The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / ส่อง “ฟอนต์ประจำชาติ” ทั่วโลก ว่าแนวคิด, ที่มา และจุดเด่นสะท้อนความเป็นชาติคืออะไร
Editor

ส่อง “ฟอนต์ประจำชาติ” ทั่วโลก ว่าแนวคิด, ที่มา และจุดเด่นสะท้อนความเป็นชาติคืออะไร

ระวี ตะวันธรงค์
Last updated: 20 มิ.ย. 2023 12:03
ระวี ตะวันธรงค์
Share
SHARE

ตั้งแต่เด็กจนโต เชื่อเหลือเกินว่าเราทุกคนล้วนพบเห็นตัวอักษรกลม ๆ มน ๆ ที่ชื่อ ‘TH Sarabun PSK’ มาจนชินตา ในฐานะที่มันเป็นฟอนต์มาตรฐานราชการไทย ที่หมายความกลาย ๆ ได้ว่าเป็นฟอนต์ประจำชาติของเราอยู่ในตอนนี้ และนับเป็นเวลากว่า 13 ปีแล้วจากวันประกาศใช้วันแรกเมื่อ พ.ศ. 2553 ที่ประเทศไทยเรามีฟอนต์ประจำชาติตัวนี้ประจำการอยู่

เพราะฟอนต์คือน้ำเสียงที่ทำให้ข้อความมีความหมายและพลัง เราเลยอยากพาคุณไปลองมอง ‘ฟอนต์ประจำชาติ’ ของชาติอื่น ๆ บนโลกนี้กันว่าพวกเขาใช้ฟอนต์อะไรกัน มีที่มาอย่างไร และเมื่อเทียบเคียงกับประเทศไทยแล้ว การคัดเลือกฟอนต์เหล่านั้นมาใช้ สะท้อนแนวคิดโดยรวมอะไรให้กับประเทศนั้น ๆ บ้าง

‘Sweden Sans’ – ฟอนต์ประจำชาติ ‘สวีเดน’

เคยได้ยินคำจำพวก ‘สยามเมืองยิ้ม’ ‘ไทยแลนด์โอนลี่’ กันบ้างหรือเปล่า คำเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในคำจำกัดความของประเทศไทยได้แบบเฉียบคม และเรียบง่าย ประเทศสวีเดนก็เหมือนกัน พวกเขามีคำจำกัดความประเทศของเขาว่า ‘Lagom’

‘Lagom’ (อ่านว่า ลาว-กอม) หมายความว่า “ไม่มาก และไม่น้อยเกินไป อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม” ในสวีเดนนั้นคำนี้จัดอยู่ในจำพวกคำสอนเชิงปรัชญาเลยก็ว่าได้ เป็นคำที่สื่อถึงความสมดุลในทุกด้าน และช่วยให้ชีวิตประจำวันของผู้คนในสวีเดนนั้นกลับมาอยู่ในทางที่เหมาะที่ควรมากขึ้น คล้ายคลึงกับคำว่า ‘ทางสายกลาง’ อย่างไรอย่างนั้น

จึงเกิดเป็นแนวคิดของการสร้างสรรค์ฟอนต์ประจำชาติสวีเดนเมื่อ ค.ศ. 2013 ผ่านไอเดียความ “ไม่มาก และไม่น้อยเกินไป อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม” โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้องค์กรของสวีเดนสื่อสารระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลสวีเดนจึงได้ว่าจ้างดีไซน์เอเจนซี่มือหนึ่งในสต็อกโฮล์มอย่าง ‘Söderhavet’ เพื่อให้มารับหน้าที่ในการแปลงคำว่า ‘Lagom’ ให้กลายเป็นฟอนต์ประจำชาติของพวกเขา

‘Jesper Robinell’ หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Söderhavet ให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ถึงไอเดียหลักในการออกแบบว่ามีจุดเริ่มต้นมาจากการสังเกตธงชาติที่มีเครื่องหมายกากบาทสแกนดิเนเวียสีเหลืองตัดกับพื้นหลังสีน้ำเงิน จากนั้นจึงต่อยอดไอเดียว่ามันจะกลายมาเป็นตัวอักษรต่าง ๆ ได้อย่างไร

