“สวนดุสิตโพล” เรื่อง “การทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่าง 93.47% คิดว่าปัญหาการทุจริตในสังคมไทยปัจจุบันมีความรุนแรงมาก โดยกลุ่ตัวอย่าง 78.50% ไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบ
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “การทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,163 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคม 2568 สรุปผลได้ดังนี้
1. ประชาชนคิดว่าปัญหาการทุจริตในสังคมไทยปัจจุบันมีความรุนแรงเพียงใด
อันดับ 1 รุนแรงมาก 93.47%
อันดับ 2 ไม่ค่อยรุนแรง 6.53%
2. ประชาชนเชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในปัจจุบันหรือไม่
อันดับ 1 ไม่เชื่อมั่น 78.50%
อันดับ 2 เชื่อมั่น 21.50%
3. ประชาชนกังวลเรื่องการทุจริตในด้านใดมากที่สุด
อันดับ 1 งบประมาณภาครัฐ 86.93%
อันดับ 2 กิจการศาสนาและมูลนิธิ 69.48%
อันดับ 3 การบริหารท้องถิ่น/ชุมชน 61.65%
4. ประชาชนคิดว่ารัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตได้หรือไม่
อันดับ 1 ไม่สามารถแก้ไขได้ 68.96%
อันดับ 2 แก้ไขได้บ้าง 31.04%
5. ประชาชนคิดว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริตควรเน้นไปที่แนวทางใดมากที่สุด
อันดับ 1 ทุกหน่วยงานควรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส 69.91%
อันดับ 2 บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด 69.05%
อันดับ 3 ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ 63.20%
6. ความในใจที่ประชาชนอยากบอกเกี่ยวกับการทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้
อันดับ 1 การทุจริตมีอยู่ในทุกวงการทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรศาสนา จึงควรเร่งแก้ไข 43.38%
อันดับ 2 ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มีบทลงโทษที่เด็ดขาด ไม่เลือกปฏิบัติ 38.77%
อันดับ 3 การทุจริตเกิดจากระบบอุปถัมภ์ 33.85%

สรุปวิเคราะห์ผลโพล : การทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้
ผลโพลสะท้อนปัญหา “เงามืด” ที่ปกคลุมสังคมไทย
จากผลสำรวจข้างต้น นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างมองว่าปัญหาการทุจริตในสังคมไทยปัจจุบันมีความรุนแรงมาก ร้อยละ 93.47 และไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ร้อยละ 78.50 โดยกังวลการทุจริตด้านงประมาณภาครัฐมากที่สุด ร้อยละ86.93
มองว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ ร้อยละ 68.96 แนวทางในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต คือทุกหน่วยงานควรเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส ร้อยละ 69.91 ความในใจของประชาชนที่อยากบอกเกี่ยวกับการทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้ คือ การทุจริตมีอยู่ในทุกกวงการทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรศาสนา จึงควรเร่งแก้ไข ร้อยละ 43.38
ผลสำรวจสะท้อนว่าปัญหาการทุจริตยังคงเป็น “เงามืด” ที่ปกคลุมสังคมไทย ศาสนาซึ่งเคยเป็นที่พึ่งทางใจก็ยังไม่พ้นข้อครหาเรื่องการทุจริต ยิ่งเมื่อประชาชนต้องพบข่าวทุจริตทั้งเล็กและใหญ่แทบทุกวัน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าปัญหานี้รุนแรงและไร้ความเชื่อมั่นต่อการแก้ไข หากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ในที่สุดปัญหาการทุจริตอาจกลายเป็นแรงกดดันรุมเร้าจนสั่นคลอนรัฐบาลก็เป็นได้
ปัญหาเชิงโครงสร้างและความสิ้นหวังของประชาชน
อาจารย์ ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมืองมหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ให้เห็นสภาวะที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ประชาชนกว่า 93% มองว่าการทุจริตมีความรุนแรง และกว่า 78% ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิด ความกังวลใหญ่ที่สุดอยู่ที่การใช้งบประมาณภาครัฐ
แต่สิ่งที่สะท้อนความบอบช้ำของสังคมได้อย่างลึกซึ้งกว่านั้นคือ การที่ประชาชนถึง 69.48 % แสดงความกังวลต่อ “การทุจริตในแวดวงศาสนาและมูลนิธิ” อันเป็นสถาบันที่ควรเป็นแหล่งบ่มเพาะศีลธรรมและคุณธรรมของสังคม การที่สถาบันซึ่งควรเป็นหลักยืดเหนี่ยวทางจิตใจยังไม่อาจรอดพันจากข้อครหาการทุจริต ย่อมสะท้อนว่า “การทุจริตได้หยั่งรากลึกในทุกหย่อมหญ้า” ไม่มีพื้นที่ใดที่ปลอดภัยแม้แต่ในศาสนสถาน
ผลลัพธ์เช่นนี้มิใช่เพียงการรับรู้ปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่คือความสิ้นหวังที่ประชาชนเริ่มมีต่อทุกสถาบันของสังคม ไม่ว่าจะเป็นรัฐ การเมือง หรือแม้แต่ศาสนา เมื่อประชาชนหมดดศรัทธาต่อทั้งระบบการตรวจสอบและสถาบันที่ควรเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญาณ ย่อมทำให้ความเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง
คำเตือนสำคัญจากผลโพลครั้งนี้คือ หากสังคมไทยยังปล่อยให้วัฒนธรรมการทุจริตหยั่งรากลึก การสร้างนิตรัฐและความยุติธรรรมแท้จริงย่อมเป็นเพียงความฝันที่ห่างไกล

*หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)

