เจาะลึกผลนิด้าโพล “เท้ง ณัฐพงษ์” และ “พรรคประชาชน” คะแนนนิยมลดลง ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ผลสำรวจของนิด้าโพลล่าสุด เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3/2568” (สำรวจ 19-24 ก.ย. 2568) เผยแพร่วันที่ 28 ก.ย ซึ่งต้องบอกว่านี่คือภาพสะท้อนภูมิทัศน์การเมืองไทยที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมถึงภาวะสุญญากาศทางความเชื่อมั่น และการสลับขั้วอำนาจที่น่าจับตาอย่างยิ่ง
1. ผลสำรวจหัวข้อที่ 1 “วันนี้ท่านนสนับสนุนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี”
อันดับ 1 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 27.27 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 19.88 % / ครั้งที่ 1 (มี.ค.) : 23.70 %
อันดับ 2 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน)
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 22.80 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 31.48% / ครั้งที่ 1(มี.ค.) : 25.80 %
อันดับ 3 อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 20.44 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 9.64 % / ครั้งที่ 1 (มี.ค.) : 2.85 %
อันดับ 4 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 7.16 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 6.12 % / ครั้งที่ 1 (มี.ค.) : 3.90 %
อันดับ 5 ชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย)
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 6.76 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 0.20 %
2. ผลสำรวจ หัวข้อที่ 2 “วันนี้ท่านสนับสนุนพรรคการเมืองใด”
อันดับ 1 พรรคประชาชน
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 33.08 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 46.08 % / ครั้งที่ 1 (มี.ค.) : 37.10 %
อันดับ 2 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 21.64 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 7.72 % / ครั้งที่ 1(มี.ค.) : 13.75 %
อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 13.96 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 11.52 % / ครั้งที่ 1 (มี.ค.) : 28.05 %
อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 13.24 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 9.76 % / ครั้งที่ 1 (มี.ค.) : 3.35 %
อันดับ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ
ครั้งที่ 3 (ก.ย.) : 6.12 % / ครั้งที่ 2 (มิ.ย.) : 13.24 % / ครั้งที่ 1 (มี.ค.) : 8.75 %
3. ภาวะสุญญากาศทางความเชื่อมั่น: เสียงที่ดังที่สุดคือ “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้”
นี่คือตัวเลขที่มีความสำคัญที่สุดในโพลครั้งนี้ ประชาชนถึง 27.28% ระบุว่ายังหาคนที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ไม่ได้ และ 21.64% ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้
ตัวเลขกลุ่ม “ยังไม่ตัดสินใจ” (Undecided Voter) นี้พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคที่เพิ่มจากไตรมาสก่อน (7.72%) ถึงเกือบ 3 เท่า
ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่คนยังไม่ตัดสินใจ แต่มันคือ “เสียงปฏิเสธ” ต่อตัวเลือกที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน ประชาชนกำลังรู้สึกว่าไม่มีใครหรือพรรคใดสามารถตอบโจทย์ของพวกเขาได้จริง
ภาวะนี้เป็นอันตรายต่อทุกพรรคการเมือง เพราะหมายความว่าฐานเสียงเดิมเริ่มสั่นคลอน และมีกลุ่มพลังเงียบขนาดใหญ่ที่พร้อมจะเทคะแนนไปในทิศทางใดก็ได้ หากมีตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจกว่าปรากฏขึ้นมา
นี่คือสัญญาณของความเบื่อหน่ายทางการเมืองที่รุนแรง และเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดของทุกพรรคที่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้ได้