เขาจึงเริ่มสร้าง Moodboard เพื่อคลุมไอเดียที่ฟุ้งกระจายให้อยู่ในกรอบ โดยมีรูปภาพต่าง ๆ และตัวอย่างฟอนต์ภาษาสวีเดนบนป้ายบอกทางเก่าในยุค ค.ศ. 1940 – ค.ศ. 1950 เป็นสารตั้งต้น

จากนั้นเขาจึงเริ่มต้นสร้างชุดตัวอักษรที่เน้นความเรขาคณิตให้มากที่สุด เพื่อให้ฟอนต์มีความเป็นรูปแบบ Sans Serif โดยผสมผสานความไม่มาก-ไม่น้อยไปในตัวอักษรบางตัว อย่างเช่นตัว ‘Q’ ที่ในฟอนต์ทั่วไป หางตัวอักษร Q จะถูกห้อยไว้และเอียงไปทางด้านขวา แต่ใน Sweden Sans ไม่ใช่แบบนั้น เพราะมันห้อยดิ่งลงมาตรงกลางแทน หรืออย่างตัวเลข ‘0’ ก็มีการใส่ขีดคั่นลงไปตรงกลาง เพื่อไม่ให้เกิดการสร้างความสับสนกับตัว ‘O’ (โอ)

ตัวอย่างฟอนต์ ‘Sweden Sans’ น้ำหนักปกติ ( Regular) – ภาพจาก macrhino

ผลจึงได้ออกมาเป็นฟอนต์ ‘Sweden Sans’ ฟอนต์ประจำชาติสวีเดนที่มาพร้อมกับ 4 น้ำหนัก คือ กึ่งบาง (Book), ปกติ (Regular), กึ่งหนา (Semibold) และหนา (Bold) โดยมีลักษณะของตัวอักษรแบบเรียบง่าย ความหนาของเส้นสม่ำเสมอทั่วทุกตัวอักษร เหมือนกับเส้นกากบาทบนธงชาติที่ตั้งต้นไว้ในไอเดียแรก

ตัวอย่าง Brand guildlines ขององค์กรรัฐประเทศสวีเดน – ภาพจาก identity.sweden.se

มากไปกว่านั้น ดีไซน์เอเจนซี่ ‘Söderhavet’ ยังออกแบบทั้งหมดให้อยู่ใน Brand guildlines หรือเป็นระบบอัตลักษณ์ที่ชัดเจนประจำชาติไปเลย มีมาทั้งโลโก้องค์กรรัฐ ขอบเขตการใช้งาน ค่าสีหลัก-สีรอง ฟอนต์หลัก-รอง จนไปถึงขอบเขตของงานกราฟิก งานภาพประกอบ และงานวิดีโอเคลื่อนไหวเลยทีเดียว

จุดเด่นนี้สะท้อนความเป็นสวีเดนได้เป็นอย่างดี เพราะในแง่หนึ่ง World Economic Forum เคยกล่าวถึงประเทศสวีเดนไว้เมื่อช่วงต้น ค.ศ. 2017 ว่าเป็นประเทศที่เอาชนะประเทศอื่นแทบทุกอย่าง

ทั้งเคยเป็นอันดับที่ 6 ของดัชนีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก (Global Competitivenes Index) ติดอันดับที่ 4 ของการจัดอันดับประเทศที่มีปัญหาคอร์รัปชั่นต่ำที่สุดในโลก เคยเป็นอันดับที่ 1 ของการจัดอันดับประเทศที่เหมาะแก่การทำธุรกิจมากที่สุด จากที่ใน ค.ศ. 2007 สวีเดนเคยอยู่ในอันดับที่ 17 และที่สำคัญสวีเดนเป็นประเทศที่จัดการเรื่องความเท่าเทียมทางเพศได้ดีติดอันดับโลก

แนวคิดทันสมัยที่มาก่อนกาลหลาย ๆ อย่าง ล้วนทำให้ประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่น่าอยู่ขึ้นเรื่อย ๆ

