The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / พูดคุยกับ Dept วงดนตรีอินดี้ป๊อบที่เชื่อมั่นในความเป็นตัวเอง
Editor

พูดคุยกับ Dept วงดนตรีอินดี้ป๊อบที่เชื่อมั่นในความเป็นตัวเอง

ระวี ตะวันธรงค์
Last updated: 19 ธ.ค. 2022 03:16
ระวี ตะวันธรงค์
Share
SHARE

หมดนี้ให้เธอ ไม่เคยยกใจใครอื่น มีให้เธอคนเดียวโปรดรู้ไว้
หมดนี้ให้เธอ เชื่อใจฉันทีได้ไหม แค่เธอฉันก็ไม่ต้องการใครอีกแล้ว
หมดนี้ให้เธอ ขอโทษที่บางทีหายไป แต่ฉันไม่ได้ซ่อนใครเอาไว้
หมดนี้ให้เธอ เป็นของเธอ โปรดรู้ไว้ในนี้ไม่เคยแบ่งให้ใคร

นี่คือส่วนหนึ่งในเนื้อเพลง หมดนี้ที่ให้เธอ จาก 2 หนุ่มดูโอ้แห่งค่าย Smallroom อย่าง Dept วงดนตรีแต่จริง ๆ แล้วผู้เขียนได้รู้จักกับวงดนตรีวงนี้มาตั้งแต่สมัยปี 1 ในช่วงที่ศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย จากการแนะนำของเพื่อน

ในช่วงเวลานั้นวงยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ด้วยความเป็นวงดนตรีอิสระ ในมุมของผู้เขียนได้รู้จักเพลงของพวกเขาเพลงแรกอย่าง แล้วเธอจะรู้บ้างมั้ย? และนั่นก็นับเป็นจุดเริ่มต้นของผู้เขียนในการติดตามและเฝ้ามองวงดนตรีวงนี้ในฐานะผู้ฟังเสมอมา

จนถึงวันนี้เรามีนัดพูดคุยกับ เบนซ์–ภวัต โอภาสสิริโชติ (ร้องนำ/กีตาร์) และ ลุค ทาวน์เซน (คีย์บอร์ด) ในฐานะที่พวกเขาเพิ่งมีคอนเสิร์ตใหญ่ร่วมกับเพื่อนๆ ในค่ายอีก 5 วง เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา บนคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า Punch Kicks หรือคอนเสิร์ตที่รวบรวม 6 ศิลปินหน้าใหม่ของค่ายมาทำโชว์ของตัวเองทั้งกระบวนการ ที่ไม่ใช่แค่การเตรียมโชว์ดนตรี แต่ได้ร่วมเตรียมงานในฝ่ายแสง สี เสียง Visual Effect ทั้งหมดบนเวทีอีกด้วย

มาร่วมรู้จักพวกเขาให้มากขึ้นจากเรื่องราวที่เราพุดคุยกับเขากัน

มีอะไรให้อ่านบ้างในบทความนี้?

Toggle
  • รู้จักกันได้ยังไงและมาทำวงร่วมกันได้ยังไง
  • แนวดนตรีในช่วงนั้นเล่นแนวอะไรกัน ของแต่ละวง
  • แล้วในตอนนี้ยังมีการเอา elements ตรงนั้นมาใส่ Dept ในตอนนี้มั้ย
  • ไอดอลในการเล่นดนตรีของแต่ละคนเป็นใครกันบ้าง
  • บรรยากาศของการทำ Dept ในช่วงต้นมันเป็นบรรยากาศในช่วงที่ต้องเรียนไปด้วย ตอนนั้นมันเป็นอย่างไร
  • การได้เรียนในสายของดนตรี คิดว่าเรามีแต้มต่อมากกว่าศิลปินหรือวงอื่นหรือไม่ที่ไม่ได้จบมาจากส่วนนี้
  • อย่างวิชาทฤษฎีดนตรี ที่เขาว่ามันยากเราได้มีการมาดัดแปลงให้เข้ากับ Dept หรือเปล่า
  • การที่เรายึดติดกับกรอบของทฤษฎีมากเกินไป Dept มีมุมมองเรื่องนี้เป็นอย่างไร
  • ทั้ง 2 คนเจอกันในคอนเสิร์ต จำได้มั้ยว่าคอนเสิร์ตอะไร ตอนนั้นตั้งใจไปดูวงอะไรกัน
  • ช่วงนั้นความชอบทางดนตรีของทั้ง 2 คนเป็นอย่างไร
  • ทำไมช่วงนั้นถึงไม่ค่อยได้สนใจเพลงแมสขนาดนั้น
  • อยากรู้ว่าในฐานะคนดูตอนนั้น เราต้องการอะไรจากศิลปินที่อยู่บนเวทีบ้าง
  • แล้วพอตัวเองมีโชว์ เราเอาวิธีคิดตอนเป็นคนดูที่เราต้องการมาอยู่ในการทำหรือเปล่า
  • แล้ววันนั้น Dept แก้เกมยังไง
  • เคยคิดบ้างมั้ยครับ ถ้าวันนี้ Dept ไม่ได้เล่นดนตรี ตอนนี้แต่ละคนจะทำอะไรกันอยู่
  • รู้สึกยังไงบ้างกับการที่ได้เรียนดนตรีซึ่งพอเรียนจบออกมาก็ยังได้ประกอบอาชีพนักดนตรี ทั้ง 2 คนรู้สึกยังไงบ้าง
  • พอไม่ตั้งใจเรียนมากขนาดนั้น มันทำให้เรามีเวลาให้ดนตรีเยอะมากขึ้นมั้ย
  • การทำงานในช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลอย่างไรบ้างกับการทำอัลบั้มและทัวร์
  • แล้ว Process ในการทำงานแบบ Dept มันเป็นอย่างไร
  • แล้วของลุคล่ะ มีหน้าที่ไป edit ต่อมั้ยหรือทำอะไรต่อ
  • ถ้าถามถึงประสบการณ์แปลกๆ ที่เกิดตอนทัวร์ที่มันเกิดขึ้นแล้วดีพอมีบ้างมั้ย
  • ทำไมเพลงของ Dept มักจะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาพูดถึงความรักที่ไม่สมหวัง เพราะอะไรเรามักจะนำเสนอเนื้อหาความรักที่ไม่สมหวัง
  • ทำไมการทำเพลงเศร้าถึงกลับเป็นที่นิยมมาก
  • เป็นมาอย่างไรถึงได้ร่วมงานกับวงดนตรีต่างประเทศอย่าง Swim Deep
  • คิดว่าเพราะอะไร Swim Deep ถึงเลือกร่วมงานกับเรา 
  • รู้สึกยังไงบ้างกับการได้ร่วมงานกับ Swim Deep 
  • การได้ร่วมงานกับ Swim Deep แล้วทำให้ Dept มีเส้นทางที่อยากจะทำไหม ในการเป็น International Artist มากขึ้น
  • ถ้าให้เลือกเพลงที่ชอบที่สุดที่เป็นเนื้อร้องและทำนองของทั้ง 2 คน ชอบเพลงอะไรกันบ้าง
  • อย่างเรื่อง Merch สินค้าที่ระลึกของ Dept เอาเวลาที่ไหนไปออกแบบ
  • แล้วไปทำอย่างไรถึงได้ไปร่วมงานกับ Frank Garcon
  • แล้วเราจะได้เห็นสินค้า Rare Item แบบนี้อีกมั้ยจากทาง Dept 
  • ก่อนที่จะได้เข้ามาเป็นศิลปินที่ Smallroom ในมุมมองคนนอกมองค่ายนี้เป็นอย่างไร
  • แล้วสิ่งที่ค่ายอื่นไม่ทำ คิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของ Smallroom หรือเปล่า
  • วงดนตรีที่ทั้งสองคนฟังของ Smallroom ในช่วงนั้นเป็นใครกันบ้าง
  • ในมุมมองทั้งสองคนรู้สึกว่าที่นี่เห็นอะไรในตัวเราถึงเซ็นสัญญากับเรา
  • การที่ค่ายอยากให้ Dept เป็น Dept ในแบบที่อยากเป็นมันส่งผลดีต่อวงอย่างไร
  • ข้อดีของการเป็นศิลปินที่ Smallroom ที่คิดว่าไม่มีค่ายอื่นให้เราไม่ได้
  • 1 เรื่องที่พี่รุ่งแนะนำกับ Dept ที่คิดว่าจำได้ไม่ลืม
  • คิดว่าการที่พี่รุ่งช่วยเคาะให้ หรือคอยสกรีนงานให้มันทำให้เพลงของ Dept สมบูรณ์ขึ้นหรือไม่
  • แนวทางในอัลบั้มของ Dept จะมีแนวทางเป็นอย่างไร ทิศทางของดนตรีที่ใส่ลงไปในอัลบั้มจะเป็นอย่างไร
  • ถ้าให้สมมติตัวเองเป็นเซลล์ขายอัลบั้มใหม่นี้ จะแนะนำลูกค้าอย่างไรให้มาซื้อ
  • ถ้าได้เป็นคนดูคอนเสิร์ต เราจะเลือกดูวงอะไร
  • แล้วเคยดูคลิปที่ตัวเองโชว์มั้ย
  • ถ้าให้เลือกเพลงของศิลปินใน Smallroom มา Cover จะเลือกเพลงอะไร
  • Dept มองวงการเพลงในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง
  • พออินดี้มันถูกจับต้องได้มากขึ้น แล้วถ้าให้เราแบ่งระหว่างแมสกับอินดี้ในปัจจุบัน เราจะแบ่งมันได้อย่างไร
  • มีอะไรที่อยากบอกแฟนเพลง ที่ไม่เคยได้บอกไหมแต่อยากบอก
  • อยากให้แฟนเพลงของ Dept จดจำพวกคุณในฐานะอะไร
  • ทุกวันนี้การทำวง Dept หล่อเลี้ยงอะไรในชีวิตของเราบ้าง
  • Passion ที่ Dept อยากนำเสนอคืออะไร 
  • ความตั้งใจที่อยากทำในพาร์ทถัดๆ ไป

