วิเคราะห์เชิงลึกบทบาทของไทยในการประชุม APEC 2025 ที่เกาหลีใต้ ท่ามกลางสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ไทยใช้โอกาสนี้ในการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจในเวทีโลกได้อย่างไร
การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC (Asia-Pacific Economic Cooperation) ในปี 2025 ณ ประเทศเกาหลีใต้ คือ เวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่งในภูมิภาค
ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ จะเป็นจุดวัดความตึงเครียดและโอกาสในภูมิภาค ที่กำลังเผชิญกับคลื่นลมมรสุมลูกใหญ่ที่สุดลูกหนึ่งนับตั้งแต่สงครามเย็น
สำหรับประเทศไทยแล้ว การประชุมครั้งนี้จึงมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และมีผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพในระยะยาว เป็นจุดวัดอนาคตทางเศรษฐกิจของไทย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมโลกที่ผันผวน
1. การบริหารความเสี่ยงจาก “การแบ่งขั้วอำนาจ”
หัวใจสำคัญที่ APEC 2025 มีต่อประเทศไทย คือการเป็นเวทีเดียวที่เปิดโอกาสให้ไทยได้บริหารจัดการความเสี่ยงจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน
– ป้องกันการค้าถูกกีดกัน: ไทยพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากทั้งสองมหาอำนาจ การเจรจาใน APEC จะเป็นตัวชี้วัดว่าประเทศสมาชิกพร้อมที่จะเดินหน้าสู่การค้าแบบเปิดกว้าง หรือจะยอมจำนนต่อแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ หากกลไกความร่วมมือของ APEC ล้มเหลวและเกิดการกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของห่วงโซ่อุปทาน
– ทางออกของห่วงโซ่อุปทาน: เกาหลีใต้ในฐานะผู้เล่นหลักด้านเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ จะผลักดันวาระความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน นี่คือโอกาสของไทยในการวางแผนการผลิตและการลงทุนในประเทศ ให้สอดคล้องกับเส้นทางใหม่ของห่วงโซ่อุปทานโลก เพื่อดึงดูดการลงทุน

2. โอกาสในการกำหนด “กติกาเศรษฐกิจแห่งอนาคต”
วาระหลักที่เกาหลีใต้กำหนดขึ้น เน้นไปที่เศรษฐกิจดิจิทัลและความยั่งยืน ซึ่งเป็นสองหัวข้อที่รัฐบาลไทยกำลังผลักดันอย่างจริงจัง
– ยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย: ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ AI การกำหนดกรอบความร่วมมือในการค้าดิจิทัลข้ามพรมแดน (Digital Trade) ที่เป็นธรรมและปลอดภัย จะเป็นหัวใจสำคัญของการเจรจา
การเข้าร่วมและมีส่วนร่วมในการกำหนด “กฎเกณฑ์เศรษฐกิจดิจิทัล” ใน APEC ทำให้ไทยสามารถปรับใช้มาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของตนเอง
– ดึงดูดการลงทุนสีเขียว: วาระด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน และการบูรณาการนโยบายการค้ากับการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับภูมิภาค ไทยต้องใช้ APEC เพื่อแสดงความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม และสร้างโอกาสในการดึงดูดการลงทุนในเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดจากประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่ม APEC

3. การใช้เวทีเพื่อรักษาสถานะทางภูมิรัฐศาสตร์
เกาหลีใต้ใช้สถานะ “มหาอำนาจระดับกลาง” ในการสร้าง “สะพานเชื่อม” ระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ไทยเองก็ใช้มาโดยตลอด
– ยุทธศาสตร์การทูตที่สมดุล: การที่เกาหลีใต้ผลักดันวาระที่เน้นการปฏิบัติได้จริง เช่น “ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล” ช่วยลดทอนความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ลงได้ชั่วคราว ไทยต้องใช้ APEC ใน
การประสานงานกับกลุ่มประเทศที่มีสถานะใกล้เคียงกัน เพื่อสนับสนุนวาระที่ไม่ใช่การเลือกข้าง และมุ่งเน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน
– บทบาทในการรักษากลไก: ความสำเร็จของ APEC 2025 จะถูกวัดจาก “ความเป็นไปได้” ในการรักษากลไกความร่วมมือที่สำคัญนี้เอาไว้ สำหรับไทยแล้ว การที่การประชุมสามารถบรรลุข้อตกลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จับต้องได้ในประเด็นทางเทคนิค ถือเป็นชัยชนะทางการทูต เพราะมันหมายถึงการคงอยู่ของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปิดกว้างและคาดการณ์ได้

บทสรุป
APEC 2025 จึงไม่ใช่แค่การประชุมทางเศรษฐกิจ แต่เป็น “บททดสอบความอดทนและสติปัญญา” ของผู้นำในภูมิภาค ในการนำทางท่ามกลางพายุแห่งการแตกขั้วอำนาจนี้
สำหรับประเทศไทย การเจรจาที่เกาหลีใต้ครั้งนี้คือโอกาสสำคัญในการปรับตัว สร้างเกราะป้องกัน และกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจในทศวรรษหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าเสถียรภาพและความมั่งคั่งของไทยจะยังคงอยู่ต่อไป

