วิเคราะห์เจาะลึกผลโพลภาคเหนือล่าสุดเทียบผลเลือกตั้งปี 2566 ชี้ชัด! “พลังเงียบ” คือตัวตัดสิน, เพื่อไทยสั่นคลอน, พรรคประชาชนมาแรง สะท้อนนัยยะทางการเมืองสู่การเลือกตั้งครั้งถัดไป
สมรภูมิภาคเหนือ: พื้นที่ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็น “ฐานที่มั่น” ของบางการเมือง กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงกระแสความนิยมอย่างน่าสนใจ เมื่อนำผลสำรวจล่าสุดของ “นิด้าโพล” เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคเหนือ” (เผยแพร่ 9 พ.ย. 68)
โดยมี 17 จังหวัด (ตามการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.) ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี
เมื่อนำมาเทียบกับผลการเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขตปี 2566 เราจะพบรอยแยกและนัยยะที่สำคัญ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนสำหรับทุกพรรคการเมือง
1. “เสียงที่ไม่เลือกใคร” ทั้งคนและพรรค คือเสียงที่ดังที่สุด
สิ่งที่น่าจับตาที่สุดในโพล ไม่ใช่คะแนนของพรรคใด แต่เป็นคะแนนของกลุ่มที่ “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” และ “ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้” ซึ่งมาเป็นอันดับ ทั้งในส่วนการเลือกพรรค และบุคคลที่ชาวเหนือต้องการสนับสนุนให้เป็นนายกฯ
- “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” : สูงถึง 36.60% เป็นอันดับ 1 ในหัวข้อ “บุคคลที่คนเหนือจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้”
- “ยังหาพรรคที่เหมาะสมไม่ได้ : สูงถึง 28.40% เป็นอันดับ 1 ในหัวข้อ “พรรคการเมืองที่คนเหนือจะสนับสนุนในวันนี้”
ตัวเลขนี้สะท้อนว่า ประชาชนชาวเหนือเกือบหนึ่งในสามยังคงอยู่ในภาวะ “รอการตัดสินใจ” นี่คือคะแนนแห่งความคาดหวังและไม่ลงรอยที่ใหญ่ที่สุดในสมรภูมิภาคเหนือ ซึ่งหมายความว่า การหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นไปอย่างดุเดือดเพื่อช่วงชิงคะแนนจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยังไม่ผูกพันกับพรรคใดเป็นพิเศษนี้
2. แชมป์เก่าอ่อนแรง? “เพื่อไทย” เจอโจทย์ยาก
ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทย คือแชมป์ สส. แบ่งเขตใน 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยกวาดไปได้ถึง 23 ที่นั่ง แต่เมื่อดูจากโพลปัจจุบัน คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยกลับลดลงมาอยู่ที่ 16.60% ซึ่งร่วงไปอยู่อันดับ 3
คำถามที่เกิดขึ้นคือ
ทำไมพรรคที่ครองแชมป์ในพื้นที่ถึงมีกระแสความนิยมในโพลต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ?
