วิเคราะห์โครงการ “คนละครึ่ง” เวอร์ชั่นอนุทิน เพิ่มโมเดล 60:40 กลยุทธ์การต่อยอดทางการเมืองและเศรษฐกิจ
จากโครงการที่เคยทำให้ร้านอาหารเล็กๆ ร้านท้องถิ่น และร้านค้าชุมชนทั่วประเทศคึกคัก “คนละครึ่ง” กำลังจะกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาพร้อมกับไอเดียต่อยอดที่น่าสนใจ
1. จากอดีตสู่ปัจจุบัน : เส้นทางของ “คนละครึ่ง”
หากย้อนกลับไปในช่วงปี 2563-2564 โครงการคนละครึ่งภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพในยุคโควิด-19 ประชาชนจ่าย 50 % รัฐช่วย 50 % สร้างกระแสบริโภคที่แรงขึ้นได้ในระยะเวลาที่จำกัด
2. เมื่อ “อนุทิน” หยิบไอเดียเก่ามาต่อยอด
การกลับมาของโครงการคนละครึ่งใน “รัฐบาลอนุทิน” ไม่ใช่แค่การนำสูตรเดิมมาใช้ซ้ำ แต่เป็นการยกระดับด้วยแนวคิดที่เพิ่มความน่าสนใจ ซึ่ง “อนุทิน” เปิดเผยว่า ได้หารือกับ “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จนเกิดไอเดียต่อยอดนี้ขึ้นมา
3. เปิดสูตรใหม่: คนละครึ่ง เวอร์ชั่นอนุทิน
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของโครงการ “คนละครึ่ง” เวอร์ชั่นใหม่คือ การแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 2 ระดับ
กลุ่มที่ 1: คนเสียภาษี จะได้รับสิทธิ์ในสัดส่วน 60:40 หมายความว่า รัฐจะอุดหนุน 60 % เมื่อประชาชนจ่าย 40 %
กลุ่มที่ 2: ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้เสียภาษี จะได้รับสิทธิ์แบบเดิม 50:50
การแบ่งสัดส่วนแบบนี้มีเหตุผลที่น่าสนใจ ได้แก่ ทำให้ผู้เสียภาษีรู้สึกว่า ได้รับการตอบแทนจากรัฐ .แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะประชาชนทั่วไปก็ยังได้รับการช่วยเหลือในแบบ 50:50 เหมือนเดิม
5. ข้อดีและข้อควรกังวล
ข้อดี
- กระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็ว: เงินจะไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในได้ทันที
- ปรับปรุงระบบภาษี: ช่วยดึงคนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น
- มีประสบการณ์: รัฐบาลมีประสบการณ์ดำเนินการแล้ว (เคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลประยุทธ์) ลดความเสี่ยงในการปฏิบัติ
ข้อควรกังวล
- ผลกระทบระยะยาว: การกระตุ้นแบบชั่วคราวอาจไม่สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
- ด้านงบประมาณ: โครงการนี้อาจใช้งบประมาณสูงกว่าเดิม เพราะให้สิทธิพิเศษกับกลุ่มคนเสียภาษี
- อัตราเงินเฟ้อ: อาจกดดันให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น
- ด้านการตรวจสอบ: ระบบต้องสามารถตรวจสอบสถานการณ์เสียภาษีได้อย่างแม่นยำ
- การเชื่อมโยงฐานข้อมูล: ระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกรมสรรพากรกับแพลตฟอร์มคนละครึ่ง ต้องมีประสิทธิภาพ
- ด้านความเป็นธรรม: ต้องมีกลไกป้องกันไม่ให้เกิดการฉ้อโกงหรือแอบอ้างสถานะ และต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเห็นว่าการแบ่งแบบนี้เป็นธรรม
6. กลยุทธ์เชิงการเมือง
การปรับสูตรสู่ 60:40 ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเกมการเมืองเชิงกลยุทธ์
- ช่วยให้ “พรรคภูมิใจไทย” รีแบรนด์ตัวเองให้กลายเป็นพรรคที่มีนโยบายเศรษฐกิจที่จับต้องได้จริง
- หากทำสำเร็จ โครงการนี้จะกลายเป็น Political Capital หรือทุนทางการเมือง ที่พรรคสามารถนำไปใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้
สรุปก็คือ คนละครึ่งเวอร์ชั่นใหม่ คือการรีแบรนด์ที่สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลอนุทิน ในการสร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง
ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ มันจะกลายเป็นทุนทางการเมือง และมรดกเชิงนโยบาย ที่ยกระดับพรรคภูมิใจไทย แต่ถ้าล้มเหลว ก็อาจถูกมองว่าเป็นเพียงประชานิยมสองมาตรฐาน ที่ตอกย้ำรอยร้าวทางสังคมให้กว้างมากขึ้นไปอีก

