ แต่ประชาชนไทยก็เจ็บหนักจากวิกฤตการเงิน
• ปัญหาหนี้เสีย (NPL) ทำให้สถาบันการเงิน 58 แห่งถูกปิด
• ผู้ฝากเงินจำนวนไม่น้อยต้องรอการชดเชยจาก กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF)
• ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปกว่า 50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้เงินออมและรายได้ของประชาชนหดหาย
• ภาระหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
แม้จะไม่ใช่ Bank Run โดยตรง แต่ประชาชนก็เป็น “ผู้รับภาระสุดท้าย” ของวิกฤตการเงินอยู่ดี
ปัจจุบัน: ประชาชนไทยปลอดภัยแค่ไหน?
1. ระบบประกันเงินฝาก
• ไทยมี สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) ตั้งแต่ปี 2551
• ปัจจุบันคุ้มครองวงเงิน 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร (ข้อมูลปี 2567–2568)
• หมายความว่า หากธนาคารล้ม ผู้ฝากเงินจะได้เงินคืนเต็มจำนวนก็ต่อเมื่อยอดเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท
2. ความเปราะบางใหม่ในยุคดิจิทัล
• ธุรกรรมการเงินออนไลน์ทำให้การถอนเงินจำนวนมหาศาลเกิดขึ้นได้ “ทันที” ไม่ต้องเข้าคิวหน้าธนาคารเหมือน Northern Rock อีกต่อไป
• ข่าวลือในโซเชียลมีเดียจึงอาจเร่งปฏิกิริยา Bank Run ได้เร็วกว่าทุกยุคสมัย
3. หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์
• หนี้ครัวเรือนไทยแตะกว่า 90% ของ GDP (ข้อมูลปี 2567)
• หากธนาคารใดประสบปัญหาสภาพคล่อง การเข้าถึงสินเชื่อของประชาชนจะถูกตัดทันที และจะกระทบการใช้จ่าย-การจ้างงานแบบลูกโซ่
สัญญาณเตือนที่ประชาชนควรรู้
• อย่าหวังพึ่ง “ข่าวลือ” เพราะหลายครั้ง Bank Run เริ่มจากความเข้าใจผิด แต่กลับทำให้ข่าวลือกลายเป็นจริง
• ตรวจสอบวงเงินฝากของตนเอง หากมีเงินเกิน 1 ล้านบาท ควรกระจายบัญชีไปยังธนาคารหลายแห่งเพื่ออยู่ในวงเงินประกัน
• ติดตามสถานการณ์การเงินผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ และอย่าตื่นตระหนกกับข่าวที่ยังไม่ยืนยัน
บทสรุปเชิงบรรณาธิการ
Bank Run ไม่ใช่แค่เรื่องของธนาคาร แต่คือเรื่องของ “ชีวิตประชาชน” เพราะเงินฝากคือต้นทุนของครอบครัว การศึกษา และอนาคตของลูกหลาน
บทเรียนจากอดีตชี้ชัดว่า ความเชื่อมั่นคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุด
เมื่อความเชื่อมั่นหายไป เงินฝากที่ควรปลอดภัยก็อาจหายไปเช่นกัน
ดังนั้น การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง การกระจายความเสี่ยง และการไม่ปล่อยให้ “ความกลัว” ครอบงำ คือเกราะป้องกันที่ประชาชนทุกคนสามารถสร้างได้ด้วยตนเอง

