The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / Editor / เจาะเบื้องลึกถนนทรุด หน้าวชิรพยาบาล สรุปแล้ว ใครต้องรับผิดชอบ ?  
Editor

เจาะเบื้องลึกถนนทรุด หน้าวชิรพยาบาล สรุปแล้ว ใครต้องรับผิดชอบ ?  

Srawut
Last updated: 26 ก.ย. 2025 17:12
Srawut
Share
SHARE

เจาะลึกเหตุการณ์ถนนทรุดหน้าวชิรพยาบาล หายนะที่ไม่ได้เกิดจากเหตุสุดวิสัย และใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายครั้งนี้

เช้าวันที่ 24 กันยายน 2568 ได้กลายเป็นฝันร้ายของคนกรุงเทพฯ เมื่อถนนสามเสน บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เกิดยุบตัวกลายเป็นหลุมขนาดยักษ์ ลึกเทียบเท่าตึก 10 กว่าชั้น สร้างความโกลาหลและคำถามว่า “มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?” และ “ใครต้องรับผิดชอบ ?”

1. สาเหตุที่แท้จริง: ไม่ใช่แค่ “ท่อประปาแตก”

ตอนแรกหลายคนอาจคิดว่าสาเหตุมาจากท่อประปาแตก แต่ความจริงซับซ้อนกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างชี้ตรงกันว่า ท่อประปาที่แตกเป็น “ผลลัพธ์” ไม่ใช่ “ต้นเหตุ” 3 เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากปฏิกิริยาลูกโซ่ใต้ดิน ดังนี้

(1) จุดเริ่มต้นคือ “รอยรั่ว”

ต้นตอของปัญหาเกิดจากรอยรั่วหรือรอยแยกบริเวณ “รอยต่อ” ระหว่างอุโมงค์รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังก่อสร้างกับตัวสถานีวชิรพยาบาล

(2) ดินไหลทะลัก

เมื่อเกิดรอยรั่ว มวลดินและน้ำใต้ดินที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มไหลทะลักเข้าไปในพื้นที่ว่างของสถานี เหมือนทรายที่ไหลออกจากนาฬิกาทราย

(3) เกิด “ถ้ำ” ใต้ถนน

การไหลของดินทำให้เกิดโพรงขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใต้ผิวถนนที่เรามองไม่เห็น

(4) ฟางเส้นสุดท้าย

เมื่อดินที่รองรับท่อประปาหลักหายไป ท่อประปาขนาดใหญ่จึงรับแรงกดไม่ไหวและแตกหักในที่สุด

(5) หายนะ x10

น้ำปริมาณมหาศาลจากท่อที่แตกได้ทะลักออกมาผสมกับดินเหนียวอ่อนของกรุงเทพฯ กลายเป็นโคลนเหลวที่เร่งการกัดเซาะและทำให้ทุกอย่างพังทลายลงมาอย่างรวดเร็ว

พูดง่ายๆ คือ โครงสร้างอุโมงค์มีปัญหาก่อน จนทำให้ดินทรุด แล้วดินที่ทรุดก็ไปซ้ำเติมทำให้ท่อประปาแตกนั่นเอง

2. ใครรับผิดชอบ? สรุปตามบทบาท

เรื่องความรับผิดชอบ ไม่ได้มีแค่หน่วยงานเดียว แต่แบ่งเป็นลำดับชั้นตามหน้าที่ ดังนี้

(1) รฟม. (การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย)

ในฐานะ “เจ้าของโปรเจกต์” รฟม. ได้ออกมาประกาศยอมรับผิดชอบต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น  มีหน้าที่หลักในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทุกคนและกำกับดูแลการแก้ไขปัญหา

(2) กิจการร่วมค้า CKST-PL (ช.การช่าง และ ซิโน-ไทย)

ในฐานะ “ผู้รับเหมาก่อสร้าง” ที่ลงมือขุดเจาะและก่อสร้างจริง ความรับผิดชอบในเชิงปฏิบัติการและความผิดพลาดทางวิศวกรรมจะตกอยู่ที่บริษัทโดยตรง ซึ่งจะต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา หากผลสอบสวนชี้ว่าเกิดจากความประมาท

(3) กทม. (กรุงเทพมหานคร)

ในฐานะ “หน่วยงานท้องถิ่น” มีบทบาทสำคัญในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินเฉพาะหน้า เช่น การปิดการจราจร, การอพยพผู้คน, การประกาศเขตภัยพิบัติ และดูแลความปลอดภัยของประชาชนโดยรวม

(4) รัฐบาล (กระทรวงคมนาคม และ ป.ป.ท.)

ในฐานะ “ผู้กำกับดูแล” ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียด นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ท. ยังได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสของโครงการด้วย

3. แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

(1) แผนระยะสั้น (14 วัน)

ทีมวิศวกรกำลังเร่งเทคอนกรีตหลายพันตันเพื่ออุดรอยรั่วและทำให้ดินหยุดสไลด์  โดยตั้งเป้าหมายว่าจะคืนผิวจราจรให้รถสามารถกลับมาสัญจรได้ภายใน 2 สัปดาห์

(2) แผนระยะยาว (เป็นปี)

การซ่อมแซมโครงสร้างอุโมงค์และสถานีที่เสียหายอย่างถาวรนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้เวลาประเมินและซ่อมแซมอย่างละเอียด ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดว่าอาจใช้เวลานานอย่างน้อย 1 ปี

(3) บทเรียนราคาแพง

ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการต่างออกมาเรียกร้องให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญ โดยเสนอให้มีการตั้ง “คณะกรรมการสอบสวนที่เป็นกลาง” ที่ไม่ไช่หน่วยงานคู่ขัดแย้งโดยตรง และที่สำคัญคือการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย โดยบังคับให้โครงการก่อสร้างใต้ดินขนาดใหญ่ในอนาคตต้องมี  “ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า” แบบเรียลไทม์ เพื่อป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

เหตุการณ์นี้จึงเป็นสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ว่า การพัฒนาเมืองที่รวดเร็วต้องมาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดและการตรวจสอบที่โปร่งใส เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article สรุปสาระสำคัญคำแถลงนโยบายรัฐบาลอนุทิน เร่งแก้ 5 ปัญหาด่วน
Next Article พล.ท.บุญสิน ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษ
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

Editor

แอปฯ ธ.กรุงเทพล่ม ยอดหาย – ติดลบ จี้เยียวยา ตรวจสอบ

By Srawut
EditorINSIGHTPOLITICS

วิเคราะห์ผลโพล “กระแสการเมืองภาคอีสาน” พรรคประชาชนมาแรง

By Srawut
EditorINSIGHTPOLITICS

บทสัมภาษณ์ “ณัฐพงษ์” ยืนยันกับ TIME พร้อมบริหารประเทศ (ฉบับเต็ม)

By Srawut
EditorINSIGHTPOLITICS

“สันติ ปิยะทัต” มอบถุงยังชีพช่วยน้ำท่วม “พิษณุโลก”

By Srawut
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.