รู้จักกันได้ยังไงและมาทำวงร่วมกันได้ยังไง

ลุค : รู้จักกันที่มหาวิทยาลัยครับ เบนซ์เป็นรุ่นพี่ผมปีหนึ่ง

เบนซ์ : เราเรียนที่ดุริยางคศิลป์ มหิดลครับ

ลุค : ตอนแรกเราต่างคนต่างมีวงของตัวเองที่ทำมาก่อน พอช่วง gap ที่ผมออกจากวงพอดีเบนซ์ก็เลยชวนผมไปอยู่ด้วย

แนวดนตรีในช่วงนั้นเล่นแนวอะไรกัน ของแต่ละวง

เบนซ์ : ของลุคก็จะเป็นป็อบแบบใสๆ เลย ส่วนของผมก็จะเป็นวงร็อคไปเลย

แล้วในตอนนี้ยังมีการเอา elements ตรงนั้นมาใส่ Dept ในตอนนี้มั้ย

เบนซ์ : มันมีช่วงหลัง ๆ ก็เริ่มเอาใส่แต่ช่วงแรกไม่มีเลย

ไอดอลในการเล่นดนตรีของแต่ละคนเป็นใครกันบ้าง

เบนซ์ :  ผมชอบหลายคนมากเลย แต่เลือก Kevin Parker ของ Tame Impala เพราะว่าเขาเป็นคนที่สามารถทำคนเดียวได้โหดมาก คนแบบ One man band 

ลุค : ของผมจริง ๆ ก็ดูแบบหลาย ๆ คนด้วย ไม่ได้ยึดขนาดนั้นว่าใครเป็นที่ 1 ถ้าเลือกคนก็ต้องเป็น Disclosure เพราะว่า 2 คน เขาเล่นทุกอย่างก็เอาอยู่

บรรยากาศของการทำ Dept ในช่วงต้นมันเป็นบรรยากาศในช่วงที่ต้องเรียนไปด้วย ตอนนั้นมันเป็นอย่างไร

เบนซ์ : ตอนที่ผมเรียนอยู่ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนขนาดนั้นอยู่แล้ว คือผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเรียนที่มันจะต้องเป็นที่ 1 ก็คือทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย จริงจังกับการทำเพลงมากกว่า แต่ว่าก็ไม่ได้ทิ้งการเรียนไปเลยนะ เข้าเรียนปกติ แล้วกฎของคณะถ้ามีงานเล่นดนตรีมันจะแปลกสำหรับนักดนตรีตรงที่มันไม่สามารถเอามาลาได้ เพราะเขาถือว่าเรียนอยู่ ถ้าเกิดจะทำงานเขาถือว่าคุณขาด แต่สำหรับผมถ้ามีงานก็ไปทำงาน ผมไม่สนแล้ว

ลุค : แต่มันก็แบบมีโชคดีประมาณนึงด้วยแบบว่าตอนนั้นเวลามีงานมันจะไม่ชนกับเวลาเรียน

