“อะไรคือความสุขของคนกรุงเทพฯ ยุคนี้บ้างนะ ?” เรานึกถามกับตัวเองเสมอ ท่ามกลางบ้านเมืองที่พัฒนาขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง ความสุขของคนยุคนี้ก็คงต้องเป็นการทำอะไรทันสมัย ๆ ตามเทรนด์ที่วิ่งไปอย่างไม่หยุดนิ่ง และหากเป็นคนตามกระแสอยู่ประจำ ก็จะยิ่งพบว่ากระแสความสนใจทุกอย่างในยุคนี้มันวิ่งหนีไวกว่า The flash พริบตาเดียวก็หายเห่อกันเสียแล้ว
เพียงแค่กระแสคงไม่ได้สร้างความสุขให้คนกรุงฯ มากนัก เราก็เลยจะเห็นว่าบ้านเมืองทั้งหน่วยใหญ่และหน่วยย่อยต่างพยายามรังสรรค์กิจกรรมเพื่อพาผู้คนออกมามีความสุข และเปิดหูเปิดตากันอยู่เสมอ ตั้งแต่หัวปียันท้ายปี คอนเสิร์ตเอย นิทรรศการเอย มากมายจนบรรยายไม่หมด
อย่างกิจกรรมหลายหลากที่ทางทีมงาน ‘กรุงเทพมหานคร’ คอยรังสรรค์ปั้นแต่งเพื่อพัฒนาสังคมเมืองตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็ทำให้เราเห็นว่าจริง ๆ แล้ว ‘ความสุข’ ของคนกรุงก็เกิดขึ้นได้ด้วยเรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัวเหมือนกัน
‘กรุงเทพกลางแปลง’ ก็คือหนึ่งกิจกรรมที่เราพูดถึง ในยุคที่ภาพยนตร์จอยักษ์ที่ฉายในโรงราคาแพง หนังกลางแปลงก็ยังเป็นภาพยนตร์จอยักษ์ระดับรากหญ้าที่ยังเข้าถึงได้ทุกคนอยู่เสมอ ขาดก็แค่เพียงโอกาสที่เราจะได้พบเจอมันได้อย่างง่าย ๆ
กิจกรรมนี้จึงชวนทั้งประชาชนวัยผู้ใหญ่ที่คิดถึงบรรยากาศการรับชมมหรสพแบบเดิม ๆ และชวนประชาชนที่อาจจะขาดช่วงกับวัฒนธรรมการดูหนังแบบนี้ เคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็น หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งนี้คืออะไรให้ได้มาพบกัน และเกิดเป็นบรรยากาศร่วมสมัยที่ดึงดูคนกรุงทุกเพศทุกวัยให้ออกมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรม
หลังจากจัดงานครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว การฉายหนังกลางแปลงทั้งเรื่องเก่าที่หลายคนเกิดไม่ทัน และหนังใหม่ที่ใกล้ชิดผู้คนยุคนี้ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ ได้ทำให้เมืองหลวงมีสีสันและชีวิตชีวามากขึ้นเป็นกอง
“จริงๆ แล้วความสุขมีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ แค่เราช้าลงนิดแล้วดูรอบตัว” ประโยคหนึ่งที่ผู้ว่าฯ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ กล่าวไว้เมื่อครั้งเปิดงานช่วงเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ก็พอจะสะท้อนความสุขตลอดเดือนกรกฎาคมนั้นได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มหรสพแห่งความสุขเหนือกาลเวลาแบบนี้ก็ได้กลับมาชวนผู้คนให้รวมตัวกันอีกครั้งบนพื้นที่ที่น่าสนใจทั่วกรุง พร้อมด้วยภาพยนตร์ 16 เรื่องหลากยุคสมัยที่สร้างมวลความสุขผ่านประสบการณ์การรับชมที่แตกต่างกัน
เริ่มต้นสัปดาห์นี้ด้วยบรรยากาศที่เก่าแก่ของ ‘หัวลำโพง’ สถานที่แห่งความทรงจำของใครหลายคนในเมืองหลวงแห่งนี้ บรรยากาศของพื้นที่ต้อนรับและส่งออกผู้คนให้ไปผจญภัยและใช้ชีวิตที่ผ่านระยะเวลามาร่วม 107 ปี ยังคงเต็มไปด้วย ‘ความรู้สึกของยุคสมัย’ ที่โอบล้อมสิ่งก่อสร้างแห่งนี้อยู่เสมอ และยิ่งมีหนังกลางแปลงฉายท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้แล้ว มนต์ขลังของทั้งสองอย่างยิ่งทำงานกับเราในฐานะผู้ชมอย่างไม่ลดละ
“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราสามารถยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของกรุงเทพฯ และประเทศไทยได้ และกรุงเทพมหานครพร้อมร่วมมือกับทุกคนทำให้เกิดขึ้นจริง” ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ กล่าวก่อนภาพยนตร์เรื่องแรกของเทศกาลกรุงเทพกลางแปลงประจำปี 2566 จะเริ่มฉาย เขาและทีมงานภาครัฐของกรุงเทพฯ ต่างพยายามผลักดันอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ดูแลแก้ไข
ทั้งการเปิดศูนย์ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (Bangkok Filmmaking Coordinator Center – BFMCC) เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการติดต่อสถานที่ใช้ถ่ายทำการแสดงทั้งกองเล็กและกองใหญ่ รวมถึงการเตรียมงานเทศกาล ‘Winter Festival’ ที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้ และเทศกาล ‘กรุงเทพกลางแปลง’ ก็เป็นหนึ่งแรงผลักดันที่พวกเขาดำเนินต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
โดยภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องที่ฉายในวันเสาร์ และอาทิตย์ที่ผ่านมา คือเรื่อง ‘ทรชนคนสวย’ และ ‘October Sonata รักที่รอคอย’ ซึ่งมีจุดร่วมกันคือ ‘มิตร ชัยบัญชา’ พระเอกหนังไทยในตำนาน ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2513 โดยเรื่องแรกมิตรได้แสดงนำ และมีฉากที่เกี่ยวข้องกับหัวลำโพง ส่วนเรื่องที่สองเป็นภาพยนตร์ที่มีเหตุการณ์เกี่ยวพันกับงานศพของมิตร และเหตุการณ์บ้านเมืองมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
การดูหนังกลางแปลงภายใต้บรรยากาศยามค่ำคืนภายในโถงใหญ่หัวลำโพง พร้อมกลิ่นข้าวโพดคั่ว และเสียงตะหลิวเคาะกระทะจากซุ้มข้าวผัดรถไฟข้างพื้นที่ฉาย จุดชนวนบรรยากาศความอบอุ่นภายใต้ลมแอร์เย็นเบา ๆ ได้อย่างกลมกล่อม ลูกเล็กเด็กแดง คุณลุงคุณป้า หนุ่มสาววัยทำงาน รวมถึงพนักงานกวาดขยะของกรุงเทพมหานคร ต่างสัมผัสบรรยากาศความสุขคลาสสิกแบบนี้ไปพร้อม ๆ กัน
และยิ่งทำให้เราเห็นว่า ‘กรุงเทพกลางแปลง’ คือ ‘ความสุข’ ของทุกคนภายในงานได้จริง ๆ
เทศกาล ‘กรุงเทพกลางแปลง’ ประจำปี 2566 นี้ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม – 12 พฤศจิกายนนี้ โดยสามารถติดตามรายละเอียดรอบฉาย สถานที่ฉายหนังกลางแปลง และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page : กรุงเทพมหานคร
