ผลสำรวจนิด้าโพลชี้ ชาวเหนือยังไม่เทใจให้ใคร ขณะที่ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และพรรคประชาชน มีคะแนนนิยมเป็นอันดับดีที่สุด สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของพรรคประชาชน ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญในสมรภูมิเลือกตั้งครั้งใหม่
ผลสำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคเหนือ” ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนในภาคเหนือจำนวน 2,000 ตัวอย่าง เผยให้เห็นถึงภาพความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่สำคัญนี้ได้อย่างน่าสนใจ โดยชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์สำคัญ 2 ด้าน คือ การยังไม่พบ “ผู้นำ” ที่โดดเด่น และการตอกย้ำให้ความนิยมของ “พรรคประชาชน” ทั้งในส่วนของพรรคและตัวบุคคล
ส่วนที่ 1: การสนับสนุนนายกรัฐมนตรี
คำถามเกี่ยวกับการสนับสนุนบุคคลให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ได้เผยให้เห็นถึงความรู้สึกของประชาชนที่กำลังอยู่ในช่วงแสวงหาผู้นำที่แท้จริง
อันดับ 1 (36.60%): ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้
สัดส่วนที่สูงที่สุดนี้สะท้อนว่า แม้จะมีตัวเลือกมากมายในวงการเมือง แต่ยังไม่มีบุคคลใดสามารถสร้างความเชื่อมั่น หรือตอบโจทย์ความต้องการของคนเหนือได้ชัดเจนพอ ทำให้เกิด “ช่องว่างของความคาดหวัง”
อันดับ 2 (21.50%): ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน)
การที่ชื่อของณัฐพงษ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคประชาชน บ่งชี้ว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงและพลังใหม่ ๆ ได้รับการตอบรับอย่างมากในภาคเหนือ
อันดับ 3 (13.90%): อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย)
สะท้อนว่าอิทธิพลของพรรคภูมิใจไทยและการทำงานในพื้นที่ยังคงมีฐานสนับสนุนที่เหนียวแน่นพอสมควร
อันดับอื่น ๆ: นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (5.90%, พรรคประชาธิปัตย์) และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (4.15%, พรรคไทยสร้างไทย) ยังคงมีฐานคะแนนที่มั่นคง ขณะที่ตัวแทนพรรคเพื่อไทย “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ได้ 3.25% อยู่อันดับที่ 6
ซึ่งในกรณีที่ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแชมป์ในพื้นที่ภาคเหนือในการเลือกตั้งปี 2566 ก็อาจจะเป็นเพราะ 2 ปัจจัยสำคัญ 1. กระแสความนิยมในพื้นที่ตก 2. ทางพรรคยังไม่มีการส่งสัญญาณชูใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ หมายเลข 1 อย่างชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ส่วนที่ 2: การสนับสนุนพรรคการเมือง
ผลการสำรวจการสนับสนุนพรรคการเมืองมีความเข้มข้นใกล้เคียงกัน ระหว่างการเลือกพรรคที่ใช่กับพรรคโดดเด่น
อันดับ 1 (28.40%): ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้
เช่นเดียวกับผลโหวตนายกรัฐมนตรี ประชาชนจำนวนมากยังคง “เฝ้ารอ” หรือ “เลือกพรรคแบบมีเงื่อนไข” ที่จะตอบโจทย์ปัญหาของพื้นที่ได้จริง
อันดับ 2 (28.10%): พรรคประชาชน
คะแนนสนับสนุนพรรคประชาชนนั้นสูสีมาก กับอันดับ 1 และแซงพรรคเพื่อไทยอย่างทิ้งห่างขึ้นมาเป็นที่ 2 ได้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ตอกย้ำถึง กระแสความนิยมที่พุ่งสูง ของพรรคนี้ในภาคเหนือ และเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเมืองในพื้นที่
อันดับ 3 (16.60%): พรรคเพื่อไทย
แม้ว่าเคยเป็น “แลนด์สไลด์” ในพื้นที่ภาคเหนือ การที่ถูกพรรคประชาชนแซงหน้า แสดงให้เห็นว่าฐานเสียงเดิมมีความ “ยืดหยุ่น” และอาจมีการย้ายฐานสนับสนุนไปยังพรรคที่มีความชัดเจนด้านนโยบายหรืออุดมการณ์
อันดับ 4 (10.40%): พรรคภูมิใจไทย
เป็นอีกพรรคที่ยังคงมีฐานเสียงที่สำคัญในภูมิภาคนี้

ส่วนที่ 3 บทสรุปเชิงวิเคราะห์
ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่า การเมืองในภาคเหนือไม่ได้ผูกขาดอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่งอีกต่อไป แต่กำลังเข้าสู่ยุคของการแข่งขันสูง และเน้นคุณภาพ
1. ความสำคัญของการตลาดการเมือง
การที่ผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 1 ใน 3 (28.40% สำหรับพรรค, 36.60% สำหรับนายกฯ) ยังไม่สามารถเลือกใคร / พรรคใดได้ ชี้ให้เห็นว่า พรรคการเมืองทุกพรรคมีโอกาส ที่จะช่วงชิงคะแนนเสียงที่ยัง “ลอยตัว” อยู่ ด้วยการนำเสนอนโยบายที่จับต้องได้และผู้นำที่น่าเชื่อถือ
2. พลังของกระแสใหม่
การพุ่งขึ้นของ “พรรคประชาชน” ในอันดับ 2 ทั้งในส่วนของตัวบุคคล (นายณัฐพงษ์) และพรรค สะท้อนว่าประชาชนในภาคเหนือมีความต้องการ “ทางเลือกใหม่” อย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาวและผู้ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง
3. ความท้าทายของพรรคการเมืองหลัก
พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองที่มีฐานเสียงเดิมต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ เพื่อดึงฐานเสียงกลับคืนมาและนำเสนอความชัดเจนใหม่ ๆ เพื่อสู้กับกระแสความนิยมที่กำลังมาแรง
กล่าวโดยสรุป ภาคเหนือกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ที่ผลักดันโดยความไม่พอใจในตัวเลือกที่มีอยู่เดิม และการเปิดรับต่อพลังทางการเมืองใหม่ ที่เสนอแนวทางที่แตกต่าง

