ไม่นานมานี้ กระแส Y2K เพิ่งวนกลับมาเป็น Pop culture ที่ฮิตติดลมบนในสังคมไทย ไม่ว่าจะเลื่อนฟีดไปทางไหนก็เจอคนทำท่าทางชูนิ้วมือเลข 2 ประกบกันเต็มไปหมด ไกลกลับไปกว่านั้นหน่อย หน้าฟีดเราก็เคยเต็มไปด้วยท่าหัวใจหลากหลายสไตล์ ทั้งท่ามินิฮาร์ต ที่ใช้เพียง 2 นิ้ว ท่าหัวใจที่ใช้สองมือประกบกัน หรือท่าหัวใจของคู่รักที่ต้องชูแขนโค้งเข้าหากัน
ในมุมของการตลาด ‘ท่าทำมือถ่ายรูป’ ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างภาพจำให้กับผู้คน อาจจะเพราะเป็นสัญลักษณ์ที่ใกล้ตัวผู้คนมากที่สุด ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเพิ่มเติม ใช้เพียงแค่มือก็ทำให้ผู้คนจดจำแบรนด์นั้น ๆ ได้แบบง่าย ๆ
เช่นเดียวกันกับวงการการเมือง ที่การตลาดในการเลือกตั้งกำลังมีบทบาทอยู่ในทุกขั้นตอน การสร้างคะแนนนิยมให้ผู้คน ‘เลือก’ ให้ได้ภายในระยะเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ละพรรคการเมืองจึงสรรสร้างลีลา และหาภาพจำของแบรนด์ตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อซื้อใจผู้คนด้วยอุดมการณ์ และซื้อการถูกจดจำจากผู้คนด้วยความคิดสร้างสรรค์ในทุกอย่างที่พรรคนำเสนอออกมา
The Modernist จึงขอรวบรวมความคิดสร้างสรรค์ในการดีไซน์ ‘ท่าทำมือถ่ายรูป’ เป็นหมายเลข หรือท่าประจำพรรคการเมืองต่าง ๆ มาให้ได้ชมกัน ว่าแต่ละพรรคนำเสนอตัวตนผ่านอวัยวะที่เรียกว่า ‘มือ’ กันอย่างไรบ้าง
พรรคเพื่อไทย
ในแง่ของตัวเลข 29 ก็ไม่รู้สึกแปลกอะไร ดีเสียด้วยซ้ำ เพราะตามความเชื่อของคนไทย เลข 9 เป็นเลขนำโชค หรือในแง่ความหมายที่พรรคตีความ นั่นคือการสิ้นสุดของนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 และพรรคเพื่อไทยกำลังจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
แต่ในแง่การทำท่าเลขพรรค นี่คือโจทย์ยากของแท้
วันที่พรรคเพื่อไทยจับได้หมายเลข 29 ถือเป็นตัวเลขที่ทำท่าได้ยาก มือสองข้างก็ทำได้แค่เลขเดียว วันนั้นเราจึงได้เห็นภาพที่เศรษฐา ทวีสิน ชูเลข 9 โดยใช้มือข้างหนึ่งชู 5 นิ้ว และอีกข้างชู 4 นิ้ว ส่วนเลข 2 ถึงกับต้องให้แพทองธาร ชินวัตร ช่วยชูให้อยู่ข้าง ๆ นับเป็นการชูเลขที่ดูลำบากมาก แต่เราก็เชื่อว่าเดี๋ยวก็ต้องมีท่าใหม่มา
จนไม่นานมานี้ เราก็ได้เห็นท่าใหม่ของเศรษฐา ทวีสิน ที่ชูเลข 2 ด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกข้างหนึ่งทำเป็นท่าโอเคแบบกลับหัว ทำให้ดูเหมือนกับตัวเลข 9 ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ปัญหาได้ดีสำหรับการชูตัวเลขยาก ๆ แบบนี้
รวมถึงใน Tiktok ก็มีผู้ใช้งานรายหนึ่งชูเลข 29 ประกอบเพลง ‘Flower’ ของ JISOO ผ่านการเต้น Cover ในท่อนฮุกของเพลง ที่มีท่าดอกไม้บานหมุนไปหมุนมา ที่ต้องใช้ข้อมือชนกันก่อนจะกางมือออกเสมือนกับดอกไม้ที่กำลังบานออก เธอจึงแปลงมือจากดอกไม้บานให้กลายเป็นการชูเลข 29 คล้าย ๆ กับเศรษฐาแทน ทำให้ผู้คนที่เข้ามาชมคลิปนี้ต่างคอมเมนต์ชื่นชมในไอเดียของเธอกันอย่างล้นหลาม และสร้างแรงกระเพื่อมใน Tiktok ได้เป็นอย่างดี