นี่อาจสะท้อนถึงการลดลงของกระแสความนิยมภาพรวม หรือความไม่พอใจของฐานเสียงเดิมบางส่วนต่อเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณารายชื่อบุคคลที่สนับสนุนให้เป็นนายกฯ ชื่อของแกนนำพรรคเพื่อไทยแต่ละคนมีคะแนนนิยมน้อยมาก และต่ำกว่าคะแนนนิยมของพรรคเสียอีก แสดงให้เห็นว่าในวันนี้ ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยยังขาด “แม่ทัพ” หรือ “บุคคลกระตุ้นกระแส” ที่โดดเด่นเทียบเท่าคู่แข่ง
3. พลังใหม่ยังแรง! พรรคประชาชนครองใจอันดับ 2
พรรคประชาชน (อดีตพรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้งปี 66 ที่ได้ 18 ที่นั่ง เป็นอันดับ 2) ยังคงรักษาความร้อนแรงไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีคะแนนนิยมในโพลอยู่อันดับ 2 ที่ 28.10% และคะแนนนิยมในตัว ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ก็มาเป็นอันดับ 2 ที่ 21.50%
นัยยะนี้บ่งชี้ว่า “กระแส” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว และกลุ่มผู้ที่ไม่ยึดติดกับนักการเมืองเก่า พรรคประชาชนได้สร้างกระแสที่แข็งแกร่งทั้งในมิติของนโยบายและบุคลิกภาพของผู้นำ จนสามารถกลายเป็นผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งได้อย่างเต็มตัว
4. การร่วงหล่นของพรรคใหญ่ และการขึ้นมาของพรรคกลาง
พรรคที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ พรรคพลังประชารัฐ ที่เคยได้ถึง 15 ที่นั่ง เป็นอันดับ 3 ในปี 66 แต่คะแนนนิยมในโพลเหลือเพียง 1.15% เป็นอันดับ 9 นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อกระแสที่พยุงพรรคในอดีตได้หายไป
ในขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทย แม้จะเคยได้ สส. แบ่งเขต 7 ที่นั่ง แต่คะแนนนิยมในโพลล่าสุดสูงถึง 10.40% เป็นอันดับ 4 และคะแนนนิยมในตัว อนุทิน ชาญวีรกูล สูงกว่าคะแนนพรรคเล็กน้อยที่ 13.90% นี่คือการส่งสัญญาณว่า พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสในการขยายฐานเสียงในพื้นที่ชนบทและสามารถช่วงชิง สส. เพิ่มได้ โดยใช้ความนิยมในตัวบุคคลเป็นตัวนำ
5. บทสรุป
ภาคเหนือไม่ได้เป็นฐานที่มั่นทางการเมืองของพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างเบ็ดเสร็จอีกต่อไปแล้ว การเลือกตั้งครั้งต่อไปจึงไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างพรรคใหญ่สองพรรค แต่เป็นการต่อสู้เพื่อช่วงชิง “คะแนนลอย” และการพิสูจน์ว่าพรรคใดจะสามารถสร้าง “กระแสและบุคคล” ที่น่าเชื่อถือพอที่จะก้าวเข้ามานำพาการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนกำลังมองหาอยู่
6. ภาคผนวก ข้อมูลเชิงสถิติ
6.1 ผลสำรวจนิด้าโพล กระแสการเมืองภาคเหนือ เผยแพร่วันที่ 9 พ.ย. 68
(1) บุคคลที่คนเหนือจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้
อันดับ 1 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 36.60 %
อันดับ 2 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) 21.50 %
อันดับ 3 อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) 13.90 %
อันดับ 4 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) 5.90 %
อันดับ 5 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) 4.15 %
อันดับ 6 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) 3.25 %
(2) พรรคการเมืองที่คนเหนือจะสนับสนุนในวันนี้
อันดับ 1 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 28.40 %
อันดับ 2 พรรคประชาชน 28.10 %
อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย 16.60 %
อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย 10.40 %
อันดับ 5 พรรคประชาธิปัตย์ 5.15 %
อันดับ 6 พรรครวมไทยสร้างชาติ 3.25 %
อันดับ 7 พรรคไทยสร้างไทย 2.90 %
อันดับ 8 พรรคเศรษฐกิจ 2.00 %
อันดับ 9 พรรคพลังประชารัฐ 1.15 %
(3) 5 อันดับพรรคที่ได้ สส. เขต มากที่สุดใน 17 จังหวัด ภาคเหนือ ในการเลือกตั้งปี 2566
อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย 23 สส.
อันดับ 2 พรรคก้าวไกล 18 สส.
อันดับ 3 พรรคพลังประชารัฐ 15 สส.
อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย 7 สส.
อันดับ 5 พรรครวมไทยสร้างชาติ 2 สส.
อ้างอิง :
