วิเคราะห์ผลสำรวจนิด้าโพล เรื่อง “ประชาธิปัตย์ ผลัดใบอีกแล้ว” ส่วนใหญ่อยากให้ “อภิสิทธิ์” เป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ ในจังหวะผลัดใบ
จากผลสำรวจของ “นิด้าโพล” เรื่อง “ประชาธิปัตย์ ผลัดใบอีกแล้ว” ทำการสำรวจระหว่างวันที่15-16 กันยายน 2568 เผยแพร่ผลสำรวจ 21 กันยายน ในหัวข้อ ท่านคิดว่าใครควรเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกต้ังครั้งหน้า ผลออกมาดังนี้
1. ผลสำรวจ ท่านคิดว่าใครควรเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกต้ังคร้ังหน้า
อันดับ 1 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 32 % (เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 43.84 % / เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 39.52 % / ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ 24.81 %)
อันดับ 2 ชวน หลีกภัย 18.09 % (เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 29.56 % / เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 21.83 % / ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์11.86 %)
อันดับ 3 ใครก็ได้ในพรรคประชาธิปัตย์ 9.24 % (เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 4.93 % / เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 6.33 % / ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ 12.63 %)
อันดับ 4 สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 8.17 % (เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 4.93 % / เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 8.96 % / ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ 8.63 %)
อันดับ 5 กรณ์ จาติกวณิช 4.20 % (เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 2.96 % / เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 5.68 % / ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ 3.54 %)
อันดับ 6 วทันยา บุนนาค 2.82 % (เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 2.45 % / เคยเลือกรวมถึงในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 2.40 % / ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ 3.24 %)
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ยังคงเป็นบุคคลที่ประชาชนอยากให้กลับมาเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุดด้วยคะแนนทิ้งห่างที่ 32.90% โดยมีแรงหนุนสำคัญจากฐานเสียงเก่าและกลุ่มผู้เคยเลือกพรรค แต่เปลี่ยนใจในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
“อภิสิทธิ์” ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลือกอันดับหนึ่งในภาพรวมเท่านั้น แต่เมื่อเจาะลึกไปที่กลุ่มผู้มีประสบการณ์เลือกตั้งกับพรรคประชาธิปัตย์ จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
1.1. กลุ่มผู้ที่เคยเลือกประชาธิปัตย์ (แต่ไม่ได้เลือกในครั้งล่าสุด)
“อภิสิทธิ์” คือความหวังสูงสุดของคนกลุ่มนี้ด้วยคะแนนถึง 39.52% นี่คือสัญญาณว่า “อภิสิทธิ์” คือ “สะพานเชื่อม” ที่มีศักยภาพที่สุดในการดึงคะแนนเสียงที่เคยเสียไปให้กลับคืนมา
1.2. กลุ่มผู้ที่ยังเลือกประชาธิปัตย์ (ในการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66)
ฐานเสียงปัจจุบันยังคงให้การสนับสนุน “อภิสิทธิ์” อย่างท่วมท้นที่ 43.84% แสดงให้เห็นว่า กลุ่มแฟนพันธุ์แท้ของพรรคยังคงเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าคนอื่น
1.3. กลุ่มที่ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์เลย
แม้คะแนนจะลดลงมาอยู่ที่ 24.81% แต่ก็ยังสูงเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าการขยายฐานเสียงไปยังกลุ่มใหม่ๆ ยังคงเป็นความท้าทายที่สูง
ในขณะที่ “ชวน หลีกภัย” ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 18.09% โดยมีฐานเสียงแข็งแกร่งในกลุ่มผู้ที่ยังเลือกพรรคอยู่ (29.56%) แต่สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือคนนอกฐานเสียงเดิมอาจมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของ “การเมืองยุคเก่า” มากกว่า
1.4. คนรุ่นใหม่ยังไม่แจ้งเกิดในใจประชาชน
เป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มบุคคลที่ถูกมองว่าเป็น “เลือดใหม่” หรือตัวแทนของคนรุ่นใหม่ กลับยังไม่สามารถสร้างความนิยมในวงกว้างได้
– ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้รับความนิยม 8.17%
– วทันยา บุนนาค ได้รับความนิยม 2.82%
ตัวเลขนี้สะท้อนว่า แม้พรรคจะพยายามผลักดันคนรุ่นใหม่ แต่ในสายตาประชาชนทั่วไป “แบรนด์” ของบุคคลเหล่านี้ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคได้ เมื่อเทียบกับนักการเมืองอาวุโส

2. ผลสำรวจ หากพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเลือกผู้นำพรรคตามที่ท่านต้องการ ท่านมีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
อันดับที่ 1ไม่แน่ใจ 37.58 %
อันดับที่ 2 เลือกแน่นอน 35.75 %
อันดับที่ 3 ไม่เลือกแน่นอน 26.67 %
อย่างไรก็ตาม โจทย์ที่ใหญ่กว่าการเลือกหัวหน้าพรรคคือ วิกฤตศรัทธา ต่อตัวพรรคเอง แม้จะได้ผู้นำที่ประชาชนต้องการ แต่คนส่วนใหญ่ถึง 37.58% ยังไม่แน่ใจว่า จะกลับมาเลือกพรรคหรือไม่ และอีก
26.67% ยืนยันว่าไม่เลือกแน่นอน นี่คือโจทย์หินที่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนตัวผู้นำอาจไม่ใช่ “กระสุนนัดเดียว” ที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดได้
2.1. โจทย์ใหญ่ของประชาธิปัตย์: หัวหน้าคนใหม่จะเรียกศรัทธาคืนได้จริงหรือ?