พรรครวมไทยสร้างชาติ
เลข 22 นี้ชูง่ายมาก แค่ชูสองนิ้ว สองข้างก็จบแล้ว
แต่ยุค Y2K ครองเมืองแบบนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติของลุงตู่ก็ชูไปแบบไหลตามกระแสอย่างง่ายดาย แค่จัดแจงท่าชูสองนิ้ว เอาข้อมือมาชนกัน มือหนึ่งอยู่ล่าง อีกข้างอยู่บน ก็ได้ท่าชูเลขพรรคที่ไม่ประดิษฐ์ เพราะเอากระแสเขามาหมด ข้อดีคือจำง่าย เอาใจวัยรุ่น แต่ไม่สื่อสารพรรค
เอาจริง ๆ เหมือนรู้ล่วงหน้ามาก่อน เพราะในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายก่อนจะยุบสภาเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยก่อนจะเดินทางกลับ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมพูดถึงอนาคตการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พร้อมทำท่า Y2K ท่าเดียวกันเป๊ะกับท่าชูนิ้วหาเสียง ซึ่งก็คงพูดได้ว่าเป็นความบังเอิญ
แต่ในแง่ภาพลักษณ์ของพรรค เราก็พูดได้เลยว่าตัวเลขแห่งความบังเอิญตรงนี้ คือแต้มต่อด้านภาพลักษณ์ที่พรรครวมไทยสร้างชาติเอาไปกินแบบสบาย ๆ เลย
พรรคภูมิใจไทย
เรากล้าพูดเลยว่าการชูเลข 7 ของพรรคภูมิใจไทยนั้นแสนเฉิ่ม
แน่นอนว่าท่ากางนิ้วชี้ และนิ้วโป้งออก พร้อมกับหักข้อมือลงให้กลายเป็นตัวเลข 7 นั้นใคร ๆ เขาก็ทำกัน ภาพจำง่ายที่สุดคือการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา เบอร์ 7 ก็เคยเป็นตัวเลขประจำของ ‘รสนา โตสิตระกูล’ ที่ชูท่าเดียวกันแบบเป๊ะ ๆ
ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พรรคอื่น ๆ ที่มีผู้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในหมายเลข 7 เหมือนกัน ต่างก็ชูเลขนี้ ในท่านี้กันทั้งนั้น นั่นหมายถึงว่า ตัวเลข 7 ที่พรรคภูมิใจไทยชู แทบจะไม่ได้สร้างภาพจำอะไรให้กับพรรคภูมิใจไทยเอาเสียเลย
เราก็หวังว่าหากพรรคภูมิใจไทยสร้างสรรค์วิธีการชูเลข 7 แบบใหม่ขึ้นมา ตัวเลข 7 ของพรรคภูมิใจไทยก็อาจจะสร้างความหมายใหม่ขึ้นมาก็ได้เหมือนกัน
พรรคไทยสร้างไทย
ตัวเลข 32 ของพรรคไทยสร้างไทย ถูกให้ความหมายไว้อย่างน่าสนใจ นั่นคือการสร้างความสมบูรณ์พร้อม 32 ประการ ให้กับประชาชน ต่างจากรัฐบาลนี้ที่ทำให้ประชาชนมีความไม่สมบูรณ์ และควรอย่างยิ่งสำหรับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนภายใต้รัฐบาลใหม่นี้ รวมถึงตัวเลข 3 และ 2 ของพรรคไทยสร้างไทยก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลขที่ชูง่าย ซึ่งสามารถชูเป็นตัวเลขธรรมดา ๆ ก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้น่าจดจำมากเท่าไร