วิธีการคิด Brand Guidelines ของประเทศอันนี้ก็เช่นกัน พวกเขาไม่ได้มองประเทศเป็นเพียงประเทศ แต่เป็นองค์กรที่ควรปรับภาพลักษณ์ให้มีมาตรฐานชัดเจนในแง่ของการสร้างอัตลักษณ์ รวมถึงแนวคิดที่มาก่อนกาลตั้งแต่ ค.ศ. 2013 ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานของการสร้างอัตลักษณ์ให้องค์กรรัฐในประเทศอื่น ๆ ในอีกหลายปีต่อมาด้วยเช่นเดียวกัน

‘Bharat’ – ฟอนต์ประจำชาติ ‘อินเดีย’

เนื่องด้วยทุกวันที่ 15 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันครบรอบวาระที่ประเทศอินเดียเป็นเอกราชจากอังกฤษเมื่อ ค.ศ. 1947 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ที่อินเดียเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เนื่องในวันครบรอบ 75 ปี ผ่านมหกรรมรื่นเริงทั่วประเทศอินเดีย

และการแสดงวิสัยทัศน์แสนยิ่งใหญ่ของ ‘นเรนทระ โมที’ นายกรัฐมนตรีที่วางเป้าหมายอีก 25 ปีข้างหน้า ใน ค.ศ. 2047 ว่าประเทศอินเดียจะต้องเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วให้ได้

จึงทำให้วันแห่งการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่นี้ เหมาะเหลือเกินที่พวกเขาจะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ผ่านแคมเปญออกแบบ ‘ฟอนต์ประจำชาติ’ ของอินเดียเนื่องในวันครบรอบ 75 ปีแห่งเอกราชของอินเดีย

โดยโปรเจกต์นี้ได้บริษัทเอเจนซี่ดิจิทัล ‘Everest’ ในเครือเอเจนซี่โฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียอย่าง ‘Rediffusion’ เป็นผู้รับหน้าที่ออกแบบฟอนต์ประจำชาติ ผ่านความต้องการนำเสนอ ‘เนื้อแท้’ ของความแตกต่างหลากหลายในอินเดียให้กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ผ่านชุดตัวอักษร

ไอเดียหลักจึงตั้งต้นด้วยการนำเอาชุดตัวอักษรภาษาต่าง ๆ ในอินเดียทั้งหมดเป็นสารตั้งต้น เพื่อหาตัวอักษรที่พอจะดัดแปลง ตัดทอน หรือแต่งเติมรูปร่างให้มีหน้าตาคล้ายกับอักขระภาษาอังกฤษได้ เพื่อทำให้ฟอนต์นี้ไม่เหมือนใคร นำเสนอรากฐาน และแสดงออกถึงความเป็นอินเดียให้ได้ชัด ๆ รวมถึงต้องง่ายต่อการจดจำ และนำเสนอเนื้อแท้ของภาษาอินเดียที่มีมากมายเสียเหลือเกิน ให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ แน่นอนว่ายากไม่ใช่เล่น

พวกเขาใช้นักออกแบบมาร่วมสร้างสรรค์โปรเจกต์นี้ถึง 5 คน ได้แก่ Virendra Tivrekar, Ajit Rakhade, Rohan Parab, Arif Khan และ Akash Sharma ภายในระยะเวลากว่า 6 เดือน พวกเขาลองผิดลองถูกกับหลากหลายภาษา จนกลั่นออกมาได้เป็นฟอนต์ ‘Bharat’ ที่ลดทอนคำมาจากคำว่า ‘Bharatvarsha’ ที่หมายถึง ‘อินเดีย’ ในภาษาฮินดี

ตัวอย่างฟอนต์ ‘Bharat’ ในการใช้งานจริง – ภาพจาก Rediffusion

ฟอนต์นี้มีเอกลักษณ์สำคัญคือเป็นฟอนต์ที่เกิดจากการรวบรวมองค์ประกอบที่โดดเด่นของตัวอักษร 12 ภาษาในอินเดียเข้าไว้ด้วยกัน เช่น Odia, Tamil, Telugu, Devnagari, Gurmukhi และ Kannada เป็นต้น

อีกหนึ่งกิมมิกสำคัญของฟอนต์ Bharat คือการอนุรักษ์ภาษาดั้งเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งการออกแบบของตัวอักษรทั้งหมดที่คำนึงถึงรูปแบบการออกเสียงในภาษาแม่ของอินเดีย หรืออย่างการออกแบบตัวอักษร ‘Q’ ที่เป็นการรวมกันอย่างละครึ่งของพยัญชนะ ‘ka’ และ ‘va’ ในภาษาฮินดี

