เทียบผลโพลก่อนและหลังโหวตเลือกนายกฯ ความนิยมของ “พรรคประชาชน” ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
หลังจากสถานการณ์หักเหลี่ยมเฉือนคมทางการเมืองอย่างดุเดือด เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เราลองมาเช็กอารมณ์ร่วมของคนในสังคมดูซิว่า ไปในทิศทางใด
ล่าสุด “สวนดุสิตโพล” ได้เผยผลสำรวจ “ความคาดหวังต่อพรรคการเมืองไทย ณ วันนี้” ซึ่งหัวข้อที่น่าสนใจก็คือ “ถ้ามีการเลือกตั้งวันนี้ คุณจะเลือกพรรคใด ?” (หัวข้อที่ 4 ในผลสำรวจ) โดยผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 ก.ย. 68 หลังการโหวตเลือกนายก และเผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 68
1. “ถ้ามีการเลือกตั้งวันนี้ คุณจะเลือกพรรคใด?” (สวนดุสิตโพล : 14 ก.ย. 68)
อันดับ 1 พรรคประชาชน 23.94 %
อันดับ 2 ยังไม่ตัดสินใจ 21.35 %
อันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย 14.20 %
อันดับ 4 พรรคเพื่อไทย 11.61 %
อันดับ 5 พรรคพลังประชารัฐ 10.39 %
2. ผลโพลหลังกรณีคลิปเสียงฮุนเซน (นิด้าโพล : 29 มิ.ย. 68)
อันดับ 1 พรรคประชาชน 46.08 %
อันดับ 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ 13.24 %
อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย 11.52 %
อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย 9.76 %
อันดับ 5 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 7.72 %
3. เทียบผลโพล ก่อนและหลังโหวตเลือกนายกฯ
เหตุการณ์ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการสำรวจ (นิด้าโพล) ในโพลช่วงปลายเดือนมิถุนายน ก็คือ กรณีคลิปเสียงอุ๊งอิ๊งค์ – ฮุนเซน ที่สร้างความโกรธแค้นให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก
จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ที่คะแนนของ “พรรคเพื่อไทย” จะลดฮวบมาอยู่ในอันดับที่ 3 ส่วน “พรรคประชาชน” ก็ยังคงมีคะแนนนำเป็นอันดับที่ 1 แต่ที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงเวลาดังกล่าว คะแนนนิยมเพิ่มสูงขึ้นไปอีกกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ หากเทียบเคียงกับผลสำรวจก่อนหน้านั้น ซึ่งคาดว่า กลุ่มที่เคยหนุน “เพื่อไทย” ส่วนหนึ่งได้ย้ายฐานหันไปหนุน “พรรคประชาชน” เป็นจำนวนมาก
แต่เมื่อมาดูคะแนนของพรรค ในผลโพลช่วงหลังโหวตนายกฯ (สวนดุสิตโพล) แม้ “พรรคประชาชน” จะยังคงเป็นอันดับ 1 ได้คะแนน 23.94 % สูงกว่าอันดับ 2 กลุ่มคนที่ยังไม่ตัดสินใจ (21.35 %) ไม่มากนัก ในขณะที่ “พรรคภูมิใจไทย” ได้ที่ 3 (14.20 %) และ พรรคเพื่อไทย อยู่อันดับที่ 4 (11.61 %)
คะแนนของ “พรรคประชาชน” ในโพลก่อนและหลังโหวตเลือกนายกฯ จึงมีนัยยะสำคัญ เพราะในช่วงก่อนโหวตเลือกนายกฯ “พรรคประชาชน” ถือว่าเป็นพรรคที่มีพลังอำนาจมากที่สุด ที่ประชาชนคาดหวังว่า จะใช้อำนาจที่มีอยู่ หาทางออกที่เหมาะสมให้กับประเทศได้ นั่นก็คือกดดันให้มี “การยุบสภา” ให้เร็วที่สุด
และเมื่อเกมเดินมาถึงจุดไคลแม็กซ์ “พรรคเพื่อไทย” หมดสภาพ แทบไม่เหลืออำนาจต่อรอง จึงยื่นข้อเสนอสุดท้ายนั่นก็คือ “การยุบสภาทันที” แต่ปัญหาก็คือ “พรรคประชาชน” ได้แถลงไปแล้วว่า จะโหวตให้ “อนุทิน” ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ “ยุบสภา 4 เดือน”
ดังนั้นในช่วงเวลาสำคัญดังกล่าว “พรรคประชาชน” ต้องเลือกระหว่าง “ยุบสภาทันที” ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการมากกว่า หรือ “ยุบสภา 4 เดือน”
แต่สุดท้ายแล้ว “พรรคประชาชน” ก็เลือก “ยุบสภา 4 เดือน” (หรืออาจมากกว่านั้น) เพื่อรักษาสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับ “ภูมิใจไทย” ไม่ยอมถูก “เพื่อไทย” ลากเข้ามาอยู่กลุ่มพรรคตระบัดสัตย์ทางการเมือง แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นว่า “ยุบสภาทันที” คือทางออกที่ดีกว่า “ยุบสภา 4 เดือน”
สิ่งที่เกิดขึ้น จึงทำให้แทนที่ “พรรคประชาชน” จะเป็นฮีโร่ของคนไทย ก็กลายเป็นฮีโร่ของ “พรรคภูมิใจไทย” แทน
References
สวนดุสิตโพล : ความคาดหวังต่อพรรคการเมืองไทย ณ วันนี้ (14 ก.ย. 68)
นิด้าโพล : การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 2/2568 (29 มิ.ย. 68)

