ถอดรหัสภาวะชะงักงันเศรษฐกิจดิจิทัลไทย วิเคราะห์ช่องว่างเชิงนโยบาย เทียบเคียงสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และแนวทางพลิกเกมการแข่งขัน
เมื่อนำภาพของไทยมาวางเทียบกับ 4 Playbooks นี้ (ตอนที่ 1 สัญญาณเตือนภัย! เศรษฐกิจดิจิทัลไทยในสนามแข่ง APAC: เมื่อ ‘การย่ำอยู่กับที่’ คือการ ‘ถอยหลัง’) จะเห็นได้ว่าปัญหาของไทยไม่ได้อยู่ที่การขาดแคลนศักยภาพ แต่คือ “ช่องว่างเชิงนโยบาย” ที่มีขนาดใหญ่มาก ในขณะที่ผู้ประกอบการไทยกำลังร้องขอ “มาตรการช่วยเหลือ” ทางการคลัง คู่แข่งของเรากำลังสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานเชิงนโยบาย” (Policy Infrastructure) ที่ซับซ้อนและทรงพลังกว่ามาก:
- TeSA ของสิงคโปร์ คือ โครงสร้างพื้นฐานด้านบุคลากร
- Malaysia Digital ของมาเลเซีย คือ โครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดทุนและบุคลากร
- ความร่วมมือ GoTo-TikTok ของอินโดนีเซีย คือ โครงสร้างพื้นฐานระบบนิเวศสำหรับ SMEs
ความไม่สมมาตรของความทะเยอทะยานเชิงนโยบายนี่เอง คือสาเหตุหลักที่ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยกำลังถดถอย แม้อันดับโลกจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนักก็ตาม

ทางออกเชิงยุทธศาสตร์: 3 ภารกิจพลิกเกมเศรษฐกิจดิจิทัลไทย
เพื่อก้าวข้ามภาวะชะงักงันและกลับเข้าสู่สนามแข่งขันอย่างสมศักดิ์ศรี ประเทศไทยจำเป็นต้องยกระดับ “ความคาดหวัง” และ “การลงมือทำ” จากโหมดเอาตัวรอดไปสู่โหมดเติบโตเชิงรุก โดยมี 3 ภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที โดยถอดบทเรียนจากความสำเร็จของประเทศเพื่อนบ้าน:
1. ภารกิจที่ 1: สร้าง “Thai Tech Accelerator (TTA)”
ถึงเวลาแล้วที่ต้องปฏิรูป “แผนการพัฒนาทักษะดิจิทัลสำหรับคนไทย” ให้กลายเป็นโครงการระดับชาติที่มีพลวัตและขับเคลื่อนโดยอุปสงค์ของตลาดอย่างแท้จริง โดยถอดแบบความสำเร็จของ TeSA ในสิงคโปร์ โครงการ TTA ควรเป็นความร่วมมือไตรภาคีที่รัฐอุดหนุนให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำเป็นผู้สร้างและฝึกอบรมบุคลากรในตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการโดยตรง พร้อมสร้างเส้นทางการเปลี่ยนสายอาชีพที่ชัดเจนสำหรับคนวัยทำงาน
2. ภารกิจที่ 2: ใช้ยุทธศาสตร์ผสมผสานเพื่อ SMEs
เราต้องใช้แนวทางแบบสองระดับ โดยเรียนรู้จากทั้งเวียดนามและอินโดนีเซีย ระดับแรก คือการลดอุปสรรคเริ่มต้น (Entry Barrier) ตามแบบเวียดนาม โดยภาครัฐอาจร่วมมือกับผู้ให้บริการในประเทศสร้าง “Digital Starter Kits” ที่มีราคาอุดหนุนสำหรับ SMEs
ระดับที่สอง คือการสร้างการเติบโตในระยะยาวตามแบบอินโดนีเซีย โดยรัฐสามารถออกมาตรการจูงใจทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ของไทยสร้างโครงการผนวกรวม SMEs เข้าสู่ระบบนิเวศของตน
3. ภารกิจที่ 3: เปิดตัว “Thailand Digital Plus (TD+)”
เพื่อดึงดูดการลงทุนและบุคลากรระดับโลก เราต้องสร้างข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจและแข่งขันได้เหมือน Malaysia Digital (MD) โครงการ TD+ ควรมีสององค์ประกอบหลัก คือ (1) มาตรการจูงใจทางภาษีรูปแบบใหม่ ที่โปร่งใสและอิงตามผลลัพธ์ที่สร้างขึ้น และ (2) ระบบวีซ่า “Foreign Digital Expert (FDE)” ที่รวดเร็วและไร้รอยต่อ เพื่อส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับบุคลากรชั้นนำจากทั่วโลก
บทสรุปสำหรับผู้กำหนดนโยบายและผู้นำธุรกิจ
ดัชนีความเชื่อมั่นที่ติดลบไม่ใช่คำพิพากษา แต่เป็นเสียงปลุกให้ตื่นจากภาวะหลับใหล ความท้าทายที่ประเทศไทยเผชิญอยู่นั้นใหญ่หลวง แต่ทางออกก็มีอยู่จริงและได้รับการพิสูจน์แล้วจากคู่แข่งของเราในสนามเดียวกัน คำถามสำคัญในวันนี้ไม่ใช่ “เราควรทำอะไร” แต่คือ “เรามีความกล้าหาญทางการเมืองและความมุ่งมั่นที่จะลงมือทำอย่างจริงจังแล้วหรือยัง”
การเปลี่ยนผ่านจาก “โหมดเอาตัวรอด” ที่ร้องขอการเยียวยา ไปสู่ “โหมดเติบโตเชิงยุทธศาสตร์” ที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน คือทางรอดเดียวของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยในสนามแข่งที่ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่
อ้างอิง : ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital Industry Sentiment Index) ประจำไตรมาส 3/2568