หากแต่จุดสำคัญที่กลายเป็นข้อบกพร่องใหญ่ของฟอนต์นี้คือ มันมีลีลาที่เยอะเกินไป ซึ่งยากต่อการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ฟอนต์ประจำชาติโดยทั่วไปที่ควรจะเป็นนั้นควรออกแบบมาด้วยลักษณะของตัวอักษรที่อ่านง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้ได้ดีไม่ว่าจะขยายใหญ่ หรือย่อให้เล็กก็ยังอ่านออก

แต่ฟอนต์นี้ไม่ใช่แบบนั้น นั่นจึงทำให้ฟอนต์ ‘Bharat’ นี้ไม่ได้ถูกใช้งานแพร่หลายมากนักในความเป็นจริง หากแต่มันก็ยังคงทำหน้าที่ฟอนต์ประจำชาติในแง่ของผลงานศิลปะที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญไว้ได้เป็นอย่างดี

ในมุมมองของผู้เขียน เรามักเห็นความ ‘เยอะแยะมากมาย’ ของประเทศอินเดียมานับไม่ถ้วน ตั้งแต่อุตสาหกรรมบันเทิง เพลง ละครน้ำเน่า หรือภาพยนตร์ที่มีความฉูดฉาดในแง่ของเนื้อหา และเต็มไปด้วยลีลาการนำเสนอที่เข้มข้นทุกรูปแบบ ซึ่งในทางหนึ่งมันก็ถือเป็นลายเซ็นที่สำคัญของชาติอินเดียในสายตาคนทั่วไป

แต่เมื่อความเยอะดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการออกแบบฟอนต์ประจำชาติ กลับไม่ได้ให้ผลดีแบบนั้นสักเท่าไหร่ ถึงแม้ไอเดียจะดี และผสมผสานความเป็นชาติเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน แต่เมื่อมาตรองดูกันที่ผลลัพธ์แล้วนั้น ฟอนต์นี้เอาไปใช้งานได้ยาก ด้วยความเฉพาะตัว ประกอบกับการพยายามยัดทุกอย่างลงไปยิ่งทำให้มันดูเหลี่ยมคมไปหน่อย

หากลดลีลาลงสักนิด เพิ่มความเป็นมาตรฐานลงไปอีกหน่อย ฟอนต์นี้น่าจะได้ชื่อว่าเป็นฟอนต์ประจำชาติอินเดีย ได้อย่างสมบูรณ์แบบกว่านี้เป็นแน่

‘Rijksoverheid Sans & Serif’ – ฟอนต์ประจำชาติ ‘เนเธอร์แลนด์’

จากปัญหาด้านอัตลักษณ์ของหน่วยงานรัฐที่สะเปะสะปะ กระทรวงทั้ง 13 กระทรวง รวมถึงองค์กรของภาครัฐกว่า 175 องค์กร ต่างมีการใช้งานอัตลักษณ์เป็นของตัวเองกันทั้งสิ้น จนทำให้เมื่อถอยมามองภาพรวม มันไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย

จึงเกิดโปรเจกต์ ‘Project 1 Logo’ ที่ต้องการสร้างระบบอัตลักษณ์องค์กรภาครัฐโดยรวมของเนเธอร์แลนด์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หน่วยงานรัฐของเนเธอร์แลนด์ได้ว่าจ้าง ‘Studio Dumbar’ เพื่อดูแลโปรเจกต์นี้ใน ค.ศ. 2008 พวกเขาใช้เวลากว่า 2 ปี ระบบอัตลักษณ์ทั้งหมดจึงพร้อมใช้งาน ประกอบไปด้วยโลโก้หลักของหน่วยงาน ระบบสีหลัก-สีรอง และ ‘ฟอนต์ประจำชาติ’ ของพวกเขา

