วิเคราะห์เจาะลึก! เทียบผลโพลภาคอีสานล่าสุด ปลายปี 2568 ของ “นิด้าโพล กับผลเลือกตั้งปี 2566
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ “ภาคอีสาน” เป็นสมรภูมิเลือกตั้งที่สำคัญ ด้วยจำนวน สส.เขต รวม 133 ที่นั่ง ผลการเลือกตั้งปี 2566 เคยตอกย้ำอิทธิพลของ “บ้านใหญ่” และฐานเสียงเดิม แต่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของนิด้าโพล (เผยแพร่ 2 พ.ย. 2568) กลับฉายภาพความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อน “นัยยะทางการเมือง” ที่ลึกซึ้งและท้าทายต่อทุกพรรคการเมือง
1. การพุ่งทะยานของ “กระแส” เหนือ “บ้านใหญ่”
หัวใจสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามคือ การพุ่งขึ้นของ “พรรคประชาชน” (เทียบเคียงพรรคก้าวไกล) ในผลโพลล่าสุด ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลทำได้เพียง 6 ที่นั่ง (อันดับ 4 ของภาคอีสาน) แต่ในโพลช่วงปลายปี 2568 กลับได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ในภาคอีสานด้วยคะแนนสูงถึง 26.05% นัยยะที่สะท้อนคือ
(1) การสลายอิทธิพลเชิงพื้นที่
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของพรรคประชาชนอย่างก้าวกระโดด บ่งชี้ว่า “กระแส” การเมืองที่มาจากนโยบายและอุดมการณ์ กำลังมีน้ำหนักเหนือกว่าอิทธิพลของผู้นำท้องถิ่นหรือ “บ้านใหญ่” และสามารถแทรกซึมเข้าไปในฐานเสียงดั้งเดิมของพรรคอื่นได้
(2) การเผชิญความท้าทายของแชมป์เก่า
พรรคเพื่อไทย ซึ่งครองแชมป์ด้วย ส.ส.เขต ถึง 77 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งปี 2566 แต่ในโพลล่าสุดคะแนนความนิยมกลับลดลงมาอยู่อันดับ 3 ที่ 16.85% การสูญเสียความนิยมนี้อาจเป็นผลมาจากความผิดหวังในแนวนโยบายหรือทิศทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง ทำให้ฐานเสียงเดิมของ “เสื้อแดง” มีความลังเลและเปลี่ยนใจไปสู่ตัวเลือกใหม่

2. คะแนน “ยังหาคนที่เหมาะสมเป็นนายกฯ ไม่ได้” สูงอันดับ 1
ประเด็นที่น่าขบคิดที่สุดคือคำถามเรื่องนายกรัฐมนตรี
อันดับ 1 คือ “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” ด้วยคะแนนสูงถึง 32.40%
อันดับ 2 คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) 19.70%
อันดับ 3 คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) 18.55%
นัยยะที่สะท้อนคือ: ภูมิทัศน์การเมืองอีสานกำลังเผชิญกับ ภาวะขาดผู้นำที่ชัดเจน ประชาชนกว่าหนึ่งในสามยังคงรอคอยบุคคลที่จะเป็นที่พึ่งและสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง
(1) โอกาสของพรรคภูมิใจไทย: อนุทินมีคะแนนนิยมส่วนตัว (19.70%) ที่สูงกว่าคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย (15.75%) ยังชี้ให้เห็นว่า “ตัวบุคคล” คือจุดแข็งหลักของพรรคในพื้นที่
(2) ความท้าทายของพรรคประชาชน: แม้คะแนนนิยมพรรคจะนำโด่ง แต่แคนดิเดตนายกฯ อย่าง ณัฐพงษ์ ยังต้องเร่งสร้างความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักให้ทัดเทียมกับคะแนนของพรรค

3. สรุป: การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็น “ศึกสามก๊ก”
ผลโพลนี้แสดงให้เห็นว่า การเมืองภาคอีสานกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ความจงรักภักดีต่อพรรคการเมืองแบบเดิมเริ่มสั่นคลอน การแข่งขันครั้งต่อไปจะกลายเป็น “ศึกสามก๊ก” ที่ดุเดือด
(1) พรรคประชาชน : ขับเคลื่อนด้วยกระแสและแรงปรารถนาการเปลี่ยนแปลง
(2) พรรคเพื่อไทย: พยายามกอบกู้ฐานเสียงเดิม
(3) พรรคภูมิใจไทย: อาศัยความแข็งแกร่งของผู้นำและฐานเสียงพื้นที่
กลุ่มผู้ที่ “ยังหาพรรค/บุคคลที่เหมาะสมไม่ได้” ที่มีเปอร์เซ็นต์สูงมาก จะเป็นกุญแจดอกสุดท้ายในการตัดสินว่าพรรคใดจะได้รับชัยชนะในสมรภูมิ การเมืองอีสานจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของบ้านใหญ่ แต่เป็นเรื่องของกระแสแห่งความหวังและความไม่แน่นอนที่มาพร้อมกัน
4. ภาคผนวก ข้อมูลเชิงสถิติ
ผลสำรวจนิด้าโพล กระแสการเมืองภาคอีสาน เผยแพร่วันที่ 2 พ.ย. 68
(1) บุคคลที่คนอีสานจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้
อันดับ 1 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 32.40 %
อันดับ 2 อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) 19.70 %
อันดับ 3 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญำวุฒิ (พรรคประชำชน) 18.55 %
อันดับ 4 ชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย) 8.80 %
อันดับ 5 อภิสิทธิ์ เวชชำชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) 6.10 %
(2) พรรคการเมืองที่คนอีสานจะสนับสนุนในวันนี้
อันดับ 1 พรรคประชาชน 26.05 %
อันดับ 2 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมำะสมไม่ได้ 24.65 %
อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย 16.85 %
อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย 15.75 %
อันดับ 5 พรรคประชาธิปัตย์ 5.55 %
(3) 5 อันดับพรรคที่ได้ สส. เขต มากที่สุดในภาคอีสาน การเลือกตั้งปี 2566
อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย 77 ที่นั่ง
อันดับ 2 พรรคภูมิใจไทย 32 ที่นั่ง
อันดับ 3 พรรคพลังประชารัฐ 7 ที่นั่ง
อันดับ 4 พรรคก้าวไกล 6 ที่นั่ง
อันดับ 5 พรรคไทยสร้างไทย 4 ที่นั่ง
อ้างอิง :