ต้องขอบคุณไอเดียจาก ‘จินนี่’ หรือยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ ลูกสาวสุดที่รักของคุณแม่หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ครีเอตท่าให้น่าจดจำขึ้น โดยเอาแขนตั้งฉากกับลำตัว แล้วไขว้แขนกัน มือซ้ายชูเลข 3 และมือขวาชูเลข 2 ก็กลายเป็นท่าน่ารัก ๆ ที่ Y2K ได้เหมือนกัน
ซึ่งพอเอามาถ่ายรูปจริง บางครั้งการวางแขนตั้งฉากกับลำตัวก็อาจจะดูเกะกะไปบ้าง จึงมีท่าที่สองงอกขึ้นมา คือการไขว้แขนกันเหมือนเดิม แต่เอาแขนนั้นมาชิดบริเวณหน้าอกแทน เหมือนกับท่า ‘Wakanda Forever’ จาก ‘Black Panther’ ซึ่งการครีเอทีฟเพิ่มเติมเพียงนิดเดียวของจินนี่ ช่วยให้ตัวเลข 32 ของพรรคน่าจดจำขึ้นอีกมากเลยทีเดียว
พรรคเปลี่ยน
อีกหนึ่งพรรคหน้าใหม่ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ ที่พอจับได้เบอร์ 20 ปั๊บ ก็ดีไซน์การชูได้อย่างทันท่วงที มือข้างหนึ่งชูเลข 2 ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ชูกำปั้น ให้กลายเป็นเลข 0 ที่เรียกว่าเป็นเลขที่ชูง่ายเหมือนกัน
แต่จุดเด่นยิ่งไปกว่านั้นคือการให้ความหมาย เพราะมือข้างที่ชูเลข 2 ก็แปลได้อีกอย่างว่าเป็นตัวอักษร V ที่มาจาก Victory รวมถึงกำปั้นที่ชูอีกข้าง ก็แปลได้เหมือนกันว่าเป็นการฮึดสู้ รวมกันก็ได้เป็น “สู้สู้” ที่ถือว่าเป็นการให้ความหมายที่ดีมาก ๆ พรรคหนึ่ง เพราะเป็นความหมายที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของพรรค และภาพลักษณ์ของตัวหัวหน้าพรรคอย่างนอท กองสลากพลัส ที่กล้าเอาตัวเองมาลงสนามการเมือง เพื่อสู้กับปัญหาที่ตัวเองพบเจอ
พรรคพลังประชารัฐ
พรรครัฐบาลที่กลับมาสู้ศึกการเมืองอีกครั้ง ชูนโยบายเดิมที่เกทับจำนวนเพิ่มอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือนโยบาย ‘บัตรประชารัฐ’ กับตัวเลข 700 ที่หมายถึงการเพิ่มวงเงินช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวน 200 – 300 บาท ต่อเดือน ให้กลายเป็น 700 บาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นมา 2 – 3 เท่าด้วยกัน
ท่าที่พรรคใช้ในการถ่ายรูปจึงกลายเป็นท่าชูหมายเลข 7 มือซ้ายกางนิ้วทั้ง 5 นิ้ว ส่วนมือขวาชูเพิ่มอีก 2 นิ้ว ให้กลายเป็น 7 นิ้ว เพื่อสอดรับกับนโยบายหลักที่พรรคใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ไม่ว่าจะการถ่ายรูปครั้งไหน ๆ เราก็จะเห็นลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมพวกชูแต่เลข 7 นี้อยู่เสมอ
พอพรรคได้หมายเลข 37 เราก็เลยยังเห็นพรรคพลังประชารัฐชูตัวเลข 7 นี้อยู่ โดยหาสนใจตัวเลข 30 อาจเพราะเป็นท่าที่ใช้ต่อ ๆ กันมาตั้งแต่แรก เลยใช้ต่อ ๆ กันไป จะได้ไม่เสียภาพจำต่อประชาชน
พรรคประชาธิปัตย์
เท่าที่เราเห็น พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการชูเลขพรรคแต่อย่างใด อาจเพราะเหตุผลด้านความไม่แน่นอนของตัวเลขลำดับพรรค ที่สามารถถคลาดเคลื่อนได้ตลอดเวลา