ตัวอย่างฟอนต์ ‘Rijksoverheid Sans & Serif’ – ภาพจาก /designworkplan

ซึ่งออกแบบไว้ถึง 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ ‘Rijksoverheid Sans’ ฟอนต์ Sans Serif ที่ถูกวางหน้าที่ไว้ให้เป็นตัวหัวเรื่อง หรือตัวพาดหัว รวมถึงใช้เป็นฟอนต์บนระบบป้ายบอกทางทั่วทั้งเมือง และ ‘Rijksoverheid Serif’ ฟอนต์ Serif ที่ถูกวางไว้ให้เป็นตัวเนื้อความ และตัวอักษรที่ใช้สำหรับการออกแบบโลโก้ทั้งระบบ

โดยมี ‘Peter Verheul’ นักออกแบบตัวอักษรชาวดัตช์เป็นผู้ออกแบบ โดยเขาถูกขอให้เลือกใช้ฟอนต์ ‘Versa’ ฟอนต์ที่เขาออกแบบเมื่อ ค.ศ. 2004 เพื่อเป็นสารตั้งต้นในการพัฒนาฟอนต์ประจำชาติเนเธอร์แลนด์ตัวนี้ขึ้น โดยเหตุผลที่เลือกใช้ฟอนต์นี้ มาจากการเป็นตัวอักษรทรงแคบที่อ่านง่าย เหมาะแก่การพิมพ์บนกระดาษ เพื่อประหยัดพื้นที่ในแต่ละบรรทัด ซึ่งจะนำมาในเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่ายในสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ภายหลัง

จุดเด่นที่สำคัญของฟอนต์นี้ คือการที่ชาวดัตช์ยอมรื้อระบบเก่าที่ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทิ้ง เพื่อหาจุดร่วมที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะเป็นตามยุคสมัยที่แปรผันไป ซึ่งถึงแม้ตัวฟอนต์ดั้งเดิมที่ถูกเลือกจะเป็นฟอนต์ทั่วไปมาก่อน แต่ฟอนต์ตัวนี้ก็ถูกพัฒนา สร้างสรรค์เพิ่มเติม และปรับปรุงแก้ไขนานถึง 2 ปี เพื่อทำให้ฟอนต์ประจำชาติทั้งสองชุดนี้ทำงานได้ดีที่สุดในแง่ของการสร้างตัวตนขององค์กรรัฐเนเธอร์แลนด์ในครั้งนี้

‘TH Sarabun PSK’ – ฟอนต์ประจำชาติ ‘ไทย’

แรกเริ่มเดิมทีหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานเอกชนของไทย หรือผู้ใช้งานทั่วไปในยุคสมัยเมื่อเกือบ 20-25 ปีก่อน มักใช้ฟอนต์ในการจัดพิมพ์จากหลากหลายที่ทาง ที่ทั้งถูกลิขสิทธิ์ และผิดลิขสิทธิ์ ด้วยยุคสมัยของสังคมไทยที่ยังมีความเข้าใจอย่างตื้นเขินเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

จนกระทั่งสังคมมีวิวัฒนาการ ผู้คนเริ่มเข้าใจความสำคัญเรื่องลิขสิทธิ์กันมากขึ้น เชื่อว่าหนึ่งปัจจัยสำคัญเลยคือการกวาดล้างโปรแกรมเถื่อน หรือสินค้าผิดลิขสิทธิ์ในสมัยนั้น ที่หากจำกันได้ในยุคเทปผีซีดีเถื่อน ของที่ถูกกวาดล้างก็นำมาโปรยบนพื้นแล้วขับรถบนถนนทับอย่างไม่เหลือชิ้นดี

โปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็เช่นเดียวกัน ในยุคนั้นก็มีการกวาดล้างกันเยอะ อย่างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ฟอนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวงการของเถื่อนที่ถูกเชือดไก่ให้ลิงดูหลายครั้ง โดนจับกันครั้งหนึ่งก็เสียหายหลายแสน จนทำให้คนวงการร้านทำป้ายอิงค์เจ็ตหาฟอนต์ดี ๆ ใช้ไม่ได้ และต้องเรียนรู้การออกแบบตัวอักษรกันเอง จนเกิดเป็นวงการ ‘ฟอนต์ซิ่ง’ อย่างในปัจจุบัน

