ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ถึงกันยายน นับเป็นอีกช่วงเวลาที่การเมืองไทยเดือดระอุเป็นอย่างมาก โดยตัวเลขที่ชี้วัดความร้อนแรงของสถานการณ์ ก็คือความสนใจของผู้คนบนสื่อโซเชียล
ซึ่งจากบทความ “เสียงสะท้อนการเมืองบนโลกโซเชียลและอนาคตที่ยังคลุมเครือของประเทศไทย” โดยมีที่มาจากการเก็บข้อมูลของ Wisesight หรือ บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม – 8 กันยายน 2568 ด้วยเครื่องมือ Zocial Eye ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของผู้คนต่อการเมืองไทย ดังต่อไปนี้

1. จำนวนข้อความ และเอนเกจเมนต์มหาศาลเกี่ยวการเมืองไทยภายใน 13 วัน
Wisesight ระบุว่า ภายในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มีข้อความเกี่ยวกับการเมืองสูงถึง 856,539 ข้อความ และมีเอนเกจเมนต์มหาศาล 97,357,724 ครั้ง สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในระดับพิเศษมากๆ โดย TOP 3 แพลตฟอร์มที่มีจำนวนข้อความมากที่สุด ได้แก่
อันดับ 1 Facebook มีจำนวน 547,004 ข้อความ คิดเป็น 67.02% ของข้อความทั้งหมดบนสื่อโซเชียล
อันดับ 2 YouTube มีจำนวน 109,407 ข้อความ คิดเป็น 12.77% ของข้อความทั้งหมดบนสื่อโซเชียล
อันดับ 3 TikTok มีจำนวน 108,274 ข้อความ คิดเป็น 12.55% ของข้อความทั้งหมดบนสื่อโซเชียล
ส่วน TOP 3 แพลตฟอร์มที่จำนวนเอนเกจเมนต์มากที่สุด คือ
อันดับ 1 Facebook มีจำนวน 60 ล้านเอนเกจเมนต์
อันดับ 2 TikTok มีจำนวน 23 ล้านเอนเกจเมนต์
อันดับ 3 YouTube มีจำนวน 5.9 ล้านเอนเกจเมนต์
จากข้อมูลข้างต้น แสดงให้เห็นว่า Facebook ยังคงเป็นพื้นที่หลักของกลุ่มผู้ใช้งาน โดยมีจำนวนข้อความและเอนเกจเมนต์ทิ้งห่างแพลตฟอร์มอื่นๆ เป็นอย่างมาก
ในขณะที่ YouTube แม้จะมีจำนวนข้อความสูงเป็นอันดับที่ 2 แต่กลับมีเอนเกจเมนต์ต่ำกว่า TikTok เป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงการเป็นพื้นที่สำหรับการติดตามข่าวสารเชิงลึก
ส่วน TikTok แม้จะข้อความเกี่ยวกับการเมืองเพียง 12.55% ของข้อความทั้งหมดบนสื่อโซเชียล แต่กลับมีเอนเกจเมนต์สูงถึง 23 ล้าน แสดงให้เห็นถึงพลังของวิดีโอสั้นได้เป็นอย่างดี

2. บุคคลทางการเมืองที่ถูกจับตามากที่สุด
อนุทิน ชาญวีรกูล ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 306,969 ข้อความ (46,219,887 เอนเกจเมนต์)
ทักษิณ ชินวัตร ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 161,527 ข้อความ (19,084,165 เอนเกจเมนต์)
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 167,351 ข้อความ (3,167,908 เอนเกจเมนต์)
ภูมิธรรม เวชยชัย ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 97,104 ข้อความ (15,568,102 เอนเกจเมนต์)
ชัยเกษม นิติสิริ ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 74,872 ข้อความ (12,436,355 เอนเกจเมนต์)
“อนุทิน ชาญวีรกูล” ถูกพูดถึงมากที่สุดในฐานะว่าที่นายกฯ คนที่ 32 โดยเสียงบนโซเชียลส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกับพรรคประชาชน ในประเด็นการโหวตให้เป็นนายกฯ ซึ่งสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งฝั่งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก่อนที่เขาจะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯ คนที่ 32 ในวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมา
ขณะที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังคงในกระแสการเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโพสต์ที่รับความนิยมสูงสุดคือกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ยอมรับว่าได้รับการติดต่อเรื่องการโหวตนายกฯ จาก “ทักษิณ”
ส่วนชื่อของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็กลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง จากกรณีที่มีข่าวว่า ท่ามกลางความขัดแย้งและวิกฤตทางการเมือง เขาอาจกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ซึ่งก็มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้าน
ในขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากช่วงยื่นยุบสภา ในฐานะรักษาการนายกฯ หลังจากพรรคประชาชนประกาศจะโหวตให้อนุทิน
ส่วน “ชัยเกษม นิติสิริ” เริ่มถูกกล่าวถึงแบบถี่ๆ หลังจาก “พรรคเพื่อไทย” ผุดโปร “ยุบสภาทันที” หวังพลิกเกมให้ “พรรคประชาชน” ฉีก MOA ที่ทำไว้กับ “พรรคภูมิใจไทย”
3. พรรคการเมืองที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด
อันดับ 1 พรรคประชาชน ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 250,714 ข้อความ (41,862,104 เอนเกจเมนต์)
อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 155,496 ข้อความ (26,013,496 เอนเกจเมนต์)
อันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย ถูกกล่าวถึงบนโซเชียลมีเดีย 49,967 ข้อความ (17,424,294 เอนเกจเมนต์)
“พรรคประชาชน” เริ่มถูกกล่าวถึงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกตัดสินให้หลุดจากตำแหน่งนายกฯ กรณีคลิปเสียงฮุนเซน แล้ว “พรรคภูมิใจไทย” ก็เดินเกมเร็ว ประกาศรับข้อเสนอยุบสภา 4 เดือนของพรรคดังกล่าว
ส่งผลให้ “พรรคเพื่อไทย” ต้องปรับเกมเพื่อรักษาอำนาจหลายเลเวล ตั้งแต่พยายามไม่ให้พรรคร่วมเดิมแตกแถว เข้าไปเจรจากับ “พรรคประชาชน” กระทั่งยื่นยุบสภา และผุดโปร “ยุบสภาทันที” แต่สุดท้ายแล้ว “พรรคประชาชน” ก็ไม่เปลี่ยนใจ
ส่วน “พรรคเพื่อไทย” ที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ก็เนื่องมาจากความพยายามรักษาอำนาจให้ถึงที่สุด จนถูกมองว่าออกอาการยึกยัก และไม่ได้ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชนจริงๆ กระทั่งสูญเสียอำนาจรัฐ หลังจาก “พรรคประชาชน” โหวตให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ
ขณะที่ “พรรคภูมิใจไทย” เริ่มถูกกล่าวถึงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังประกาศเป็นผู้ท้าชิงอำนาจรัฐ กระทั่งประสบความสำเร็จ “อนุทิน” ได้รับการโหวตให้เป็นนายกฯ คนที่ 32 ของประเทศ

