ทุ่นระเบิดกัมพูชา ไม่ใช่แค่การละเมิดหรือคุกคาม แต่มีเจตนาที่ซ่อนเร้นเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นฝ่ายประกาศระงับ “ปฏิญญาสู่สันติภาพ”… เป็นกับดักกลยุทธ์ที่กัมพูชาวางไว้ ?
เมื่อทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในเขตอธิไตยไทย รัฐบาลก็ประกาศระงับ “ปฏิญญาสู่สันติภาพ” ทำให้เกิดคำถามสำคัญในเชิงกลยุทธ์ การที่เราระงับข้อตกลงปฏิญญาดังกล่าว คือการเดินเข้าสู่ “กับดักกลยุทธ์” ที่กัมพูชาวางไว้หรือไม่ ?
1. ทุ่นระเบิด: เครื่องมือบีบบังคับสูงสุด
ในการเมืองระหว่างประเทศ ทุกการกระทำมีความจงใจและการคำนวณทางยุทธศาสตร์ การที่กัมพูชาเลือกใช้ ทุ่นระเบิดในการสร้างสถานการณ์ตึงเครียด เป็นการเลือกใช้เครื่องมือที่สร้างผลกระทบสูงสุดต่อคู่กรณี
(1) สร้างเงื่อนไขที่ยอมรับไม่ได้: การคุกคามชีวิตทหารอย่างร้ายแรง บีบให้รัฐบาลไทยต้องตอบสนองด้วยมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อรักษาศักดิ์ศรีและความมั่นคง
(2) เจตนาที่ซ่อนเร้น: เป้าหมายที่แท้จริงของการยั่วยุ หากคือการผลักดันให้ไทยเป็นฝ่ายเริ่มประกาศยุติการปฏิบัติตามเงื่อนไขของปฏิญญาฯ ซึ่งเป็นการทำลายกรอบความร่วมมือ โดย “กัมพูชา” ไม่ต้องรับผิดชอบในระดับสากล

2. ข้อผูกมัดในปฏิญญาฯ: ภาระทางยุทธศาสตร์ที่กัมพูชาต้องการกำจัด
ปฏิญญาสู่สันติภาพนี้ได้สร้างพันธะที่ไม่พึงปรารถนาให้กับกัมพูชา โดยเฉพาะเงื่อนไขที่กระทบต่อผลประโยชน์สำคัญ
(1) การกระทบต่อทุนสีเทา: ข้อตกลงเรื่องการปราบปรามอาชญากรรม (สแกมเมอร์) ทำให้กัมพูชาต้องจัดการกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพลของกัมพูชาและเครือข่าย
(2) การลดอำนาจทางทหาร: การต้องทำตามเงื่อนไขการกู้ทุ่นระเบิด และลด/ถอนอาวุธ ทำให้กัมพูชาต้องลดความสามารถในการควบคุมและอ้างสิทธิ์ในพื้นที่พิพาท
จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่า การสร้าง “กับดัก” เป็นทางออกที่กัมพูชาเลือกใช้เพื่อปลดเปลื้องตนเอง จากข้อผูกมัดเหล่านี้อย่างตั้งใจ
3. ทางออกที่กือบถูกปิด : ความจำเป็นของการระงับ “ปฏิญญาสู่สันติภาพ”
รัฐบาลไทยต้องเดินเข้าสู่กับดักนี้อย่างหลีกเลี่ยงลำบาก เพราะการไม่ตอบโต้ ก็เท่ากับการยอมรับการคุกคาม
ความจำเป็น: การระงับ “ปฏิญญาสันติภาพ” เป็นมาตรการพื้นฐานเพื่อยกระดับการป้องกันและรักษาศักดิ์ศรีของชาติ
การรักษาอำนาจต่อรอง: การเลือกใช้คำว่า “ระงับ” (Suspension) แทน “ยกเลิก” (Termination) คือการแสดงออกถึงการคงไว้ซึ่งช่องทางในการเจรจา และรักษาอำนาจในการนำข้อตกลงกลับมามีผล หากกัมพูชายอมแก้ไขสถานการณ์อย่างจริงจังในอนาคต

4. บทสรุป: ผลลัพธ์เชิงกลยุทธ์
การ “ระงับปฏิญญาฯ” ในครั้งนี้ จึงเป็นการตอบโต้ที่จำเป็นตามหลักความมั่นคง แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ
กัมพูชาบรรลุผลตามแผน: ทำให้ไม่ต้องปฏิบัติตามพันธกรณี ที่พวกเขาไม่ต้องการ
ไทยเสียเปรียบเชิงกลไก: ไทยสูญเสีย “เครื่องมือกดดัน” ทวิภาคีที่สำคัญ และทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่สภาวะตึงเครียดที่ขาดกรอบการเจรจาที่มีข้อผูกมัดนี่คือเกมที่เอื้อต่อการบรรลุเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ “กัมพูชา” อย่างชัดเจน
แต่ถ้าว่าก่อนหน้านี้ หากไทยเริ่มต้นด้วยการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า “กัมพูชา” เป็นที่ริเริ่มฉีกปฏิญญาสู่สันติภาพ โดยการละเมิดข้อตกลงด้วยทุ่นระเบิด เป็นฉีกปฏิญญาฯ ในทางพฤตินัย แรงกดดันก็จะกลับไปตกที่กัมพูชา ส่วนไทยก็สามารถดำเนินยกระดับในการรักษาอธิไตย…ได้อย่างชอบธรรม ไม่อยู่สถานะถูกบีบคั้นให้เป็นฝ่ายประกาศระงับปฏิญญาสู่สันติภาพ…ตาม “กับดักกลยุทธ์” ที่กัมพูชาวางไว้

