สันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการเข้ากำกับดูแล สคบ. และปัจจุบันยังไม่มีการแต่งตั้งที่ปรึกษา ย้ำพร้อมทำงานเพื่อผลประโยชน์ประชาชนและประเทศ
ตามที่ปรากฏข่าวและความเห็นของ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในประเด็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นั้น รัฐมนตรีสันติขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชน
1. สันติ ปิยะทัต ยืนยัน โปร่งใส ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำตามกฎหมายครบถ้วน
รัฐมนตรีสันติขอยืนยันว่า การเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและ
การกำกับดูแล สคบ. เป็นไปตามหลักการที่ถูกต้องและโปร่งใส โดยมีประเด็นชี้แจงดังต่อไปนี้
– ลาออกและขายหุ้นตามระเบียบก่อนรับตำแหน่ง
รัฐมนตรีสันติชี้แจงว่า ตนเองได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในบริษัทอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2565 และจากคณะกรรมการบริหารของบริษัทในปี 2567
โดยได้ดำเนินการขายหุ้นของบริษัทที่เหลืออยู่จำนวนไม่มากทั้งหมดก่อนเข้ารับตำแหน่งตามระเบียบของทางราชการทุกประการ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างบริสุทธิ์และปราศจากข้อครหา ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดก่อนรับตำแหน่ง และไม่ได้ประกอบธุรกิจลิสซิ่งแต่อย่างใด
– การกำกับดูแล สคบ. และหน่วยงานที่กำกับดูแล ยืนยันไม่มีปัญหาใด ๆ
ในเรื่องการกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) รวมถึงหน่วยงานที่กำกับดูแล ไม่มีปัญหาความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ใด ๆ และได้ทราบข้อมูลจากทางสคบ.ว่า ปัจจุบันไม่มีเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด
พร้อมยืนยันว่า รัฐมนตรีไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของ สคบ.ได้ เนื่องจากมีกรอบข้อกำหนดของการดำเนินงาน และมีคณะกรรมการกลั่นกรอง ตรวจสอบในทุกขั้นตอน จากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถและเป็นบุคคลภายนอก
รัฐมนตรีสันติกล่าวเพิ่มว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาแต่อย่างใด ขอยืนยันว่าในการแต่งตั้งที่ปรึกษาจะไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างแน่นอน
“ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า การคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้ามาช่วยในการทำงานของรัฐบาลจะคำนึงถึงความเหมาะสม ความสามารถ และจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นสำคัญ”

2. บริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีปรากฏข่าวกล่าวพาดพิงในสื่อ
ตามที่มีสื่อหลายสำนักรายงานข่าว โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย มีการกล่าวถึงนายสันติ ปิยะทัต ว่า อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
และได้พาดพิงถึงบริษัท เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ว่า “มีเรื่องถูกร้องเรียน และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ดำเนินคดีแพ่ง (ฟ้องคดี) กับบริษัท เค.ซี.ฯ ต่อศาลหลายคดี เพื่อบังคับให้บริษัทฯ รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค” นั้น
บริษัทฯ ขอชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าว ไม่เป็นความจริง และบริษัทฯ ขอยืนยันว่า ในปัจจุบัน บริษัทฯ ไม่มีเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภคต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตามที่นายจิรายุฯ กล่าวถึงแต่อย่างใด ทั้งนี้บริษัทฯ ขอยืนยันว่า นายสันติ ปิยะทัต ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการบริหารงานหรือการดำเนินงานของบริษัทฯ แล้ว
– โดยได้ลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565
– ได้ลาออกจากตำแหน่ง กรรมการบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2567
ซึ่งภายหลังจากนั้น บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง กรรมการผู้จัดการ เพื่อบริหารงานแทนต่อเนื่องผ่านมาแล้วจำนวน 3 ท่านคดีความสำคัญต่างๆ บริษัทฯ ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างถูกต้อง และได้รายงานความคืบหน้าให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนักลงทุนทราบ ผ่านงบการเงินรายไตรมาสและคำอธิบายและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานจากฝ่ายจัดการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอให้ผู้ลงทุนติดตามข่าวสารจากช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ ที่เว็บไซต์ www.kcproperty.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเลขานุการบริษัท โทร. 0-2276-5924 ต่อ 129
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย โปรดตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลจากแหล่งที่ไม่มีอ้างอิง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อหน่วยงานหรือบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ ขอเน้นย้ำว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วย ความโปร่งใส เป็นธรรม และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ตลอดจนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างเคร่งครัด บริษัทฯ ยืนยันความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่าง มืออาชีพ โปร่งใส และรับผิดชอบต่อผู้บริโภค นักลงทุน และสังคมโดยรวม
3. โฆษกประจำสำนักนายกฯ ยัน รัฐมนตรีทุกคนผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วน
จากกรณีที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เคยเป็นกรรมการบริหารบริษัทเอกชน และมีผู้ร้องเรียนในหลายคดี จึงอาจถูกมองว่าไม่เหมาะสมที่จะมากำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) นั้น
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่าเรื่องนี้ถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย หากเห็นว่ามีข้อสงสัยก็สามารถดำเนินการได้ แต่ยืนยันก่อนแต่งตั้งรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้ตรวจสอบคุณสมบัติของทุกคนครบถ้วนแล้ว