เบนซ์ : ปกติสมัยนั้นมันก็มีเล่นที่ Play yard วันธรรมดาก็มี ก็เรียนเสร็จประมาณ 3-4 โมงเย็นก็กลับมาเปลี่ยนชุดแล้วรีบไป ได้เล่นประมาณ 3 ทุ่มก็กลับไปเรียนเช้าอีกวันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

การได้เรียนในสายของดนตรี คิดว่าเรามีแต้มต่อมากกว่าศิลปินหรือวงอื่นหรือไม่ที่ไม่ได้จบมาจากส่วนนี้

เบนซ์ : มีแน่นอนครับ คนที่เรียนดนตรีมันก็คลุกเคล้ามากับดนตรีอยู่กับอาจารย์ที่สอนดนตรีจริงๆ คือบางอย่างมันมาเสิร์ฟเราได้เลย แต่บางอย่างเราก็ต้องไปหาเอง ถ้าแบบคนที่เขาไม่ได้เรียนดนตรีมันกลายเป็นว่าบางอย่างเขาก็ต้องไปหา ส่วนมากเขาต้องไปหาเองเลยดีกว่า

อย่างวิชาทฤษฎีดนตรี ที่เขาว่ามันยากเราได้มีการมาดัดแปลงให้เข้ากับ Dept หรือเปล่า

เบนซ์ : อย่างผมก็ใช้เป็นพื้นฐานเฉยๆ แต่ว่าบางเสียงที่เราทำลงไปอย่างเช่นเพลงล่าสุดที่ปล่อยไป หยุดสักที ผมก็นึกถึงเสียงในหัวอย่างเดียวมัน คือมันจะเรียกว่า mode จะมีท่อนนึงที่โน้ตไม่ได้อยู่ใน scale ก็จะเรียกว่า mode แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่า mode อะไร อย่างอาจารย์ผมก็เป็นศิลปินที่นี้เหมือนกันพี่รัฐ (รัฐ พิฆาตไพรี) หรือพี่ป๊อบ Postbox (ป๊อป-พนาย อิ่มใจ) เขาก็สอนอยู่แล้วว่าพี่ไม่ได้ต้องการให้เรารู้แล้วเอาไปใช้ว่าอันนี้ไปใส่อันนี้ ให้แค่รู้ว่าอธิบายเฉยๆ 

ลุค : เหมือนแบบว่าไม่อยากให้ติดอยู่ในกรอบ คือพอรู้เป็นพื้นๆ 

เบนซ์ : คือมันมีไว้อธิบายเฉยๆ ครับ คือทฤษฎีมันเกิดขึ้นมาทีหลังเสียง 

การที่เรายึดติดกับกรอบของทฤษฎีมากเกินไป Dept มีมุมมองเรื่องนี้เป็นอย่างไร

เบนซ์ : ผมว่าเทียบกับทฤษฎีมันเทียบยาก แต่ถ้าเทียบกับวงการเพลงแบบนี้ได้มั้ย เพลงไทยมันจะมีฟอร์มอะไรบางอย่างที่มันจะเหมือนเดิม มันเหมือนกับว่าสำหรับผมมองว่ามันเป็นการทำเพลงตามสูตรและเหมือนการคิดเลขนิดหนึ่ง มันจะมี Target โน้ตของแบบที่เราสามารถเดาได้ว่าเขาจะร้องโน้ตอะไรต่อตามเมโลดี้ แต่ว่าถ้าเกิดเราฟังวงต่างประเทศอะไรแบบนี้มันจะไม่มีกรอบนี้มาใส่ ผมว่างานศิลปะมันไม่ควรเป็นแบบนี้คือผมทำแบบ art นำ commercial 

ทั้ง 2 คนเจอกันในคอนเสิร์ต จำได้มั้ยว่าคอนเสิร์ตอะไร ตอนนั้นตั้งใจไปดูวงอะไรกัน

ลุค : ฟังใจ Crossplay 

เบนซ์ : ตั้งใจไปดู Jelly Rocket

ลุค : ใช่ๆ Jelly Rocket

ช่วงนั้นความชอบทางดนตรีของทั้ง 2 คนเป็นอย่างไร

เบนซ์ : ปกติตอนนั้นฟังเพลงไทยน้อยมากเลย เหมือนยุคนั้นคือสมัยเรียนที่ฟัง ๆ อยู่ก็มี Safeplanet มี Whal&Dolph ที่เป็นเพลงไทยที่ฟังพวกพี่ๆ Jelly rocket ที่เหลือก็คือแทบจะไม่ได้แตะเลย

ทำไมช่วงนั้นถึงไม่ค่อยได้สนใจเพลงแมสขนาดนั้น

เบนซ์ : คงเป็นเรื่องว่าถ้าเราเสพงานศิลปะข้างนอกมาเยอะๆ แบบงานต่างประเทศ ของไทยมันจะ…

ลุค : ของไทยมันจะซ้ำๆ 

เบนซ์ : ไม่ได้พาดพิงว่ามันไม่ถูกนะ 

ลุค : แล้วแต่ purpose ของแต่ละคนด้วยแต่ก็แบบที่เบนซ์บอกมันอาจจะ commercial นำแบบเบนซ์ด้วย

เบนซ์ : แต่ละคนความต้องการมันไม่เหมือนกัน คือถ้าหากเขาจะทำเพลงแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนไม่ดีหรืออะไร ถ้าเขาชอบแบบนั้นก็ไม่ได้ว่าเขา แต่แค่ว่าถ้าเป็นเราคงไม่ชอบทำแบบนี้

ลุค : เราก็มีเวย์ของเราเอง

อยากรู้ว่าในฐานะคนดูตอนนั้น เราต้องการอะไรจากศิลปินที่อยู่บนเวทีบ้าง

เบนซ์ : ที่แน่ ๆ เลยในฐานะคนดูต้องเป็นเรื่อง perform ถ้าสมมติเขาร้องเพลงเศร้าแล้วเขาทำให้เราเศร้าได้อันนั้นก็ถือเขาทำสำเร็จแล้ว เขาร้องเพลงสนุกแล้วเราสนุกอันนี้ก็ตรง target 

ลุค : เหมือนที่เบนซ์บอกก็ perform หรืออย่าง process โชว์ว่าเขาดีไซน์อะไรมาแบบนี้ครับ เหมือนกับว่าเราดูแล้วก็อยากรู้ว่าในมุมของเขาทำไมเขาถึงดีไซน์โชว์ออกมาเป็นแบบนี้ webbanki.ru ทำไมถึงวางเพลงนี้ไว้แบบนี้ เหมือนกับว่าเขาคิดยังไงกับ process โชว์ที่เขาจะมาแสดงให้เราดู แบบว่าเขาคิดอะไรยังไงบ้า

