“สามารถ” ฟันธง! ทางด่วนงามวงศ์วาน “บนดิน” ไม่ได้เกิดแน่ ชี้ผลเสียมหาศาล เบียดบังผิวจราจร-เสี่ยงอุบัติเหตุในอุโมงค์ แนะเดินหน้า “รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล” คือคำตอบสุดท้าย
โครงการทางด่วนขั้นที่ 3 กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มีมติให้ใช้แนวเส้นทาง “สะพานพงษ์เพชร-ถนนงามวงศ์วาน-อุโมงค์เกษตร” ทำให้ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาวิเคราะห์เจาะลึกถึงความเป็นไปได้และผลกระทบของโครงการนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
1. ย้อนรอย 40 ปีแห่งความล่าช้า
ดร.สามารถ เล่าถึงที่มาว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ศึกษาโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2528 เพื่อแก้ปัญหาจราจรแนวตะวันตก-ตะวันออก ตั้งแต่รัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน-ประเสริฐมนูกิจ โดยเดิมตั้งใจสร้างเป็น “ทางด่วนยกระดับตลอดสาย”
แม้รัฐบาลในอดีตจะจัดลำดับความสำคัญไว้ท้ายๆ แต่ กทพ. ก็ได้สร้างตอม่อรอไว้พร้อมกับถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์) ตั้งแต่ปี 2539-2541 เพื่อป้องกันปัญหาการขุดเจาะถนนในภายหลัง ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน
2. แผน “ใต้ดิน” พับเก็บ…
ช่วงปี 2565-2567 กทพ. พยายามปรับแบบเป็น “ทางด่วนใต้ดิน” เพื่อลดแรงต้านจาก ม.เกษตรศาสตร์ แต่ท้ายที่สุด ปลายปี 2567 โครงการถูกระงับเพราะ “ไม่คุ้มทุน” เนื่องจากค่าก่อสร้างแพงกว่าแบบลอยฟ้ามาก
ในประเด็นนี้ ดร.สามารถ มองว่าเป็น “ข่าวดี” เพราะอุโมงค์ที่ลึกถึง 48.5 เมตร (เท่าตึก 16 ชั้น) และเป็นอุโมงค์ 2 ชั้น มีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งเรื่องอากาศเสีย ไฟไหม้ น้ำท่วม และความยากลำบากในการอพยพผู้ป่วย เด็ก หรือคนชรา หากเกิดเหตุฉุกเฉิน

3. แนวคิดใหม่ “ทางด่วนบนดิน”: หายนะจราจร
เมื่อลอยฟ้าไม่ได้และใต้ดินก็ไม่ผ่าน กทพ. จึงเสนอแนวคิดล่าสุดคือ “ทางด่วนระดับดิน” ช่วงแยกพงษ์เพชร-แยกเกษตร โดยจะใช้ผิวจราจรเดิมของถนนงามวงศ์วาน 4 ช่องจราจร (จาก 8 ช่อง) รวมถึงยึดสะพานพงษ์เพชรและอุโมงค์เกษตรไปทำทางด่วน ซึ่งดร.สามารถ วิจารณ์แนวคิดนี้อย่างตรงไปตรงมาว่า:
– งามวงศ์วานจะเป็นอัมพาต: เมื่อผิวจราจรหายไปครึ่งหนึ่ง รถที่ติดอยู่แล้วจะติดหนักขั้นสาหัส ทั้งรถส่วนตัวและรถเมล์กว่า 10 สาย
– รังแกประชาชน: เป็นการบังคับให้ประชาชนที่ต้องเผชิญรถติดอย่างหนัก จ่ายเงินเพื่อขึ้นทางด่วนหนีรถติด ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกทำแบบนี้
4. อันตรายใน “อุโมงค์เกษตร”
ดร.สามารถ ชี้ให้เห็นจุดเสี่ยงสำคัญคือการนำ “อุโมงค์เกษตร” มาใช้เป็นทางด่วน เพราะอุโมงค์นี้ถูกออกแบบเป็นทางลอดความเร็วต่ำ-ปานกลาง ไม่รองรับรถวิ่งเร็ว 80-100 กม./ชม. รัศมีโค้งที่แคบมากจะเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งการชนท้าย รถเสียหลักหลุดโค้ง หรือพลิกคว่ำ
5. ทางออกที่แท้จริงคือ “รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล”
ดร.สามารถ เสนอว่า หากต้องการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน รัฐบาลควรเร่งเดินหน้า “รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล” (แคราย-ลำสาลี) ระยะทาง 22 กม. ซึ่งท่านเคยเสนอไว้ตั้งแต่ปี 2556 สมัยเป็น ส.ส. และได้รับการบรรจุในแผนแม่บทแล้ว เพราะรถไฟฟ้าปลอดภัยกว่า เป็นคำตอบที่ถูกต้องกว่า และไม่เบียดเบียนผิวจราจรของประชาชน

6. ฟันธง “ไม่ได้สร้าง”
ดร.สามารถ ทิ้งท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่า จะไม่มีนักการเมืองคนไหนกล้าสั่งลุยโครงการทางด่วนบนดินรูปแบบนี้แน่นอน เพราะผลเสียมีมากกว่าผลดี และจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมหาศาล

