เมื่อพูดถึงสถานีโทรทัศน์ที่แข่งขันกันด้านเรตติ้งจนแทบจะจี้ตูดกันพอสมควร ก็คงหนีไม่พ้นสองช่องหลักอย่าง Mono29 และช่อง 3HD ที่ต่างมีคอนเทนต์คุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของช่อง 3HD ที่มีละครและรายการข่าวแม่เหล็กคุณภาพ ส่วนของ Mono29 ก็มีซีรีส์และภายนตร์ต่างประเทศในมือเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ล่าสุดทั้งบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด(มหาชน) ยานแม่ของ Mono29 และบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน) ยานแม่ของช่อง 3HD ต่างก็ส่งงบการเงินประจำไตรมาสที่ 1/2565 ไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 วันนี้ Modernist จะพามาชนกันแบบหมัดต่อหมัดว่าใครแกร่งด้านไหนบ้าง
โดยฝั่งโมโน เน็กซ์นั้น พกความมั่นใจมาเต็มที่ โดยมียานลูกในเครืออย่าง Mono Max แพลตฟอร์มออนไลน์ของโมโนที่ให้บริการวีดิโอสตรีมมิ่ง, ช่อง Mono29 สถานีโทรทัศน์ดิจิตอลที่เป็นขุมทรัพย์หลัก โกยรายได้และผู้ชมเข้าสู่บ้านหลังอื่นๆ ต่อไป, 29Shopping รายการขายสินค้าคุณภาพในเครือ และ MThai เว็บไซต์รายงานข่าวและข้อมูลสำคัญๆ โดยในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 นั้นโกยรายได้รวมอยู่ที่ 513 ล้านบาท แบ่งรายได้เป็นรายได้จากการขายโฆษณา 377 ล้านบาท, รายได้จากการขายสินค้า 7 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจดิจิทัล 126 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ 4 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11 ล้านบาท
ในขณะที่ฝั่งบีอีซี เวิลด์ ก็ไม่น้อยหน้าใคร เพราะมีแบรนด์ลูกในเครือมากมาย เช่น ช่อง 3HD สถานีโทรทัศน์คุณภาพระดับชาติ, 3Plus แพลตฟอร์มออนไลน์ครบวงจรของบริษัท, ครอบครัวข่าว 3 แพลตฟอร์มข่าวของช่อง 3HD และ Ch3Thailand Music ช่องทางผลิตผลงานเพลงของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีนักแสดงที่มาเป็นศิลปินแล้วมากมายเช่นกัน โดยรายได้ในไตรมาสที่ 1/2565 คว้ารายได้รวมอยู่ที่ 1,253 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายโฆษณา 1,096 ล้านบาท, รายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ 54 ล้านบาท, รายได้จากธุรกิจดิจิทัล 87 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ อีก 12 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 173 ล้านบาท
เหตุผลที่ฝั่งบีอีซี เวิลด์ มีรายได้ที่มากกว่า ก็เนื่องมาจากการพัฒนาเนื้อหา โดยใช้หลักการผลิตแบบ Single Content Multiple Platform โดยเน้นผลิตผลงานเดียวกระจายไปยังหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ควบคุมต้นทุนได้มากกว่า รวมไปถึงการพัฒนาช่องทางการหารายได้ที่หลากหลายมากขึ้น โดยปีนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนา BEC Studio ให้สามารถผลิตเนื้อหา Original Content ไปยังแพลตฟอร์มของตนเองและพันธมิตรได้มากขึ้นอีกด้วย ส่วนทางของโมโน เน็กซ์ ก็มีการพัฒนาการซื้อลิขสิทธิ์ด้วยตนเองให้ครอบคลุมทุกช่องทางของตนเองที่ออกมา และมีการวางแผนที่รัดกุม ทั้งการกระจายเนื้อหาที่เหมาะสม และการดำเนินการจัดจำหน่ายเพิ่มเติมด้วย ซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
