The Insight เจาะลึกผลโพล ของสวนดุสิตโพล เรื่อง “หัวอกประชาชนกับบัญชีม้า”
วิเคราะห์ผลโพล “หัวอกประชาชนกับบัญชีม้า” ของ “สวนดุสิตโพล ที่สะท้อนภาพความรู้สึกของสังคมไทยต่อปัญหา “บัญชีม้า” ทำการสำรวจวทางออนไลน์และภาคสนาม ระหว่างวันที่ 16-19 กันยายน 2568 เผยแพร่วันที่ 21 กันยายน 2568 โดยข้อมูลเชิงสถิติเผยให้เห็นถึงสภาวะ “ความกังวลสูง แต่ยังคงคาดหวัง” ของประชาชน ดังต่อไปนี้
หัวข้อที่ 1: ประชาชนกังวลหรือไม่ว่าบัญชีธนาคารของตนเองอาจถูกอายัดโดยไม่รู้ตัว
อันดับ 1 กังวลมาก 38.30 %
อันดับ 2 ค่อนข้างกังวล 36.57 %
อันดับ 3 ไม่กังวลเลย 25.13 %
ประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลว่าบัญชีธนาคารของตนเองอาจถูกอายัดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่อรวมกลุ่มผู้ที่ “กังวลมาก” (38.30%) และ “ค่อนข้างกังวล” (36.57%) จะพบว่ามีประชาชนสูงถึง 74.87% ที่รู้สึกไม่ปลอดภัย มีเพียงประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่ไม่กังวล
วิเคราะห์: ตัวเลขนี้สะท้อนว่าปัญหาบัญชีม้าได้กลายเป็น “ภัยใกล้ตัว” ที่สร้างผลกระทบทางจิตใจในวงกว้าง ไม่ใช่เรื่องเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป และได้บั่นทอนความรู้สึกมั่นคงทางการเงินของคนในสังคมอย่างมีนัยยะสำคัญ

หัวข้อที่ 2: หลังจากมีข่าวบัญชีม้า ประชาชนปรับพฤติกรรมทางการเงินของตนเองอย่างไร
อันดับ 1 ตรวจสอบธุรกรรมบ่อยขึ้น 57.89%
อันดับ 2 เลือกใช้บริการโอน/จ่ายผ่านช่องทางที่มั่นใจว่าปลอดภัย 41.94%
อันดับ 3 หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้บุคคลที่ไม่รู้จักหรือน่าสงสัย 37.95%
อันดับ 4 ถอนเงินสดมาเก็บไว้มากขึ้น 33.28%
อันดับ 5 กระจายเงินหลายบัญชี 22.18%
วิเคราะห์: เพื่อรับมือกับความกังวล ประชาชนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินของตนเองอย่างเห็นได้ชัด โดย 3 อันดับแรกล้วนเป็นการป้องกันตนเองด้วยพฤติกรรมเชิงรุก
ที่น่าสนใจคือ 33.28% เลือกที่จะ “ถอนเงินสดมาเก็บไว้มากขึ้น” แม้จะไม่ใช่คำตอบอันดับหนึ่ง แต่ก็เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัลได้ลดทอนลงสำหรับคนกลุ่มหนึ่ง จนพวกเขายอมกลับไปพึ่งพาสินทรัพย์ที่จับต้องได้อย่างเงินสดเพื่อความสบายใจ
หัวข้อที่ 3: ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อธนาคารและหน่วยงานรัฐในการปกป้องผู้บริสุทธิ์จากผลกระทบบัญชีม้ามากน้อยเพียงใด
อันดับ 1 เชื่อมั่น 61.87%
อันดับ 2 ไม่ค่อยเชื่อมั่น 38.13%
แม้จะมีความกังวลสูง แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงแสดงความเชื่อมั่นต่อกลไกที่มีอยู่ โดย 61.87% ระบุว่า “เชื่อมั่น” ต่อธนาคารและหน่วยงานรัฐในการปกป้องผู้บริสุทธิ์จากผลกระทบบัญชีม้า ขณะที่ 38.13% “ไม่ค่อยเชื่อมั่น”
วิเคราะห์: แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังมองว่าสถาบันเหล่านี้คือที่พึ่งหลักในการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่ไม่เชื่อมั่นซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 40% ถือเป็นตัวเลขที่สูงและเป็นความท้าทายที่หน่วยงานเหล่านี้ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา

หัวข้อที่ 4: จากข่าวบัญชีม้าในช่วงนี้ ประชาชนได้บทเรียนหรือข้อคิดอะไรบ้าง
อันดับ 1 ติดตามข่าวอย่างต่อเนื่องและตรวจสอบธุรกรรมของตนเองบ่อยขึ้น 66.98%
อันดับ 2 ระวังไม่หลงเชื่อคนแปลกหน้าที่ติดต่อมาขอใช้บัญชี 56.41%
อันดับ 3 ไม่ให้ใครยืมบัญชีหรือข้อมูลส่วนตัว 55.03%
อันดับ 4 ควรกระจายความเสี่ยง เช่น มีหลายบัญชี มีเงินสดส ารอง 35.44%
อันดับ 5 อยากให้ภาครัฐ/ธนาคารสื่อสารข้อมูลและขั้นตอนให้ชัดเจนกว่านี้ 32.67%
วิเคราะห์: ข่าวสารเกี่ยวกับบัญชีม้าได้สร้างการรับรู้และบทเรียนสำคัญให้กับประชาชน โดยบทเรียนอันดับสูงสุดสอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในหัวข้อที่ 2 (หลังจากมีข่าวบัญชีม้า ประชาชนปรับพฤติกรรมทางการเงินของตนเองอย่างไร)
ข้อคิดที่น่าสนใจคืออันดับที่ 5 ซึ่งมีผู้ตอบถึง 32.67% ที่อยากให้ภาครัฐและธนาคาร “สื่อสารข้อมูลและขั้นตอนให้ชัดเจนกว่านี้” นี่คือเสียงสะท้อนโดยตรงว่า มาตรการที่มีอยู่ยังขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนยังสับสนและต้องการแนวปฏิบัติที่เข้าใจง่าย
หัวข้อที่ 5: ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลอนุทิน ในการจะเข้ามาแก้ปัญหาบัญชีม้ามากน้อยเพียงใด
อันดับ 1 เชื่อมั่น 64.04 %
อันดับ 2 ไม่ค่อยเชื่อมั่น 35.96 %
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันในการแก้ปัญหาบัญชีม้า ผลปรากฏว่า 64.04 % ระบุว่า “เชื่อมั่น” ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานโดยรวมเล็กน้อย ขณะที่ 35.96 % “ไม่ค่อยเชื่อมั่น”
วิเคราะห์: ความเชื่อมั่นที่ค่อนข้างสูงนี้อาจสะท้อนถึง “ความคาดหวัง” ที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นทั้งแรงสนับสนุนและแรงกดดันให้รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อตอบสนองความเชื่อมั่นดังกล่าว

6. สรุปบทวิเคราะห์ผลโพลจากผู้เชี่ยวชาญ
6.1 มุมมองของ ดร.พรพรรณ บัวทอง (ประธานสวนดุสิตโพล)
ดร.พรพรรณ วิเคราะห์ว่าผลโพลสะท้อนให้เห็นถึง 2 สภาวะที่เกิดขึ้นพร้อมกันในหมู่ประชาชน คือ แม้จะมีความกังวลสูง แต่ประชาชนเลือกที่จะ “ปรับตัวเชิงรุก” ด้วยการตรวจสอบธุรกรรมและระมัดระวังมากขึ้น
ขณะเดียวกันก็ยังฝากความหวังไว้กับสถาบันการเงินและรัฐบาลอนุทิน ในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ตัวเลขความเชื่อมั่นที่ออกมาค่อนข้างสูงจึงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องจับตามองว่า รัฐบาลจะสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของประชาชนได้หรือไม่
6.2 มุมมองของ ผศ.อัญชลี รัตนะ (ผู้ช่วยคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง ม.สวนดุสิต)
ผศ.อัญชลี ให้ภาพใหญ่ว่า ปัญหาบัญชีม้าได้กลายเป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่แพร่หลายอย่างมากนับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เนื่องจากการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น อาจารย์เน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาจำเป็นต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ด้านหลัก คือ
ด้านกฎหมาย: ต้องปรับปรุงให้รัดกุมและทันสมัย
ด้านเทคโนโลยี: ภาครัฐต้องเพิ่มประสิทธิภาพระบบการตรวจสอบและติดตามให้รวดเร็วและแม่นยำ
ด้านการให้ความรู้: สร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เท่าทันกลโกงและตระหนักถึงผลทางกฎหมาย
โดยสรุปก็คือ ดร.พรพรรณ เน้นวิเคราะห์ที่ “สภาวะจิตใจ” ของประชาชนในปัจจุบันที่พยายามพึ่งพาตนเองพร้อมกับคาดหวังต่อภาครัฐ ขณะที่ ผศ.อัญชลี ชี้ไปที่ “แนวทางแก้ไขเชิงโครงสร้าง” ในระยะยาวที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อสร้างความปลอดภัยทางการเงินที่ยั่งยืน
ที่มา “สวนดุสิตโพล” เรื่อง “หัวอกประชาชนกับบัญชีม้า”