ในวันที่จับหมายเลขพรรค ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์’ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “ขอให้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศอย่างเป็นทางการเสียก่อน เพราะหมายเลขอาจจะยังไม่นิ่งและอาจปรับเปลี่ยนขึ้นมา”
ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์จึงมีแต่การชูอีกท่าหนึ่ง นั่นคือท่าของตัวอักษร ป.ปลา ตัวย่อของพรรคประชาธิปัตย์ โดยการทำท่าเดียวกับพรรคภูมิใจไทย นั่นคือการชูนิ้วชี้ และนิ้วโป้ง ต่างกันแต่เพียงข้อมือที่หันขึ้นด้านบนแทนเท่านั้น ดูคล้ายกับเครื่องหมายถูก ซึ่งก็ถือว่าเป็นท่าพื้นฐานที่จำง่าย และมีความแตกต่างจากพรรคอื่นอยู่ประมาณหนึ่ง
พรรคก้าวไกล
พรรคก้าวไกลถือเป็นอีกพรรคที่ไม่สนใจตัวเลข 31 มากเท่าไรนัก เพราะพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “อยากให้ประชาชนจำโลโก้ของพรรคมากกว่า เพราะการเลือกตั้งในครั้งนี้ คือ 2 ใบ 2 หมายเลข อาจทำให้ประชาชนสับสน หากกังวลว่าจะกาผิดสี ผิดเบอร์ ก็เลือกแค่พรรคก้าวไกล เห็นโลโก้พรรค เห็นชื่อพรรคก็พอ และจำแค่เลขของ ส.ส.เขต”
นั่นทำให้ท่าถ่ายรูปของพรรคก้าวไกลจึงกลายเป็นการทำท่าของโลโก้พรรคแทน นั่นคือรูปสามเหลี่ยมหัวกลับ ด้วยท่าของการแบมือทั้งสองมือ กางมือออกแล้วนำนิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาชนกัน เรียกให้ง่ายกว่านั้นคือการทำท่าประกอบเพลง ‘จันทร์เจ้า’ ของ ‘Slot Machine’ แบบกลับหัวเท่านั้นเอง
ถือว่าเป็นการแก้เกมเรื่องการจดจำตัวเลขได้เป็นอย่างดี เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้ทุกพรรคต้องสร้างการจดจำให้กับตัวเลข นั่นคือการทำให้คนกาตัวเลขในบัตรเลือกตั้งให้ถูกต้องมากที่สุด เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายครั้งที่ ‘บัตรเลือกตั้ง’ หรือวิธีการเลือกตั้งในไทยสร้างความสับสนเรื่องตัวเลขกับผู้ลงสมัครเลือกตั้งอยู่เสมอ
ซ้ำร้ายไปกว่านั้นการกาหมายเลขให้กับพรรค หรือผู้ลงสมัครเลือกตั้งผิดพลาด ก็อาจจะหมายถถึงการลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองอื่นที่เราไม่ต้องการกา หรือพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามกับที่เราต้องการลงคะแนนให้ก็ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เราในฐานะประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจดจำหมายเลข หรือโลโก้ของคนที่เราต้องการ ‘เลือก’ ให้ได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นอีกครั้งที่การเมืองไทยกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และการเมืองใหม่ที่ดีขึ้นก็อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าเรา ‘เลือก’ ถูกคน
