The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / Editor / รู้จัก “พังก์” แฟชั่นสะท้อนความเหลื่อมล้ำและทลายกรอบสังคมของอังกฤษ
Editor

รู้จัก “พังก์” แฟชั่นสะท้อนความเหลื่อมล้ำและทลายกรอบสังคมของอังกฤษ

adisak.mha
Last updated: 21 ก.ค. 2023 17:14
adisak.mha
Share
SHARE

หากจะกล่าวถึงความเป็นผู้นำด้านศิลปวิทยาการ อังกฤษถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มาพร้อมกับคุณสมบัตินี้ โดยเฉพาะโดยเฉพาะยุคหลังปฎิวัติอุตสาหกรรม ที่เป็นยุคที่อังกฤษมีสภาพเศรษฐกิจเฟื่องฟูมากที่สุดยุคหนึ่ง ทว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศอาณานิคมของอังกฤษอย่างอินเดียกับปากีสถานได้แยกตัวออกจากกัน รวมทั้งการประกาศเอกราชของปาเลสไตน์ ที่แยกตนเป็นอิสระจากอิสราเอล ก็ส่งผลให้ประเทศอังกฤษอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี 

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริหารงานของพรรคอนุรักษ์นิยม โดยมีพรรคแรงงานเป็นฝ่ายค้าน ส่งผลให้มีการต่อสู้ระหว่างนายทุนและชนชั้นแรงงานอยู่บ่อยครั้ง การแปรรูปธุรกิจรัฐอย่างไฟฟ้าและประปาเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ แม้จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตมาก แต่ขณะเดียวกันครอบครัวชาวอังกฤษจำนวนมากล่มสลาย เพราะคนระดับล่างตกงานและไม่ได้รับการศึกษา จึงทำให้เกิดการประท้วงอยู่เป็นจำนวนมาก  

ช่วงปลายยุค 60s ที่มีวัฒนธรรมฮิปปี้เข้ามา ผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับชนชั้นสูงรวมไปถึงการที่รัฐบาลอังกฤษมองข้ามชนชั้นล่าง นำไปสู่แนวคิดปฎิวัติเพื่อต่อต้านความเชื่อ การเมือง รวมไปถึงจริยธรรมต่างๆ ผ่านทั้งดนตรีและการแต่งกายที่ไม่แคร์โลก จนกลายเป็น Sub-culture ที่มีแนวคล้ายคลึงกับการาจ ร็อค (Garage Rock) วัฒนธรรมย่อยนี้พัฒนาต่อมาในยุค 70s และกลายเป็นวัฒนธรรมพังก์ในที่สุด

“พังก์” (Punk) มีความหมายตรงตัวว่า เน่า ผุพัง และไร้ค่า ส่วนวัฒนธรรมพังก์นั้นเป็นการแสดงออกถึงความรุนแรง ขบถ  และอิสระเหนือกฎเกณฑ์ โดยมีจุดเริ่มต้นของการเรียกร้องของชนชั้นล่างในอังกฤษ ดังนั้นหัวใจหลักของพังก์ จึงเป็นการสื่อสารเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง เสียดสีสังคม ต่อต้านทุนนิยม และการตั้งคำถามกับเรื่องที่ไม่กล้าถามและประเด็นที่ละเอียดอ่อน โดยแสดงออกผ่านการแต่งกายที่หลุดกรอบของสังคม อย่างแจ็กเก็ตหนัง โซ่เงิน รองเท้าบู๊ต ทรงผมสีฉูดฉาด และดนตรีที่เกรี้ยวกราด ที่มีเนื้อหาแสดงถึงความขบถและท้าทายศีลธรรม

 สำหรับวงการแฟชั่น วัฒนธรรมพังก์ได้ให้กำเนิดไอคอนด้านแฟชั่นชื่อดังหลายคน ได้แก่

Vivienne Westwood นักออกแบบชาวอังกฤษ ที่เกิดและเติบโตในครอบครัวฐานะปานกลางและชนชั้นแรงงาน เธอมีชื่อเสียงจากการออกแบบชุดที่มีไอเดียนอกกรอบ ไร้กฎเกณฑ์ ล้างภาพจำเดิมๆ แม้แต่แพทเทิร์นชุดก็สามารถสร้างฟอร์มใหม่ๆ อย่างปกเสื้อสูทที่ไม่เท่ากัน เสื้อคอร์เซ็ทที่ถูกปรับเปลี่ยนให้ใส่ง่ายแต่ยังคงความหรูหราไว้ หรือกระดุมศิวลึงค์ที่ท้าทายศีลธรรม จนเกิดการเคลื่อนไหวในด้านของชนชั้นแรงงานที่ขบถต่อชนชั้นผู้ดี เพราะเพียงแค่อยากออกจากกรอบเดิมๆ 

Malcolm McLaren เป็นศิลปินและนักร้องนำวง Sex Pistols  เจ้าของผลงานเพลงในตำนานอย่าง  God Save the Queen ที่มีสไตล์เพลงเป็นเอกลักษณ์และเนื้อหาตรงไปตรงมา โดยในปี 1977 ที่เพลงนี้เปิดตัวเป็นครั้งแรก ก็เกิดเหตุจลาจลขึ้น เนื่องจากเพลงนี้มีเนื้อหาที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์อย่างรุนแรง  นอกจากนี้ McLaren ยังก่อตั้งร้าน SEX ร้านเสื้อผ้าสไตล์เฟติช รวมทั้งยังได้ Vivienne Westwood มาเป็นสไตล์ลิสต์ของวง  Sex Pistols จึงมีสไตล์การแต่งตัวที่แหวกแนว อย่างเสื้อยืดขาดๆ หรือเสื้อยืดสกรีนลายสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบทที่ 2 