นี่คือส่วนที่น่ากังวลที่สุดสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ข้อมูลในตารางที่ 2 ชี้ให้เห็นว่าปัญหาของพรรคไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลเพียงอย่างเดียว
- มีเพียง 35.75% ที่ตอบว่า “เลือกแน่นอน” หากพรรคได้ผู้นำตามที่พวกเขาต้องการ
- คนกลุ่มใหญ่ที่สุดคือ 37.58% ตอบว่า “ไม่แน่ใจ” กลุ่มนี้คือกลุ่มชี้วัดอนาคตของพรรค พวกเขาอาจจะชอบตัวผู้นำ แต่ยังคงลังเลและไม่เชื่อมั่นในทิศทาง นโยบาย หรือความเป็นเอกภาพของพรรค
- อีก 26.67% ตอบว่า “ไม่เลือกแน่นอน” ซึ่งเป็นฐานเสียงที่แข็งแกร่งและยากที่จะเปลี่ยนใจได้
ข้อมูลส่วนนี้ตีความได้ว่า “แบรนด์ของพรรคประชาธิปัตย์” กำลังอยู่ในภาวะอ่อนแอ ประชาชนแยก “ความนิยมในตัวบุคคล” ออกจาก “ความเชื่อมั่นในพรรค” การได้หัวหน้าพรรคที่ได้รับความนิยมจึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่ยังไม่รับประกันว่าจะได้รับความไว้วางใจให้กลับมาเป็นรัฐบาล

3. ภาพรวมฐานประชากรศาสตร์: ความท้าทายในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่และคนอีสาน
จากข้อมูลลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง แม้ไม่ได้เป็นการวิเคราะห์แบบไขว้ (Crosstab) กับตัวเลือกผู้นำ แต่ก็ให้ภาพกว้างที่น่าสนใจ
3.1. ภูมิภาค
กรุงเทพฯ จำนวน 112 คน / 8.55 %
ภาคกลาง จำนวน 245 คน / 18.70 %
ภาคเหนือ จำนวน 233 คน / 17.79 %
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 436 คน / 33.28 %
ภาคใต้ จำนวน 181 คน / 13.82 %
ภาคตะวันออก จำนวน 103 คน / 7.86 %
รวม 1,310 คน
กลุ่มตัวอย่างมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด (33.28%) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ “พรรคประชาธิปัตย์” ต้องเผชิญการแข่งขันสูง การสร้างความนิยมในพื้นที่นี้จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญ
3.2. อายุ
18-25 ปี จำนวน 159 คน / 12.13 %
26-35 ปี จำนวน 233 คน / 17.79 %
36-45 ปี จำนวน 235 คน / 17.94 %
46-59 ปี จำนวน 345 คน / 26.34 %
60 ปีขึ้นไป จำนวน 338 คน / 25.80 %
กลุ่มตัวอย่างอายุ 46 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนรวมกันเกินครึ่ง (52.14%) การที่ผู้นำที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงการเมืองมานาน อาจสะท้อนถึงความท้าทายในการสื่อสารและสร้างความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ (อายุ 18-35 ปี ซึ่งมีสัดส่วนรวมกัน 29.92%)
4. ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์
4.1. การเลือกผู้นำคือบันไดขั้นแรก
ข้อมูลชี้ชัดว่า “อภิสิทธิ์” คือตัวเลือกที่มีศักยภาพสูงสุดในการ “เรียกคืนฐานเสียงเก่า” และ “รวมใจคนในพรรค” ที่ยังคงภักดีอยู่ การเลือก “อภิสิทธิ์” อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในระยะสั้นเพื่อหยุดยั้งการเสียคะแนนนิยมไปมากกว่านี้
4.2 ฟื้นฟูแบรนด์พรรคคือภารกิจเร่งด่วน
พรรคต้องตอบคำถามของคนกลุ่มใหญ่ที่ “ไม่แน่ใจ” ให้ได้ การเปลี่ยนแค่ตัวผู้นำไม่เพียงพอ แต่ต้องตามมาด้วยการสร้าง “จุดยืนที่ชัดเจน” ทั้งในเชิงอุดมการณ์และนโยบาย รวมถึงการแสดงความเป็นเอกภาพภายในพรรค เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า “พรรคประชาธิปัตย์” เป็นสถาบันการเมืองที่เชื่อถือได้
4.3. วางยุทธศาสตร์ระยะยาวสำหรับคนรุ่นใหม่
พรรคจำเป็นต้องมีแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการสร้างและโปรโมท “ผู้นำรุ่นใหม่” ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อสร้างความต่อเนื่องและขยายฐานเสียงไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ในอนาคต
อ้างอิง นิด้าโพล เรื่อง “ประชาธิปัตย์ ผลัดใบอีกแล้ว” 21 ก.ย. 68