หน่วยงานรัฐ และเอกชนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ประการหนึ่งคือเรื่องของระบบที่รองรับฟอนต์รูปแบบเก่าได้หายไป จากพัฒนาการของระบบปฏิบัติการ ทำให้ฟอนต์ไทยรูปแบบเดิมที่เคยใช้ได้ไม่รองรับอีกต่อไป ต้องหาทางเร่งผลิตฟอนต์ใหม่ ๆ เพิ่มในตลาด และประการที่สองคือเรื่องลิขสิทธิ์ของฟอนต์ เพราะฟอนต์ที่พวกเขาใช้ก็จำเป็นต้องซื้อลิขสิทธิ์จากที่อื่น ทำให้เงินรั่วไหลออกไปต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่ได้การ คนในชาติต้องทำกันเอง

จึงเกิดเป็นโครงการจำพวก ‘ฟอนต์เพื่อชาติ’ และ ‘ฟอนต์แห่งชาติ’ ที่เป็นโครงการประกวดออกแบบฟอนต์ไทยมาตรฐาน หรือเรียกให้ง่ายกว่านั้นว่า ‘ฟอนต์มีหัว’ เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ให้ทุกคนบนโลกสามารถใช้ได้ฟรี ไม่เสียสตางค์แม้แต่แดงเดียว

โดยการจัดประกวดออกแบบฟอนต์ดังกล่าว มีโจทย์ง่าย ๆ นั่นคือการให้ผู้เข้าประกวด ออกแบบฟอนต์มาตรฐาน (ฟอนต์มีหัว) ที่เหมาะสำหรับการเป็นตัวเนื้อความ ซึ่งผู้ออกแบบต้องคำนวณขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน และส่งมาเพื่อการคัดเลือก ใครที่เป็นผู้ชนะ ฟอนต์ของท่านก็จะได้ถูกเผยแพร่ให้เป็นที่ประจักษ์

‘ศุภกิจ เฉลิมลาภ’ นักออกแบบตัวอักษรก็เป็นคนหนึ่งที่สนใจการประกวดทั้งสองครั้ง โดยครั้งแรกเขาออกแบบฟอนต์ที่ชื่อ ‘PSK Smart’ เพื่อส่งประกวดในโครงการ ‘ฟอนต์เพื่อชาติ’ เมื่อ พ.ศ. 2545 – 2546 จัดโดยชมรมการจัดพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ไทย (Thai Electronics Publishing Club: TEPCLUB) และได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ผู้ชนะการประกวดในครั้งนั้น

ตัวอย่างฟอนต์ทั้งหมดของ ‘ฟอนต์เพื่อชาติ’ โดยฟอนต์ ‘PSK Smart’ คือฟอนต์ลำดับที่ 9 – ภาพจาก Lanna Innovation

จนถึงโครงการ ‘ฟอนต์แห่งชาติ’ เมื่อ พ.ศ. 2549 – 2550 จัดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เขาก็เข้าร่วมประกวดอีกครั้งด้วยฟอนต์ ‘TH Sarabun PSK’ ฟอนต์มีหัวทรงกึ่งแคบ ที่คิดมาเพื่อให้สามารถพิมพ์ตัวอักษรในบรรทัดเดียวกันได้เยอะ ซึ่งด้วยความแคบนี้เอง ทำให้เขาเลือกออกแบบเส้นด้านบน และด้านล่างของฟอนต์ให้มีลักษณะโค้งมน เพื่อเพิ่มความโปร่ง สบายตาในการอ่าน

ตัวอย่างฟอนต์ ‘TH Sarabun PSK’ – ภาพจาก f0nt.com

ผลสุดท้ายฟอนต์ตัวนี้ก็เป็น 1 ใน 13 ฟอนต์แห่งชาติในปีนั้นไป ร่วมกับฟอนต์ดัง ๆ ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาหลายตัวอย่าง ‘TH Mali Grade 6’ หรือ ‘TH Chakra Petch’ โดยทั้งหมดถูกเผยแพร่ให้ใช้ทั่วไปเมื่อ พ.ศ. 2550

ก่อนที่รัฐบาลของ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ จะเลือกฟอนต์นี้เพื่อใช้เป็น ‘ฟอนต์ประจำชาติ’ ของไทยในอีก 3 ปีให้หลัง ผ่านการประกาศใช้อย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา โดยเหตุผลที่ต้องมีก็เนื่องมาจากเรื่องของมาตรฐานที่ไม่เคยมีอยู่ ผ่านการใช้ฟอนต์จำพวก Angsana New, Browallia New หรือ Cordia New วน ๆ กันไปในหน่วยงานรัฐอย่างไม่มีระบบระเบียบ อีกทั้งฟอนต์เหล่านี้ยังเป็นของเอกชนซึ่งมีลิขสิทธิ์ครอบคลุมอยู่ จู่ ๆ วันหนึ่งอาจเกิดปัญหาเรื่องการฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ก็เป็นไปได้

