สถานการณ์การเมืองไทยเข้าใกล้จุดไคลแมกซ์ หลังมีแนวโน้มว่า จะมีการยุบสภา ทั้งๆ นี่คือหนทางที่เลวร้ายที่สุดของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีความเสี่ยงต่างๆ ตามมามากมาย แล้วทำไมจึงเลือกเส้นทางนี้ ?
The Insight พูดคุยกับ “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย หลังจากเคยสวนกระแสฟันธงว่า สุดท้ายแล้วเพื่อไทยจะยุบสภา โดยอาจารย์ได้เปรียบเทียบการเมืองกับกีฬา และการตัดสินใจเล่นท่ายากของ “พรรคเพื่อไทย” ดังต่อไปนี้
1. ถอดรหัสพรรคเพื่อไทย ยุบสภาเพราะอะไร ?
ถ้าเปรียบการเมืองเป็นการแข่งขันกีฬา สถานการณ์ของ “พรรคเพื่อไทย” ในตอนนี้ที่ย่ำแย่แบบสุดสุด ลำพังใช้ท่าเบสิกจึงไม่พอ จำเป็นต้องเสี่ยงเล่นท่ายาก โดย “รศ.ดร.ธนพร” ได้อธิบายว่า
“มีทางเดียวมันต้องเล่นท่ายาก ถ้าสำเร็จก็ได้เหรียญทอง เกมตอนนี้นายใหญ่ไม่มีอะไรจะเสีย เกมตอนนี้มันแพ้อยู่แล้ว ก็ต้องเล่นท่ายาก
“คือการยุบสภา ที่ฝ่ายพรรคสีแดงกำลังดำเนินการ มันไม่ได้ยุบสภาเพราะอยากเลือกตั้ง แต่ยุบสภาเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดเงื่อนไขในการปฏิวัติ
“เพราะทุกครั้งที่มีการปฏิวัติ เพื่อไทยก็กลับมาได้เสมอ ปฏิวัติปี 2549 พอเลือกตั้งปี 2551 เพื่อไทยก็กลับมาได้ในนามพรรคพลังประชาชน ปี 2557 ก็ถูกยึดอำนาจ ปี 2562 ก็กลับมาได้เป็นที่ 1 ในนามพรรคเพื่อไทย
“เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยการเล่นท่ายาก ก็คือการที่ทำให้มันเกิดการรัฐประหาร จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามแต่ สิ่งที่ทำให้เพื่อไทยกลับมาอีก เหลืออยู่ทางเดียว คือต้องหาบทบาทผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยให้ได้ แล้วการเป็นผู้พิทักษ์ประชาธิปไตยเนี่ย เพื่อไทยก็เล่นบทนี้มา 2 ครั้งแล้ว ตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 กับปี 2557
“พูดง่ายๆ คือการนำทหารมาเป็นเหยื่อล่อนะครับ มาเป็นบันได แล้วให้พรรคเพื่อไทยปีนขึ้นไปอยู่ในอำนาจทางการเมืองอีกรอบ อันนี้แหละครับที่ผมเรียกว่า สุดยอดกระบวนยุทธ์ของทีมนายใหญ่”

2. รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง
ตามที่เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ ความเสี่ยงของการยุบสภา มีมากมายหลายเลเวล อย่างประเด็น “รักษาการนายกฯ มีอำนาจยุบสภาหรือไม่” ก็ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ และมีแนวโน้มว่า ถ้ายุบสภา ก็จะมีการร้องเรียนตามมาอย่างแน่นอน แต่ในมุมมองของ “อาจารย์ธนพร” แล้ว ในวันที่ไม่มีอะไรจะเสีย “ความกล้าเสี่ยง” คือสิ่งจำเป็น ถ้าต้องการพลิกเกม
“รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง ผมไม่เห็นจะมีอะไรแปลกเลย ถามว่าวันนี้มันมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกล่ะครับ แต่เล่นท่ายาก มันมีโอกาสชนะ
“ก็ดูอย่างนักยกน้ำหนัก เวลาแข่งยกน้ำหนัก พอเสียเปรียบคู่แข่ง ยกครั้งสุดท้ายก็จะเพิ่มน้ำหนัก และถ้ายกน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอีกหลายๆ กิโลฯ ได้ มันก็ได้เหรียญทอง
“เกมนี้ผมไม่แปลกใจอะไรเลย ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนไทยจะแปลกใจทำไม มันเป็น DNA ของนายใหญ่เขาอยู่แล้ว”
“สถานการณ์วันนี้ ถ้าเกมยุบสภามันไม่สำเร็จ ก็ต้องถามว่าแล้วพรรคเพื่อไทยเขาเสียอะไร ไม่ได้เสียอะไร เพราะตอนนี้มันตกต่ำสุดขีดแล้ว เพราะฉะนั้นการเสี่ยงเล่นท่ายาก มันจึงเป็นโอกาสเดียวที่จะได้เหรียญทองโอลิมปิก
“แต่ถ้าไม่เล่นท่ายากหรือใส่น้ำหนักเพิ่ม จะได้เหรียญทองได้ยังไง ตอนนี้ก็แพ้อยู่แล้ว ผมจึงไม่เห็นว่าเกมนี้พรรคเพื่อไทยจะขาดทุนอะไรเลย

3. ความคิดเห็น กรณีพรรคสีส้มเลือกนายกฯ
ส่วนประเด็นการเลือกนายกฯ ของพรรคประชาชน ระหว่าง “อนุทิน” กับ “ชัยเกษม” รศ.ดร.ธนพร ได้แสดงความคิดเห็นว่า
“ผมไม่สนหรอกครับว่าสีส้มจะเลือกสีไหน เสียเวลาครับ เพราะผมรู้ว่าพรรคเพื่อไทยเขาเล่นเกมยุบสภาอย่างเดียว อย่ามาถามผมเลยว่า พรรคสีส้มจะเลือกสีน้ำเงินไหม ก็เพื่อไทยเขาบอกอยู่แล้วว่า เลือกน้ำเงินเมื่อไหร่ก็ยุบสภาเมื่อนั้น
“เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า พรรคประชาชนจะตัดสินใจอะไรได้ ก็ในเมื่อพรรคเพื่อไทยก็รู้อยู่แล้วว่า คุณเลือกสีน้ำเงินแน่ๆ เขาถึงตัดสินใจเดินหน้ายุบสภา เพราะฉะนั้นการที่คุณจะแถลงวันนี้จะแถลงพรุ่งนี้ สำหรับผมนะมันไร้ความหมาย มันเสียเวลาทำมาหากินของผม
“ถ้ายุบสภา ก็จะต้องมีคนไปร้องใช่มั้ยครับ ไปร้องปุ๊บการเลือกตั้งมันจะเป็นโมฆะ แบบปี 2549 ปี 2557 แต่อย่าลืมนะ ถ้าเลือกตั้งเป็นโมฆะนี่ยึดอำนาจตามมาทันที
“คือผมสนใจเรื่องนี้มากกว่า เพราะผมอยากดูว่า นายใหญ่จะเล่นท่ายากสำเร็จไหม อันนี้เร้าใจกว่าเยอะครับ” รศ.ดร.ธนพร กล่าวทิ้งท้าย

หมายเหตุ : สัมภาษณ์ “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย วันที่ 2 กันยายน 2568 เวลา 18.40 น.