4. พรรคประชาชน คะแนนนิยมลดฮวบ สัญญาณอันตรายเริ่มปรากฏ
แม้ว่า “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” (22.80%) และพรรคประชาชน (33.08%) จะยังคงมีคะแนนนำ แต่เมื่อเทียบกับผลสำรวจครั้งก่อนๆ จะเห็นถึงแนวโน้มที่น่ากังวล คะแนนนิยมทั้งบุคคลและพรรคอยู่ในช่วงขาลง อย่างชัดเจน
โมเมนตัมของพรรคประชาชนเริ่มแผ่วลงแล้ว นี่อาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งการเป็นฝ่ายค้านที่ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมได้ หรืออาจเป็นเพราะฐานเสียงเริ่มมองเห็นถึงทางตันทางการเมือง ซึ่งปัจจัยที่น่าส่งผลกระทบมากที่สุด ก็คือการโหวตให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ (หากพิจารณาจากช่วงเวลาในการสำรวจ)
การลดลงของคะแนนนิยมนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า “กระแส” เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะรักษาความนิยมในระยะยาวได้อีกต่อไป พรรคจำเป็นต้องหากลยุทธ์ใหม่เพื่อดึงความเชื่อมั่นและขยายฐานเสียงให้กลับมาอีกครั้ง
5. อนุทิน และภูมิใจไทย พุ่งแรง
ปรากฏการณ์ที่ชัดเจนที่สุดคือการทะยานขึ้นของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่คะแนนนิยมส่วนบุคคลพุ่งจาก9.64% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 20.44% กลายเป็นอันดับ 2 ของผู้ที่มีคะแนนนิยมสูงสุด (หากไม่นับกลุ่มยังหาคนเหมาะสมไม่ได้) สอดรับกับคะแนนพรรคภูมิใจไทยที่เพิ่มขึ้นจาก 9.76% มาเป็น 13.24%
การพุ่งขึ้นของ “อนุทิน” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากการวางตำแหน่งทางการเมืองที่ชาญฉลาด ในขณะที่พรรคอื่นกำลังเผชิญวิกฤต “ภูมิใจไทย” กลับสามารถรักษาเสถียรภาพและดูดซับฐานเสียงจากฝ่ายต่างๆ ได้
ทั้งกลุ่มอนุรักษ์นิยมเดิมที่เคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ (ซึ่งคะแนนนิยมลดลง) และกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ต้องการรัฐบาลที่มีเอกภาพและไม่สร้างความขัดแย้ง
6. เพื่อไทย: วิกฤตศรัทธาที่ยังไม่เห็นทางออก
สถานการณ์ของ “พรรคเพื่อไทย” น่าเป็นห่วงที่สุด “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของพรรค มีคะแนนนิยมเพียง 6.76% และคะแนนนิยมพรรคอยู่ที่ 13.96% ซึ่งเป็นการตอกย้ำภาพวิกฤตของพรรคที่เคยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาโดยตลอด
สิ่งที่น่าสนใจคือชื่อของแคนดิเดตนายกฯ คนเดิมอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” ได้หายไปจากอันดับต้นๆ ของโพลแล้ว
เพื่อไทยกำลังเผชิญกับภาวะ “เลือดไหลไม่หยุด” การเสียฐานเสียงเดิมให้กับพรรคประชาชน และไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทนได้ ทำให้พรรคตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
โจทย์ของเพื่อไทยในวันนี้ไม่ใช่การชนะเลือกตั้ง แต่คือการ “อยู่รอด” และทวงคืนสถานะพรรคหลักของประเทศกลับมาให้ได้
7. ยุคการเมืองสามก๊ก
โพลฉบับนี้คือบทสรุปที่ชัดเจนว่าสนามการเมืองไทยกำลังเข้าสู่ยุค “สามก๊ก” ที่มีผู้เล่นหลักคือ พรรคประชาชน (ที่กระแสเริ่มแผ่ว), พรรคภูมิใจไทย (ที่กำลังมาแรง) และ กลุ่มพลังเงียบ (ที่ไม่เลือกใครเลย) ขณะที่ พรรคเพื่อไทย กำลังต่อสู้เพื่อรักษาที่ยืนของตนเอง
การเมืองหลังจากนี้จะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสูง การเจรจาต่อรองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจะซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม และกลุ่ม “ยังไม่ตัดสินใจ” จะเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ใครก็ตามที่สามารถเจาะฐานเสียงกลุ่มนี้ได้ก่อน จะเป็นผู้กุมความได้เปรียบและมีโอกาสกำหนดทิศทางของประเทศในที่สุด

ที่มา นิด้าโพล : “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3/2568”

