ข้อมูลสถิติวัดเรตติ้งทางการเมืองของ “นิด้าโพล” ที่ได้ทำการสำรวจความนิยมของพรรค และตัวแทนพรรคในภูมิภาคต่างๆ เริ่มตั้งแต่ “ภาคอีสาน (2 พ.ย. 68) , ภาคเหนือ (9 พ.ย. 68) , ภาคกลาง (16 พ.ย. 68) , ภาคตะวันออก (23 พ.ย. 68) , ภาคใต้ (30 พ.ย. 68) และ กรุงเทพฯ (21 ธ.ค. 68) กำลังบอกเราว่า การเมืองไทยกำลังประสบกับวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก !
ตัวเลขทางสถิติที่น่าตกใจที่สุดจากการสำรวจทั่วทุกภูมิภาค ไม่ใช่คะแนนนิยมของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง แต่คือแท่งกราฟที่พุ่งสูงเป็นอันดับ 1 ในเกือบทุกภาค นั่นคือกลุ่มคนที่ระบุว่า “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” และ “ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้” นี่ไม่ใช่แค่ความลังเล แต่คือนัยยะทางการเมืองที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
1. ปรากฏการณ์ “สุญญากาศแห่งศรัทธา”
ในกรุงเทพมหานคร ศูนย์กลางอำนาจและข้อมูลข่าวสาร เสียงของความเงียบดังกระหึ่มที่สุด เกือบครึ่งหนึ่งของคนกรุง อันดับ 1 : 47.25 % บอกว่ายังไม่เห็นใครเหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรี และอีกกว่า 40.20 % (อันดับ 1) ยังหาพรรคที่ถูกใจไม่เจอ ตัวเลขนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในเมืองหลวง แต่ลามไปทั่วประเทศ
ภาคตะวันออก ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 39.75 % / ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 34.90 %
ภาคเหนือ ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 36.60 % / ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 28.40 %
ภาคกลาง ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 35.65 % / ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 28.95 %
ภาคอีสาน ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 32.40 % / ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 : 24.65 %
ภาคใต้ ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 1 : 32.25 % / ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 : 28.45 %
ชวนขบคิด: เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ “ยังไม่ตัดสินใจ” มันสะท้อนว่าการเมืองแบบเดิม ตัวละครหน้าเดิม หรือนโยบายแบบเดิมๆ อาจไม่ใช่คำตอบที่พวกเขาโหยหาอีกต่อไป ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงไม่ได้อยู่ที่การรักษาฐานเสียงเดิม แต่อยู่ที่ว่า “ใครจะปลุกพลังเงียบเหล่านี้ให้ตื่นขึ้นมาได้”

2. สัญญาณชีพที่แผ่วลงของ “เพื่อไทย”
ข้อมูลชุดนี้คือฝันร้ายของ “พรรคเพื่อไทย” อย่างแท้จริง ! ในอดีต ภาคเหนือและอีสานคือ “กำแพงเหล็ก” ที่ไม่มีใครเจาะเข้า แต่ผลโพลของทั้ง 2 ภาคชี้ว่า กำแพงนั้นพังทลายลงแล้ว
– ภาคเหนือ: พรรคเพื่อไทยร่วงลงมาอยู่อันดับ 3 (16.60%) ตามหลังพรรคประชาชน (อันดับ 2 : 28.10%) และกลุ่มยังไม่ตัดสินใจ (อันดับ 1 : 28.40 %)
– ภาคอีสาน: พื้นที่ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อไทยก็ตกมาอยู่อันดับ 3 (16.85%) แพ้พรรคประชาชน (อันดับ 1 : 26.05) และแม้กระทั่งในโพลนายกฯ คนอีสานก็เทใจให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล (อันดับ 2 : 19.70%) มากกว่าแคนดิเดตจากเพื่อไทยเสียอีก
ข้อสังเกต: “มนต์ขลัง” ของแบรนด์การเมืองเก่าแก่กำลังเสื่อมถอย หรือเป็นเพราะประชาชนเริ่มมองหา “ทางเลือกใหม่”
3. พรรคประชาชน: ผู้นำที่ยังติดเพดาน
โดยรวมแล้ว พรรคประชาชน เป็นพรรคที่มีอันดับดีที่สุดในเกือบทุกภูมิภาค แต่ตัวเลขนี้มีกับดักซ่อนอยู่
คะแนนนิยมของพรรคประชาชนส่วนใหญ่วนเวียนอยู่ที่ 20-28% ซึ่งยังไม่มากพอที่จะเรียกว่า “ชนะอย่างชัดเจน” และในพื้นที่ส่วนใหญ่ คะแนนของพรรคยังน้อยกว่ากลุ่มคนที่ “ยังไม่ตัดสินใจ”
ชวนขบคิด: พรรคประชาชนครองใจคนรุ่นใหม่และชนชั้นกลางได้ แต่ยังเจาะไม่เข้าถึง “มวลชนส่วนใหญ่” ที่ยังนิ่งเงียบอยู่ โจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้เพดาน 20 % นี้ขยับขึ้นไปเป็น 40 % ให้ได้ ?

4. ภูมิใจไทย และ ประชาธิปัตย์
หลังจากพลิกเกม กลายเป็นแกนนำตั้งจัดรัฐบาล “พรรคภูมิใจไทย” เรตติ้งของพรรคก็ดีขึ้นในระดับก้าวกระโดด
โดยเฉพาะภาคอีสานที่ “อนุทิน” มีคะแนนดีที่สุด อยู่ในอันดับที่ 2 (19.70 %)
ส่วน “พรรคประชาธิปัตย์” หลัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ก็ส่งผลให้พรรคประชาธิปัตย์ กลับมาครองอันดับ 1 ในภาคใต้ (28.60%) ชี้ให้เห็นว่า คนใต้ยังให้โอกาสคนคุ้นเคย หากพวกเขากลับมาในจังหวะที่ถูกต้อง
5. พรรคการเมือง VS ความสิ้นหวังของประชาชน
ภาพรวมของการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ ไม่ใช่สงครามระหว่าง “ฝ่ายอนุรักษ์” กับ “ฝ่ายเสรีนิยม” อย่างที่เคยเป็นมา แต่เป็นสงครามระหว่าง “พรรคการเมือง” กับ “ความสิ้นหวังของประชาชน” ตัวเลข 30-40% ของกลุ่มพลังเงียบ คือ สัดส่วนคะแนนมหาศาลที่พร้อมจะพลิกโฉมหน้าการเมืองไทย
ถ้าพวกเขายังเงียบต่อไป เราอาจได้สภาที่เบี้ยหัวแตก แต่ถ้ามีใครจุดประกายความหวังให้พวกเขาได้ พรรคนั้นจะกวาดชัยชนะแบบถล่มทลายทันที
วันนี้ ประชาชนกำลังรอ “คนที่ทำให้พวกเขากลับมาเชื่อมั่นในระบบการเมืองได้อีกครั้ง” และดูเหมือนว่า ตอนนี้พวกเขายังหาคนคนนั้นไม่เจอ
อ้างอิง
นิด้าโพล “กระแสการเมือง กรุงเทพฯ”
นิด้าโพล “กระแสการเมือง ภาคใต้”
นิด้าโพล “กระแสการเมือง ภาคตะวันออก”
นิด้าโพล “กระแสการเมือง ภาคกลาง”
นิด้าโพล “กระแสการเมือง ภาคเหนือ”
นิด้าโพล “กระแสการเมือง ภาคอีสาน”