แล้วพอตัวเองมีโชว์ เราเอาวิธีคิดตอนเป็นคนดูที่เราต้องการมาอยู่ในการทำหรือเปล่า

ลุค : ก็คิดครับ

เบนซ์ : แต่วงผมเรายังไม่สมบูรณ์ขนาดที่ว่าโชว์มันจะสุดๆ ได้ขนาดนั้น เหมือนผมที่เพิ่งไปเล่นงานเดียวกับ Slot Machine มาเป็นงาน Cat Expo ที่ขอนแก่น ก็คือเขามาเล่นแล้วฆ่าได้ทุกวง ก็คอในเซ็ทตรงกลางเขาเล่นประมาณ 10 เพลงมั้ง ตั้งแต่เพลงที่ 4 ถึง 8 ก็คอกระโดดไม่พักเลยคือโชว์เขาแม่งสมบูรณ์ไปแล้วค่อนข้างเยอะด้วย

แล้ววันนั้น Dept แก้เกมยังไง

พูดพร้อมกัน : ก็ตายครับ

ลุค : คือเราก็เต็มที่ในส่วนของเราด้วย

เบนซ์ : คือในส่วนของผม ผมว่าวงผมไม่ควรเล่นปิด (หัวเราะ)

ลุค : ก็งงเหมือนกันตอนประกาศไลน์อัพออกมาก็ งงเลย

เคยคิดบ้างมั้ยครับ ถ้าวันนี้ Dept ไม่ได้เล่นดนตรี ตอนนี้แต่ละคนจะทำอะไรกันอยู่

เบนซ์ : ผมเคยมีคิดแว้บหนึ่งตอนมัธยมว่าแบบว่าเราจะไปเรียนทางฝั่งฟิล์มดี แต่ว่าก็ไม่ได้รู้สึกว่าชอบขนาดนั้น ถ้าเกิดจอนนั้นมีความคิดว่าชอบก็คงจะไปทางนั้นแบบสุดๆ แต่ว่าผมไม่ได้คลั่งไคล้เท่ากับดนตรีที่ผมอยู่กับมันทั้งวันได้ ผมไม่ได้ดูหนังได้ทั้งวันวันละ 10 เรื่อง แต่ว่าผมชอบดูหนังแค่นั้นเอง

ลุค : สำหรับผมหลายอย่างมากเลยตอน ม.ปลาย ตอนแรกคือสิ่งแวดล้อมตอนนั้นคือแบบเห็นเพื่อนเรียนอันนี้แล้ววันๆ ไม่เห็นทำอะไรเลย แบบเดี่ยวก็ออกไปข้างนอกไปทำนู่นทำนี่ ก็ดูแบบสบายก็ตอนนั้นด้วยความที่ตอนนั้นเด็กด้วย ก็คงอยากจะเรียนนิเทศฯ แบบเป็น editor แบบที่คิดเอาไว้ แต่สุดท้ายโชคดีด้วยเหมือนมีเพื่อนมาชวนทำวงดนตรีตอนมอปลาย มันก็รู้สึกว่าทางนี้เราก็ได้นี่หว่า แล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยู่กับมันได้ตลอด

รู้สึกยังไงบ้างกับการที่ได้เรียนดนตรีซึ่งพอเรียนจบออกมาก็ยังได้ประกอบอาชีพนักดนตรี ทั้ง 2 คนรู้สึกยังไงบ้าง

เบนซ์ : ผมก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่โชคดีที่แบบยังอยู่ได้ แต่ว่าต้องคิดตามด้วยว่าคนที่อยู่ได้ไม่ว่าคณะอะไรก็คือคนที่ชอบจริงๆ ถึงจะอยู่กับมันได้ ที่เหลือก็คืออาจจะไม่ชอบหรือเรียนไปแล้ว ท้อไปแล้ว หรือทำไม่ได้ หรือพึ่งมารู้ตัวเองว่าไม่ได้รักมันขนาดนั้น บางคนเขาก็พูดว่าถ้ารักดนตรีอย่าเรียนดนตรี เพราะว่าบางคนพอเรียนไปแล้วมันเลิกรักไปเลย มันไม่ได้เล่นด้วยความสนุกแล้ว

ลุค : ตอนเรียนมันเหมือนเรา deep ไปกับมัน

เบนซ์ : เป็นหลายคนนะ ทั้งเพื่อนรอบๆ ตัวผม หรือแฟนผม เมื่อก่อนชอบเล่นกีตาร์มาก ตอนเรียนอยากเข้ามหาลัยมาก พอมาเรียนแล้วกลายเป็นแฟนผมบอกว่ามันเรียนแล้วมันเครียดต้องมาเล่นอะไรที่ไม่รู้บางทีก็ไม่ได้อยากเล่น แต่อาจารย์ก็จะอยากให้เล่น มหาวิทยาลัยไม่ได้ให้เราใช้สิทธิ์ที่เราอยากจะรู้มากขนาดนั้น ผมก็เลยบอกว่าไม่ต้องตั้งใจเรียนมาก 

พอไม่ตั้งใจเรียนมากขนาดนั้น มันทำให้เรามีเวลาให้ดนตรีเยอะมากขึ้นมั้ย

เบนซ์ : พอไม่ได้ตั้งใจเรียนมากเลยมีเวลาเยอะ เพราะผมจะไม่ค่อยซ้อม อย่างผมเรียนวิชากีตาร์ไฟฟ้าผมจะไม่ค่อยซ้อมกีตาร์ไฟฟ้าเลย เพราะผมรู้สึกว่าผมไม่ได้อยากเล่นสิ่งนั้น ในคลาสก็เลยเข้าไปชวนอาจารย์คุยแทน

การทำงานในช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลอย่างไรบ้างกับการทำอัลบั้มและทัวร์

เบนซ์ : ถ้ากับการทำอัลบั้มไม่ได้ส่งผลขนาดนั้น เพราะผมไม่ได้นั่งทำงานด้วยกันอยู่แล้ว

ลุค : ส่วนใหญ่จะเป็นการโยนงานกันมากกว่า แบบว่าใครคิดอะไรได้ก็ส่งไปส่งกันมา ไม่ได้แบบว่าต้องมานั่งทำด้วยกัน

เบนซ์ : เพราะว่าแบบผมไม่ชอบนั่งทำงานด้วยกัน อยู่คนเดียวแล้วความคิดมันแล่นกว่า

ลุค : เคยลองแล้วครับ ไม่รอด (หัวเราะ) 

