‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่นิยามความพอดีได้ยากยิ่ง การใช้ใจเป็นกลางกับรสชาติจำเป็นต้องอาศัยหลายสิ่งอย่างเป็นตัวตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างนั้นมาตรวัดที่ว่าก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ มีทั้งมาตรวัดที่ผู้คนต่างเชื่อถือ และมาตรวัดที่ผู้คนบางกลุ่มไม่ยึดถือเป็นมาตรวัด ‘ความอร่อย’ ไปเลยก็มี
ไม่นานมานี้ก็มีอีกหนึ่งมาตรวัดระดับโลก ที่สร้างแรงกระเพื่อมลูกโตต่อวงการอาหารไทย กับกระแส #saveแกงส้ม จากการถูกจัดอันดับให้เป็นอาหารยอดแย่อันดับที่ 12 ของโลก จากมาตรวัดที่ชื่อ ‘TasteAtlas’ ซึ่งทำให้คนไทยลุกฮือ และทำให้ชาวเน็ตไทยจวกยับไปตามๆ กัน วันนี้ The Modernist เลยขอพาคุณไปทำความรู้จักกับมาตรวัดนี้กัน ว่าพวกเขาเป็นใคร และทำไมถึงเลือกใช้ตัวเองเป็นมาตรวัดความอร่อย-ไม่อร่อย ของอาหารทั่วโลกได้
‘TasteAtlas’ แนะนำตัวเองบนเว็บไซต์ www.tasteatlas.com ว่าเป็น “สารานุกรมของรสชาติ” อย่างในชื่อของสถาบันเอง ที่มาจากคำว่า ‘Teste’ ที่หมายถึง รสชาติ และคำว่า ‘Atlas’ ที่หมายถึง สมุดแผนที่ ‘TasteAtlas’ จึงเป็นพื้นที่แนะนำเมนูอาหารตามแบบฉบับดั้งเดิม รวมถึงยังเป็นพื้นที่บทวิจารณ์ของนักวิจารณ์อาหาร และงานวิจัยเกี่ยวกับส่วนผสมหรืออาหารยอดนิยม
Tasteatlas ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยนักข่าวและผู้ประกอบการชาวโครเอเชีย ‘Matija Babić’ ที่ใช้เวลากว่า 3 ปี ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2018 และได้ชื่อว่าเป็น ‘เว็บไซต์แนะนำอาหารท้องถิ่นระดับโลกแห่งแรก’ เกิดจากช่องว่างของโอกาสที่ Michelin guide และ Tripadvisor ไม่ได้ทำมัน นั่นคือการมุ่งเน้นการให้คำแนะนำ และบทวิจารณ์เกี่ยวกับ ‘เมนู’ อาหารดั้งเดิม แทนที่จะเป็นการให้คำแนะนำ และบทวิจารณ์เกี่ยวกับร้่านอาหารที่กำลังเป็นที่นิยม
พวกเขาใช้บทวิจารณ์และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร และบทวิจารณ์จากนักวิจารณ์แทนเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเองได้ ผ่านการยึดความน่าเชื่อถือเป็นเหตุผลหลัก จนทำให้ TasteAtlas สามารถเป็นแหล่งข้อมูลที่ใช้แนะนำในระบบการศึกษาหลายแห่งได้ เช่น ในไอร์แลนด์และแคนซัส
นอกจากนี้วิธีการทำงานของพวกเขา เกิดขึ้นจากทีมงานเล็กๆ ประกอบด้วยผู้เขียนราว 30 คน ช่วยกันวิจัยอย่างเข้มงวด ผ่านเกณฑ์การประเมินและแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ประกอบกับการถูกกล่าวถึงผ่านบทวิจารณ์ต่างๆ ความนิยมของการสืบค้นบน Google หรือการมอบรางวัลรับรองอาหารที่เชื่อถือได้ของเมนูอาหารชนิดนั้นๆ ในแต่ละมุมโลก เช่น EU food schemes หรือ มรดกโลกของ Unesco ทำให้เมนูนั้นๆ เป็นเมนูดั้งเดิมอย่างแท้จริงมากขึ้น
ปัจจุบัน TasteAtlas มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มดั้งเดิมจากทั่วโลกบนเว็บไซต์กว่า 10,000 เมนู จากจุดเริ่มต้นในปี 2021 ที่ใช้เวลา 3 ปีแรกรวบรวมได้กว่า 5,000 เมนู และจะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก: Wikipedia, TasteAtlas
