“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ให้สัมภาษณ์กับ TIME สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลก ถึงแนวทางของ “พรรคประชาชน” และความหวังในการได้บริหารประเทศ หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
บนเวทีการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยความผันผวน “พรรคประชาชน” หรือ “อดีตพรรคอนาคตใหม่” และ “ก้าวไกล” กำลังเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 3 นี่คือเดิมพันครั้งสำคัญ ที่ไม่ใช่แค่เพื่อชัยชนะ แต่เพื่อพิสูจน์ว่าขบวนการทางการเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ของคนรุ่นใหม่ จะสามารถฝ่าด่านอำนาจเก่าและก้าวขึ้นมาบริหารประเทศได้จริงหรือไม่ ภายใต้การนำของ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน
“วิสัยทัศน์ของเราคือการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ปัญหาหลักยังคงเหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราต้องนำประชาธิปไตยเต็มใบกลับคืนสู่ประเทศ” ณัฐพงษ์กล่าว
แต่เส้นทางสู่เป้าหมายนั้นไม่ง่าย พรรคถูกยุบมาแล้วถึง 2 ครั้ง และแม้จะชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุดในปี 2566 ก็ยังถูกสกัดกั้นไม่ให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
ผู้นำแบบ “เทคโนแครต” ท่ามกลางวิกฤตการเมือง
หลังจาก “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกฯ “พรรคประชาชน” ตัดสินใจเลือกทางที่หลายคนไม่คาดคิด คือการสนับสนุน “อนุทิน ชาญวีรกูล” ขึ้นเป็นนายกฯ แลกกับการยุบสภา (ภายใน 4 เดือน) และจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ “ณัฐพงษ์” กล่าวว่า “เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากกว่าความนิยมของพรรค”
ภาพลักษณ์ของ “ณัฐพงษ์” แตกต่างจากผู้นำคนก่อนๆ อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อย่างสิ้นเชิง นักวิชาการอย่าง “ณพล จาตุศรีพิทักษ์” มองว่าความนิยมของพรรคก้าวไกลส่วนหนึ่งมาจาก “แฟนด้อม” ของผู้นำที่เป็นเหมือนดารา ขณะที่ณัฐพงษ์มีภาวะผู้นำแบบ “เทคโนแครต” ที่สุขุมเยือกเย็นกว่า
แต่ในมุมของ “ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์” ท่าทีที่นุ่มนวลอาจเป็นข้อดีที่ช่วยให้เขาไม่กลายเป็น “สายล่อฟ้า” ของกลุ่มอำนาจเก่า และยกย่องว่า “คนนี้ของจริง” ด้วยความสามารถในการทำงานเชิงนโยบายและการสื่อสารที่เฉียบคม
โจทย์ใหญ่: เมื่อ “ทักษิณ” ไม่ใช่คู่ต่อสู้หลัก
ภูมิทัศน์การเมืองเปลี่ยนไปอย่างมากหลังการกลับมาของ “ทักษิณ ชินวัตร” การที่ “พรรคเพื่อไทย” หันไปจับมือกับขั้วอนุรักษ์นิยม ทำให้พรรคประชาชนกลายเป็นพรรคที่ชูธงต่อต้านอำนาจเก่าเพียงหนึ่งเดียว
“ณัฐพงษ์” เชื่อว่าพรรคจะสามารถดึงคะแนนจากความไม่พอใจต่อผลงานของรัฐบาลเพื่อไทยได้ นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ฮุน เซน” ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เขากลับเห็นว่า “ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาในขณะนี้เป็นปัญหาระหว่างสองครอบครัวใหญ่ เราต้องกลับไปสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐต่อรัฐ”
ตั้งเป้า ได้จำนวน สส. จนเป็นเสียงข้างมากในสภา
“พรรคประชาชน” ตั้งเป้าหมายใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า คือการคว้าชัยชนะในกว่า 100 เขตที่เคยได้อันดับสอง เพื่อให้ได้เสียงข้างมากในสภาอย่างเด็ดขาด กลยุทธ์หลักยังคงเป็นการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างแคมเปญรากหญ้าที่แข็งแกร่ง และยืนหยัดบนอุดมการณ์ที่ทำให้ ส.ส. ของพรรคยังคงเหนียวแน่น แม้จะถูกยุบพรรคมาแล้วก็ตาม
เมื่อถูกถามถึงอนาคตของตัวเองว่าจะรอดพ้นจากชะตากรรมเดียวกับผู้นำคนก่อนๆ หรือไม่ “ณัฐพงษ์” ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมบอกไม่ได้ แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด เราต้องการการปฏิรูปทางการเมืองที่ทำให้องค์กรอิสระต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อคนเพียงไม่กี่คน”
นี่คือภารกิจที่หนักอึ้งของ “ณัฐพงษ์” และ “พรรคประชาชน” ที่ต้องทำให้คนไทยเชื่อมั่นว่าพวกเขา “พร้อมที่จะบริหารประเทศ” จริงๆ
ที่มา TIME : Thailand’s Opposition Leader Natthaphong Ruengpanyawut Is ‘Ready to Run the Country’