เบนซ์ : คือนั่งอยู่ด้วยกันแล้วก็เปิดคลิปอะไรดูไปเรื่อย ไม่ได้ทำงานเลย มันจะไม่ได้งาน มันเป็นสไตล์ของแต่ละวง บางวงเขาก็มาอยู่ด้วยกันถึงจะทำเพลงได้ แต่วงผมต้องแยกกันถึงจะทำเพลงได้

แล้ว Process ในการทำงานแบบ Dept มันเป็นอย่างไร

เบนซ์ : ก็เพลงส่วนมากผมจะเป็นคนขึ้นมา แล้วก็ยัดๆๆ และพอบางอย่างคิดไม่ออกก็จะส่งให้ลุค แต่ว่ามันจะอย่างเพลงเพราะเธอนั้นเปรียบดั่งโลกทั้งใบ เป็นเพลงที่ลุคจะขึ้นโครงมาซึ่งจะไม่ใช่แบบที่ฟังกัน แต่ว่าพอผมได้ยินสิ่งนั้นแล้วแม่งคิดต่อไปได้ ก็จะเคาะแล้วเสร็จไปเลยรวดเดียว

แล้วของลุคล่ะ มีหน้าที่ไป edit ต่อมั้ยหรือทำอะไรต่อ

เบนซ์ : เพลงหยุดสักที ผมก็จะมีบางอย่างส่งไปลุคทำ

ลุค : พอเบนซ์ขึ้นโครงมาได้ก็จะส่งมาให้ผม แล้วก็จะมีประมาณนึงถ้าผมคิดอะไรก็จะส่งให้เบนซ์

เบนซ์ : ซึ่งผมก็จะมีสิ่งที่คิดในหัวแล้วก็จะบรีฟไป เช่นหยุดสักทีผมก็จะตั้งโจทย์ให้ลุคว่าตอนแรกมันจะเพลงที่มีแต่เครื่องอิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งปกติแล้ว Dept จะมีอิเล็กทรอนิคส์ค่อนข้างเยอะ ผมก็เลยให้โจทย์ว่าขอซินธ์แบบฟังไม่รู้เรื่องเป็น noise ก็แบบตามที่ได้ยินตามในเพลงเลย

ถ้าถามถึงประสบการณ์แปลกๆ ที่เกิดตอนทัวร์ที่มันเกิดขึ้นแล้วดีพอมีบ้างมั้ย

เบนซ์ :  มีหลายที่ที่ไปเล่นแล้วรู้สึกดี อย่างที่มหานิยม จ.มหาสารคาม คือคนที่นั่นจะสุดกันมาก เขาสามารถร้องเพลงเราได้ตั้งแต่ท่อนแรกจนท่อนสุดท้าย ร้องแบบตะโกนเจ็บคอ

ลุค : คือเราให้ร้อย แต่เขาให้กลับมาพันนึง (หัวเราะ)

เบนซ์ : มันไม่ใช่จะเกิดขึ้นกับร้านเหล้าหรืออะไรทั่วไป มันดูแปลกตรงที่ว่าพูดตรงๆ คือ ขอนแก่นหรือโคราชน่าจะมีสิทธิ์เกิดภาพนี้มากกว่าที่มหาสารคาม มันเหมือนเป็น culture ที่แบบ…

ลุค : เขาน่าจะปูมันมา

เบนซ์ : พี่เจ้าของร้านเขาน่าจะเปิดเพลงกรอกหูคนเข้าร้านเขาจริงๆ ทำให้คนที่นั้นเขาฟังแล้วรู้จักซีนดนตรีอินดี้ ประกอบกับคนที่นั่นเขาเปิดรับด้วย

ทำไมเพลงของ Dept มักจะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาพูดถึงความรักที่ไม่สมหวัง เพราะอะไรเรามักจะนำเสนอเนื้อหาความรักที่ไม่สมหวัง

เบนซ์ : รู้สึกว่าจริงๆ เป็นช่วงตั้งแต่ทำวงมาจนถึงตอนนี้นะ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เราเรื่องนี้ได้ดี บางทีถ้าสมมติว่าเรามีแฟนแต่เราชอบฟังเพลงช้าที่เป็นเพลงเศร้าอะไรแบบนั้นเหมือนกัน เรารู้สึกอินกับเรื่องอะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่เราชอบ เหมือนผมดูหนังเรื่อง La La Land แล้วผมชอบเพราะว่ามันจบเศร้า 

ลุค : ผมว่าก็เหมือนที่เบนซ์บอกเลย เพลงมันก็เหมือนพาร์ทนึงของชีวิตเรา มันไม่ได้ตีว่าคนที่ฟังเพลงเศร้าแม่งจะต้องเป็นคนเศร้า ก็แค่อาจจะชอบในสิ่งนั้นมากกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่ามีความสุขแล้วจะฟังเพลงเศร้าไม่ได้ เพลงก็เหมือนกับการพ่วงอารมณ์นึงที่ทำให้คนรู้สึกในช่วงนั้น

ทำไมการทำเพลงเศร้าถึงกลับเป็นที่นิยมมาก

เบนซ์ : จริงๆ แล้วก็ต้องรู้สึกถึงแบบถ้าเกิดที่ผมบอกว่าผมทำงาน art นำ commercial แต่ commercial ในบ้านเราไม่ว่าจะเพลงช้าเพลงเร็วมันเป็นเพลงเศร้า เหมือนเราทำงานมันต้องปูแผ่นที่ปูทางว่าจะไปยังไงไม่งั้นมันอาจจะ …

ลุค : สะเปะสะปะ

เบนซ์ : ไม่ถึงตรงนี้ก็ได้ (หัวเราะ)

เป็นมาอย่างไรถึงได้ร่วมงานกับวงดนตรีต่างประเทศอย่าง Swim Deep

เบนซ์ : Swim Deep ผมฟังตั้งแต่ช่วงม.5 ช่วงเพลง Honey ที่มันดังใน Youtube คืออัลบั้มนั้นคือแบบเพราะมาก ไม่คิดนะเพราะจู่ๆ ก็มาผ่านพี่แอร์ Dudesweet ตอนนั้น Swim Deep เขามาถามว่าอยากทำเพลงกับศิลปินไทยแบบมีใครแนะนำมั้ย พี่แอร์เขาคงยื่น ๆ ไปหลายวง

ลุค : สุดท้าย Swim Deep เขาเลือกเรา 

คิดว่าเพราะอะไร Swim Deep ถึงเลือกร่วมงานกับเรา 

เบนซ์ : ตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นว่ะ อ่อ.. ตอนนั้น Swim Deep เขาแชร์เพลง ลา ลา ลา ในสตอรี่ไอจี