3. ถ้อยคำเกี่ยวกับการเมืองที่เยอะที่สุด สะท้อนความรู้สึกและความต้องการของประชาชน
อันดับ 1 “ยุบสภา” ถูกกล่าวบนโซเชียลมีเดีย 458,404 ข้อความ (31,577,361 เอนเกจเมนต์)
อันดับ 2 “เลือกตั้งครั้งใหม่” ถูกกล่าวบนโซเชียลมีเดีย 132,089 ข้อความ (4,912,452 เอนเกจเมนต์)
อันดับ 3 “เบื่อการเมือง” ถูกกล่าวบนโซเชียลมีเดีย 75,766 ข้อความ (3,136,364 เอนเกจเมนต์)
“ยุบสภา” เป็นถ้อยคำเกี่ยวกับการเมืองที่มากที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความคาดหวังของประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว
ซึ่งในสถานการณ์การเมือง ณ ขณะนั้น “ยุบสภา” แบ่งออกเป็น 2 ทางเลือกด้วยกัน นั่นก็คือ “ยุบสภา 4 เดือน”(ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะยาวนานไม่ต่ำกว่า 9 เดือน) นั่นก็คือการที่ “พรรคประชาชน” เลือกโหวตให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ
กับทางเลือกที่ 2 ในช่วงใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์เต็มที นั่นก็คือ “ยุบสภาทันที” โดยคาดหวังให้ “พรรคประชาชน” กลับลำ ฉีก MOA หันไปโหวตให้ “ชัยเกษม” ของ “พรรคเพื่อไทย”
ส่วนถ้อยคำเกี่ยวกับการเมืองที่เยอะที่สุดเป็นอันดับที่ 2 นั่นก็คือ “เลือกตั้งครั้งใหม่” ซึ่งด้วยสถานการณ์การเมืองที่คลุมเครือในช่วงเวลานั้น ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อย ได้สะท้อนความรู้สึกของตัวเองผ่านถ้อยคำ “เบื่อการเมือง” จนกลายเป็นถ้อยคำที่มีผู้กล่าวถึงมากที่สุด เป็นอันดับที่ 3
4. ความคาดหวังของประชาชน ที่สะท้อนผ่านผลโพล
ในช่วงการเมืองร้อนระอุ “สวนดุสิตโพล” ก็ได้เผยแพร่ผลสำรวจออกมาเมื่อวันที่ 7 กันยายน โดยทำการสำรวจวันที่ 2 – 5 กันยายน เรื่อง “ความคาดหวังต่อนายกรัฐมนตรีคนที่ 32”
ซึ่งถ้าโฟกัสไปที่หัวข้อ “ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ หากรัฐบาลใหม่ประกาศยุบสภาภายใน 4 เดือน เพื่อเลือกตั้งใหม่” ก็ปรากฏว่าตัวเลขพุ่งกระฉูดเป็นอันดับ 1 สูงถึง 76.66%
สอดคล้องกับสำรวจของ “นิด้าโพล” เรื่อง “ยุบสภาภายใน 4 เดือนเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ” ทำการสำรวจวันที่ 4 – 5 กันยายน และเผยแพร่ผลสำรวจในวันที่ 7 กันยายน
โดยในหัวข้อที่ว่า “ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรกับข้อเสนอให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน” ผลปรากฏว่า อันดับที่ 1 ได้แก่ ควรยุบสภาโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอสี่เดือน 59.24 % ส่วนอันดับที่ 2 เห็นด้วยกับการยุบสภา ภายใน 4 เดือน 27.17 %
ซึ่งผลสำรวจของทั้ง 2 สำนักต่างชี้ชัดไปในทิศทางเดียวกันว่า “ยุบสภา” คือทางออกของปัญหาการเมืองไทย และเมื่อนำมาเชื่อมโยงกับข้อมูลความสนใจบนโลกออนไลน์ของ Wisesight ก็สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤตศรัทธาของประชาชนต่อพรรคการเมืองในปัจจุบัน โดยมีความหวังสูงสุดอยู่ที่การได้อำนาจคืน เพื่อเลือกตั้งครั้งใหม่ แม้ต้องรออีกไม่ต่ำกว่า 4 เดือน…ก็ตาม
References
Wisesight : เสียงสะท้อนการเมืองบนโลกโซเชียลและอนาคตที่ยังคลุมเครือของประเทศไทย