Alexander McQueen นักออกแบบแฟชั่นที่มีความคิดสร้างสรรค์ไร้กรอบและขีดจำกัด สะท้อนความแสบซน ไม่เหมือนใคร  เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าเคยเย็บซับในสูทให้แก่สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 และมีกางเกง Bumper ที่โชว์แก้มก้น หรือ เสื้อผ้าฉีกขาด และสีแดงให้ดูเหมือนเลือด รวมทั้งผ้าพันคอลายกะโหลก ที่คนไทยนิยมใส่กันช่วงหนึ่ง 

ศิลปินทั้งสามคนนี้แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่อยู่ใต้พรมที่ชนชั้นสูงมองข้ามชนชั้นล่างมาโดยตลอด โดยเฉพาะทัศนคติการทำงานที่ยอมจำนนของผู้คนยุคก่อนหน้านี้ จนกระทั่งแรงกดดันในสังคมกับเศรษฐกิจที่ไม่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วง 70sส่งผลให้ชาวอังกฤษกล้าที่จะตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว และกล้าที่จะแตกต่างบนธรรมเนียมที่แสนเคร่งครัดในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่วัฒนธรรมพังก์ก้าวเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้นจากคอลเลคชั่นเสื้อผ้า Fall /Winter ปี 1981 Vivienne และ Malcolm ได้ออกแบบคอลเลคชั่น Pirate ที่ตีความให้ชุดโจรสลัดมีความสดใส ไม่น่าเบื่อ และนำลายสไตล์ร็อกโคโคมาผสมกับพังก์ซึ่งทำให้ผู้คนชื่นชอบเพราะ สามารถนำไปแมตช์ลุคได้หลากหลายแบบ และคงความหรูหราไว้ด้วย หรือ การทำชุดเจ้าสาวหลายเลเยอร์ให้แก่นักแสดงหลัก Carrie Bradshaw จากซีรีย์ Sex and the City 

ส่วนชุดสไตล์ชุดแบบ Alexander McQueen นั้นจะมีความคิดสร้างสรรค์และนอกคอก ในปี 1996 เครือ LVMH ได้จ้างให้ Alexander ทำคอลเลคชั่นให้แก่ Givenchy เนื่องจากเขาได้วิพากษ์คอลเลคชั่นกูรตูร์ว่า ‘ห่วยแตก’ แต่เป็นปีแรกที่เขาชนะรางวัลดีไซเนอร์ยอดเยี่ยมของเวที British Fashion Awards และทุกชุดที่นำมาประกวดจะมีการผสมผสานเทคโนโลยีลงไปด้วย อย่างผลงานที่ชื่อว่า Widows of Culloden ใน คอลเลคชั่น Fall/winter ปี 2006 ที่นำโฮโลแกรมฉายภาพของนางแบบ Kate Moss

จะเห็นได้ว่าแฟชั่นพังค์กลายเป็น Super Power และนำไปผสมกับแนวเพลงหรือสไตล์ชุดแบบต่างๆมากมาย เช่นศิลปินอย่าง AvrilLavigne ที่ปรับลุคเข้มขึ้นแต่เลือกสีชมพูมาตัดกับลุคแสบซนในแบบของเธอเอง หรือ Hayley williams  นักร้องนำวง Paramore  ก็ใช้สีผมจัดจ้านมาตัดกับสีดำ หรือ การแต่งตัวแบบ Unisex เข้ามาผสมด้วย 

หลังจากที่พังก์กลายเป็นกระแสหลัก หลายๆ คนอาจคิดว่าต้องมีลักษณะรุนแรง ดิบเถื่อนเพียงอย่างเดียว แต่พังก์นั้นกลับเป็นวัฒนธรรมและแฟชั่นเหนือกาลเวลา ทว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปจากวัฒนธรรมนี้เลยก็คือ การเรียกร้องและแหกกฎ อย่างกรณีที่ Vivienne Westwood  ใช้ชื่อเสียงของเธอในการเรียกร้องเรื่องแฟชั่นที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Fashion ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นโลกใบนี้

ทุกวันนี้คำว่าพังก์ ไม่ใช่แค่การแสดงตัวตนหรือแหกกฎแบบปัจเจกเท่านั้น แต่เป็นการเรียกร้องสิทธิให้แก่สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ และเปิดโลกให้แก่ผู้คนมากขึ้น โดยเริ่มจากตู้เสื้อผ้าของตนเอง

อ้างอิง : themomentum / gqthailand / bbc / parliament / prachatai

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:fashionPunkThe Modernistพังก์เมืองอังกฤษแฟชั่น
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article “ZOM 100” ถ้างานจะหนักขนาดนี้ ยอมถูกซอมบี้กินดีกว่า
Next Article กระแสหนัง “Barbie” คืนชีพตลาดนักสะสมตุ๊กตา
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

Editor

ทำความรู้จัก ‘TasteAtlas’ ผู้นิยามตัวเองว่าเป็น ‘สารานุกรมของรสชาติ’

By ระวี ตะวันธรงค์
Editor

#ดรามาจองตั๋วรถไฟฯ สะท้อนอะไรในการสื่อสารผ่าน infographic ของหน่วยงานภาครัฐบ้าง ?

By ระวี ตะวันธรงค์
Editor

BKK Rail แอปคำนวณเวลาเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ที่จะทำให้ “คมนาคมไร้รอยต่อ” ไม่ใช่แค่ฝัน

By ระวี ตะวันธรงค์
EditorINSIGHTPOLITICS

“อิ๊งค์” เตรียมลาออก “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย”

By Srawut
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.