ลุค : ตอนนั้นเราก็ไม่รู้เรื่องเลย มันมีคนแคปสตอรี่นั้นแล้วส่งมา แล้วบอกว่า Swim Deep ลงอันนี้

เบนซ์ : สักประมาณแป๊บนึงที่ค่ายก็โทรมาแล้วบอกว่า Swim Deep อยากทำเพลงกับมึงหรอ (หัวเราะ) คือทุกอย่างเกิดขึ้นงงๆ 

รู้สึกยังไงบ้างกับการได้ร่วมงานกับ Swim Deep 

เบนซ์ :  ก็ดีใจนะ มันก็เหมือนการได้รู้การคิดการทำงานแบบเขาด้วย ว่าแบบเขาแม่งทำงานแบบไม่สนสูตรจริงๆ 

การได้ร่วมงานกับ Swim Deep แล้วทำให้ Dept มีเส้นทางที่อยากจะทำไหม ในการเป็น International Artist มากขึ้น

เบนซ์ : ถ้าถามผมในตอนนี้ผมยังไม่อยากเป็น อย่างแรกคือผมไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกว่าคนไทยที่ไปดังในระดับนี้ได้จริง ๆ ไม่ใช่คนไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้แต่เขาเข้าใจในแง่แก่นของภาษาและการเล่าเรื่องที่มันไม่ได้เล่าว่า I love you อ่ะ

ลุค : ภาษามันจะมีความเป็น native มากกว่าที่แบบว่าเราพูดภาษาอังกฤษได้บางทีมันจะเป็นเฟสที่แบบว่า เห้ย มันไม่ได้เป็นคำที่เราพูดกันกันปกติ

เบนซ์ : อยากให้เราสำรวจ เวลาเราฟังเพลงของศิลปินต่างประเทศ คือเนื้อเพลงเขาไม่ได้แปลกแต่ก็เข้าใจเหมือนกับว่าเราไม่ได้ฟังเพลงที่แบบว่าฉันรักเธอ ฉันคิดถึงเธอ อะไรแบบนี้ เหมือนกับว่าฝรั่งเขาไม่ได้ฟังภาษาอังกฤษที่มันง่ายๆ เหมือนกัน

ถ้าให้เลือกเพลงที่ชอบที่สุดที่เป็นเนื้อร้องและทำนองของทั้ง 2 คน ชอบเพลงอะไรกันบ้าง

เบนซ์ :  ผมชอบเพลงเพราะเธอนั้นเป็นเหมือนดั่งโลกทั้งใบ รู้สึกว่าเป็นเพลงที่เขียนออกมาแล้วเนื้อหามันสละสลวยเป็นภาษาที่สวยงามขึ้นจากที่เมื่อก่อนเคยเขียน เป็นเพลงที่ปลดล็อคการเล่าเรื่องของตัวเองได้เพลงหนึ่ง

ลุค : เนื้อหาผมชอบหยุดสักที มันเข้าใจง่าย ไม่ต้องเล่าอะไรเยอะ แบบว่ามันก็พูดตรงๆ ว่าทุกสิ่งมันไม่ใช่ของตาย ต่อให้มันไม่มีเราก็อยู่ได้ นั่นแหละครับเราก็อยู่ของเราได้ ต่อให้เราจะมีอยู่หรือว่าไม่มีเราก็อยู่ได้ งง (หัวเราะ)

เบนซ์ : ส่วนทำนองผมชอบ ลา ลา ลา มันประหลาด สัดส่วนเพลงมันก็ประหลาด ไม่มีใครมาร้องท่อนฮุค ลาลาลาลา อะไรแบบนี้ น้อยครับในประเทศไทย เกิดขึ้นล่าสุดก็เพลงขอ

ลุค : ของผม ผมชอบแค่วันพรุ่งนี้ที่ไม่มีเรา ผมว่ามันคงรู้สึกแบบเบาไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แบบว่าปล่อยให้ตัวเราไปกับเพลง ให้อารมณ์พาไป

อย่างเรื่อง Merch สินค้าที่ระลึกของ Dept เอาเวลาที่ไหนไปออกแบบ

เบนซ์ : อย่างงาน Cat T-shirt เราก็ออกแบบเสร็จกันมาแล้วเกือบ 1 เดือนก่อนงาน

แล้วไปทำอย่างไรถึงได้ไปร่วมงานกับ Frank Garcon

ลุค : อันนั้นเหมือนการโคกันมากกว่า เหมือนทางเขาวางไทม์ไลน์ไว้อยู่แล้ว ก็เลยมาชวนไปทำด้วย

เบนซ์ : เขาก็มาคุยว่า Dept มาอยู่ใน Frank เป็นไง แล้วความเป็น Frank แล้วเอา Dept ไปอยู่ก็ควรจะเป็นแบบไหน

แล้วเราจะได้เห็นสินค้า Rare Item แบบนี้อีกมั้ยจากทาง Dept 

เบนซ์ : ต่อไปเราอาจจะไปโคฯ Rompboy (หัวเราะ) พี่บู้ (ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ มือเบสวง Slur และเจ้าของแบรนด์ Rompboy) เคยมาถามไปทีนึงตอนนั้นมันใกล้งาน Cat พอดี ใกล้ที่จะขายพอดี ก็เลยเอาไว้รอบหน้าดีกว่า ก็ฝากพี่บู้ด้วยนะครับ

ลุค : พี่บู้มาได้นะครับ (หัวเราะ)

ก่อนที่จะได้เข้ามาเป็นศิลปินที่ Smallroom ในมุมมองคนนอกมองค่ายนี้เป็นอย่างไร

ลุค : เป็นค่ายที่สมัยผมเรียนประถมหรือมอต้น เป็นค่ายที่แหวกแนวสุด

เบนซ์ : มันเป็นสิ่งที่ค่ายอื่นในประเทศไม่ทำ

แล้วสิ่งที่ค่ายอื่นไม่ทำ คิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของ Smallroom หรือเปล่า

ลุค : ก็เป็นเสน่ห์นะ

เบนซ์ : มันก็ใช่ ด้วยการที่เราก็ไม่ได้ฟังเพลงที่แมสอยู่แล้ว ไม่ได้ฟังเพลงที่มีสูตรตายตัว ผมก็เชื่อว่าที่นี่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นได้เพราะเราไม่มีสูตรตายตัว