นั่นจึงทำให้ฟอนต์สารบรรณ (TH Sarabun PSK) ถูกใช้เป็นฟอนต์ประจำชาติไทยเรานับแต่นั้นมา

หากเทียบเคียงกับต้นคิดของ ‘ฟอนต์ประจำชาติ’ แต่ละประเทศที่หยิบยกมาในหัวข้อก่อนหน้า เราจะเห็นว่าพวกเขาเริ่มต้นอย่างมีระบบ คิดมาตั้งแต่ต้น เพื่อทำให้ผลลัพธ์เหมาะสมที่สุดสำหรับการเป็นค่ามาตรฐานขององค์กรที่เรียกว่า ‘ประเทศ’

แต่ไทยเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น

บ่อยครั้งในปัจจุบันที่เรามักเห็นการจัดประกวดออกแบบนั่น ออกแบบนี่ เพื่อชิงรางวัลอยู่เสมอ ซึ่งรางวัลก็เล็กใหญ่ไปตามความสำคัญที่องค์กรมองเห็น แต่สิ่งที่องค์กรมองไม่เห็นยิ่งกว่าคือการที่พวกเขาจำเป็นที่จะต้องว่าจ้างผู้สร้างสรรค์ที่เข้าใจในแนวคิดของ ‘องค์กร’ มากเพียงพอ ไม่ว่าองค์กรนั้นจะนิยามตัวเองเล็ก หรือใหญ่ระดับประเทศ ก็ล้วนแต่ต้องแปลงอัตลักษณ์นามธรรมทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อให้กลายเป็นรูปธรรมทั้งในแง่ของโลโก้ สี ภาพลักษณ์ งานภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว หรือแม้แต่ฟอนต์ให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นคงในทางที่ง่ายที่สุด และสานต่อเป็นตัวตนที่ยั่งยืนขององค์กรต่อไป

ซึ่งไม่ใช่การจัดประกวดออกแบบพร่ำเพรื่อ เพียงเพื่อจะให้ตัวเองมีตัวเลือกเยอะ ๆ แล้วค่อยหยิบตัวเลือกที่ดีที่สุดมาใช้แทน

เพราะอย่าลืมว่าหนทางที่ง่ายที่สุด คงจะไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุดเสมอไป

ขอบคุณข้อมูลจาก : technogym / theguardian / gizmodo / weforum / thaipublica / news18 / adgully / designworkplan / wikipedia / youtube / f0nt

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:BharatBrand guildlinesFontRijksoverheid Sans & SerifSweden SansTH Chakra PetchTH Mali Grade 6TH Sarabun PSKThe Modernistฟอนต์ฟอนต์ประจำชาติศุภกิจ เฉลิมลาภ
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article ผลการศึกษาชี้ “ชุดนักเรียน” ทำให้เด็กสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศมากขึ้น
Next Article รู้จักตัวตน “แก้ม กุลกรณ์พัชร์” จากคนรักการร้องเพลง สู่การเป็นนักแสดงละครเวทีมืออาชีพ
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

Editor

จากความเจ็บปวดสู่พลังสีรุ้งของ “ต้น – ศิริศักดิ์ ไชยเทศ”

By ระวี ตะวันธรงค์
Editor

เต้-จักรพันธ์ ศรีวิชัย ผู้กำกับหนังสั้นรุ่นใหม่ที่ไปถึงสวิสเซอร์แลนด์ด้วยหนังสยองขวัญ

By ระวี ตะวันธรงค์
Editor

“Arnold” ชีวิตที่ไม่ธรรมดาของ “Arnold Schwarzenegger”

By ระวี ตะวันธรงค์
BUSINESS

เปิดคัมภีร์การค้าพันปี ‘Kongo Gumi’ ธุรกิจเก่าแก่ที่สุดของโลก

By ระวี ตะวันธรงค์
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.