วงดนตรีที่ทั้งสองคนฟังของ Smallroom ในช่วงนั้นเป็นใครกันบ้าง

ลุค : ก็ Slur, The Jukks, พี่จีน กษิดิษ, Polycat, Somkiat จริง ๆ ก็ฟังหมดนะ

เบนซ์ : เอาจริง ๆ ผมก็ฟังตั้งแต่ Tattoo colour แล้วก็ The Jukks ตอนนั้นก็ฟังแค่วงแต่ไม่ได้รู้จักค่ายเพลง รู้แต่ศิลปินพึ่งมารู้ตอนม.ปลายที่มี Lomosonic กับ The Yers ก็พึ่งมารู้ว่า Smallroom เป็นค่ายเพลงแนวนี้

ในมุมมองทั้งสองคนรู้สึกว่าที่นี่เห็นอะไรในตัวเราถึงเซ็นสัญญากับเรา

ลุค : จริง ๆ คุยหลายเรื่องเลยนะ

เบนซ์ : ตอนนั้นเข้ามาคุย เขาถามว่าเราอยากเป็นอะไร ผมเคยอยู่วงเก่าเขาก็คำถามคล้ายๆ กันว่าสิ่งที่เขาจะอยากให้เราเป็น คือเขามีสิ่งที่อยากให้เราเป็นแต่ที่นี้เขาให้เราเป็นของเรา

การที่ค่ายอยากให้ Dept เป็น Dept ในแบบที่อยากเป็นมันส่งผลดีต่อวงอย่างไร

เบนซ์ :  มันส่งผลดีแน่ ๆ ครับ ยังไงเราก็เป็นตัวของตัวเอง ถ้าเป็นที่อื่นเขาอาจให้เราไปแข่งกับวงนี้สิ บางทีมันต้องมีตั้งต้น แต่ที่นี้พี่รุ่งเขาจะหาวงที่ไม่เหมือนใครในตอนนี้ถ้าเกิดมีวงที่เหมือน Dept เขาก็จะไม่เอาแล้วนะเพราะ Dept มาก่อน มันจะไม่เกิดขึ้นซ้ำ

ข้อดีของการเป็นศิลปินที่ Smallroom ที่คิดว่าไม่มีค่ายอื่นให้เราไม่ได้

เบนซ์ : เคยได้ยินเรื่องการดองไม่ให้ปล่อยเพลงป่ะ ที่อื่นเขาอาจจะมีเพราะเหตุผลทางการตลาดที่ไม่เป็นไปตามเป้า แต่ที่นี่ไม่

ลุค : เขาไม่สนใจเลยนะที่นี่

เบนซ์ : ผมเรียนร้องเพลงกับพี่เติ้ล Two Pill After Meals เพลงเขาแบบมันทดลองมากๆ ซึ่งเขาปล่อยเพลงไปแต่ยอดวิวไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่พี่รุ่งน่าจะชอบ ซึ่งเขาก็ได้ปล่อยเพลงเรื่อยๆ ถ้าอยากปล่อย 

1 เรื่องที่พี่รุ่งแนะนำกับ Dept ที่คิดว่าจำได้ไม่ลืม

เบนซ์ : จริงๆ ยุคของพวกผมที่เขามาจะเป็นช่วงที่พี่รุ่งไม่ค่อยได้แตะแล้ว จะน้อยกว่าเมื่อก่อนที่เราเคยได้ยินชื่อเสียงพี่รุ่ง

ลุค : เหมือนเขาแบบจะโยนหินมาให้เรามากกว่า แล้วแต่ว่าเราจะทำตามมั้ยหรือจะไม่ทำตาม อันนี้ก็อีกเรื่องแต่เขาจะมาให้คำปรึกษากับเรามากกว่า 

เบนซ์ : เหมือนจะมีบางเพลงที่แบบส่วนมาที่ส่งไปแล้วจะผ่านเลย แต่ว่าบางเพลงจริงๆ ส่งไปแล้วสมมติผมไม่ได้คิดเบสมา พี่รุ่งเขาก็จะบอกกูว่าเบสมึงต้องใช้ปิกว่ะ ซึ่งเขาจะมองเห็นอะไรบางอย่างถ้าเกิดว่ามันมีช่องโหว่อยู่

ลุค : เหมือนมาช่วยเคาะให้อีกทีหนึ่ง

คิดว่าการที่พี่รุ่งช่วยเคาะให้ หรือคอยสกรีนงานให้มันทำให้เพลงของ Dept สมบูรณ์ขึ้นหรือไม่

เบนซ์ : ก็ดีขึ้น แต่บางทีผมก็ไม่ยอม (หัวเราะ)

แนวทางในอัลบั้มของ Dept จะมีแนวทางเป็นอย่างไร ทิศทางของดนตรีที่ใส่ลงไปในอัลบั้มจะเป็นอย่างไร

เบนซ์ : จริง ๆ ก็ยังทดลองอยู่ครับ ยังไม่ได้ตายตัวเป๊ะขนาดนั้น เหมือนที่ผ่านมาก็จะมีทิศทางที่หลากหลายมากยิ่งจึ้น

ถ้าให้สมมติตัวเองเป็นเซลล์ขายอัลบั้มใหม่นี้ จะแนะนำลูกค้าอย่างไรให้มาซื้อ

เบนซ์ : ไออัลบั้มนี้มันมีครบทุกรสเลย ไม่ว่าจะจืด เค็ม เผ็ด เปรี้ยว ถ้ามองในเรื่องของอาหารเหมือนเราไปร้านข้าวต้มที่เราจะสั่งกับข้าวหลายอย่างแล้วกินด้วยกันได้ จากข้าวต้มจานหลักของเรา เพลงนึงอาจจะเป็นยำ เพลงนึงเป็นหนําเลี๊ยบ เพลงนึงเป็นปลาทอดอะไรแบบนี้

ถ้าได้เป็นคนดูคอนเสิร์ต เราจะเลือกดูวงอะไร

เบนซ์ : ผมจะเลือกดูวงตัวเอง เพราะว่าผมเคยดูทุกวงแล้วไงแต่ผมไม่เคยดูวงตัวเอง มันจะได้ฟีดแบ็คตัวเองได้ว่าเราต้องปรับแก้อะไร เพราะผมก็ยังรู้สึกว่าวงผมไม่ใช่วงที่เล่นสดได้สมบูรณ์ เลยอยากเห็นพัฒนาการของวงตัวเอง ว่าจะแก้อะไรและพัฒนาไปทางไหนดี ผมว่าทุกคนอยากดูวงของตัวเองได้

ลุค : ของผมเหมือนเบนซ์ ก็อยากเห็นตัวเองว่าตอนเราอยู่บนเวทีเราเป็นอะไรยังไงบ้าง 

แล้วเคยดูคลิปที่ตัวเองโชว์มั้ย

ลุค : ดูครับ ดูตลอด เพิ่งประชุมกันไปต้องแก้กันว่าตรงนี้เยอะไป บางอย่างน้อยไป

เบนซ์ : ต้องแก้เยอะ เพราะพึ่งไปเจอ Slot Machine มา ปกติเราอยู่แต่ในลีคอินดี้ มันเลยไม่ต้องกลัวใครขนาดนั้น บางทีเราก็มันใจว่าไม่โดนฆ่าแน่นอนแต่พอเราไปตรงนั้นแล้วขยับไปอีกเสต็ปนึงก็ไปโดนเขาฆ่า (หัวเราะ)

ถ้าให้เลือกเพลงของศิลปินใน Smallroom มา Cover จะเลือกเพลงอะไร

ลุค : ผมเอาเพลง Magazine ของ Slur

เบนซ์ : คิดยากนะ สิ่งดีดี ของ Goose แต่จริงๆ ผมก็ยังอยากเล่นความรู้สึกของวันนี้ ของ Lomosonic 

Dept มองวงการเพลงในปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง

เบนซ์ : วงการอินดี้ก็ดูขยับขยายมากขึ้น ดูใหญ่ขึ้น คนเปิดรับมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่ฟังมากขึ้น

ลุค : มีพื้นที่ปล่อยของมากขึ้น พวกเพจในเฟสบุ๊กที่คอยแชร์วงใหม่ๆ ที่ขึ้นมาเขาก็จะคอยแชร์เพลง ผมก็รู้สึกว่าดีถ้าเทียบกับตอนที่พวกผมเริ่มทำกันแรกๆ เลย ตอนเริ่มทำแรกก็คือแบบมีฟังใจน่าจะเป็นแบบเพจเดียวเลยมั้ง

พออินดี้มันถูกจับต้องได้มากขึ้น แล้วถ้าให้เราแบ่งระหว่างแมสกับอินดี้ในปัจจุบัน เราจะแบ่งมันได้อย่างไร

เบนซ์ : ผมว่าวงที่มีปัญหาคือวงที่อยู่ตรงกลาง มันจะมีวงประเภทนึงที่ฝั่งร้านเหล้าฝั่งแมสจะมองอันนี้อินดี้ แต่อินดี้จะมองว่าอันนี้แมสแล้ว มันจะมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น

มีอะไรที่อยากบอกแฟนเพลง ที่ไม่เคยได้บอกไหมแต่อยากบอก

เบนซ์ : รักทุกคนครับ 

ลุค : ก็…นั่นแหละครับ (หัวเราะ) ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร ก็รัก

เบนซ์ : ฝากดูแลพวกผมกันยาว ๆ ด้วย

ลุค : พวกผมไม่ทิ้งพวกคุณไปไหนแน่นอน แล้วก็จะยังอยู่กับทุกคนไปเรื่อยๆ 

เบนซ์ : แต่ถ้าเพลงพวกผมเปลี่ยนไปอีกก็…

ลุค : อย่าทิ้งนะครับ (หัวเราะ)

อยากให้แฟนเพลงของ Dept จดจำพวกคุณในฐานะอะไร

เบนซ์ : เป็นมนุษย์ล่ะกัน เพราะว่าเพลงพวกเราผมว่า Dept เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึงไม่ได้เป็นคนที่แบบเศร้าอย่างเดียว ก็เป็นคนที่มีความสุข มีสนุก มีความรัก มีความผิดหวัง เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึง

ลุค : เสริมยังไงดี (หัวเราะ) พูดไปซะครบเลย ก็…คงเป็นเรานี่แหละ เราคงไม่เปลี่ยนไปไหน

ทุกวันนี้การทำวง Dept หล่อเลี้ยงอะไรในชีวิตของเราบ้าง

เบนซ์ : แน่ ๆ เลยคือปากท้องพวกผมอยู่ได้ 

ลุค : สองคือ Passion ความสนุก

เบนซ์ : เรายังอยากเล่นอยู่ ยังอยากออกไปเจอผู้คนไปเล่นดนตรี มันยังทำให้เราไม่หยุดเล่นดนตรี

Passion ที่ Dept อยากนำเสนอคืออะไร 

เบนซ์ : ในอนาคตผมอยากเสนอความเป็นวัยรุ่นมากกว่า ผมว่าซีนดนตรีในประเทศนี้มันขาด vibe ของวัยรุ่น มันไม่ค่อยมีวงที่มันวัยรุ่น 

ความตั้งใจที่อยากทำในพาร์ทถัดๆ ไป

เบนซ์ : อยาก Unique กว่านี้

ลุค : อยากนำเสนอความแปลกใหม่ 

เบนซ์ : ผมอยากทำในสิ่งที่ตอนนี้ในประเทศไทยมันไม่มี เพราะว่าตอนนี้สิ่งที่ผมทำอยู่ มันเริ่มมีคนทำแล้ว

ลุค : เราต้องกระโดดขึ้นไปอีกเลเวลนึง

แล้วตอนนี้สิ่งนั้นได้ถูกค้นพบหรือยัง

เบนซ์ : เจอแล้วครับ เรากำลังทำอยู่ ไม่ใช่อัลบั้มใหม่ด้วย เพราะอัลบั้มนี้เสร็จแล้ว

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:DeptPunch KicksSmallroomภวัต โอภาสสิริโชติลุค ทาวน์เซน
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article ข่าว.jpeg : สะดวกคนอ่าน อันตรายคนแชร์ โทษร้ายสังคม
Next Article ทำไมคนเชื่อข้อมูลในไลน์มากกว่าการอ่านข่าว
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

Editor

หวนคืนสู่พาเน็ม กับปฐมบทแห่งเกมล่าเกม ใน ‘THE HUNGER GAMES : THE BALLAD OF SONGBIRDS AND SNAKES’

By ระวี ตะวันธรงค์
EditorINSIGHTPOLITICS

สันติ เตรียมลงพื้นที่ ยันโปร่งใส ลาออกจาก บ.เอกชน ก่อนนั่งเก้าอี้ รมต.

By Srawut
Editor

‘วงกลมแห่งการระดมจินตนาการ’ รู้จัก Zircle Musik ค่ายใหม่ของ Boxx Music และการก้าวออกนอกกล่อง

By adisak.mha
DIGITALEditorINSIGHT

สัญญาณเตือนภัย! เศรษฐกิจดิจิทัลไทยในสนามแข่ง APAC: เมื่อ ‘การย่ำอยู่กับที่’ คือการ ‘ถอยหลัง’ (ตอนที่ 1)

By Srawut
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.