หลังจากที่คราวก่อน Modernist ได้นำเสนอเรื่องราวการเปิดบันทึกข้อตกลงมอบหมายให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต และช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น หลายท่านอาจจะกำลังสงสัยเกี่ยวกับจำนวนตัวเลขที่ชัดเจนในการเปิดเผยข้อมูลการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่าทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่บ้าง? และเช่นเคย วันนี้เราจะมาเปิดดูข้อมูลด้านนี้ให้ลึกขึ้นผ่านตัวเลขกัน
โดยอ้างอิงจากเอกสารแนบที่ 4 หมายเลขเอกสารที่ กธ 01/ร 766 ลง ณ วันที่ 26 เมษายน 2555 เรื่องการยืนยันราคาโครงการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร โดยตามเนื้อหาเอกสารนั้นแจ้งว่า ตามที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ได้ยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและราคา เกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยใช้วิธีการเจรจาตกลงจ้างแบบพิเศษ และยังได้เจรจาขอต่อรองราคานั้น ทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นข้อเสนอที่ถูกกว่าราคากลางไว้ โดยมีตัวเลขที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
จากเอกสารของกรุงเทพธนาคม พบว่าราคาประเมินอยู่ที่ 190,054.80 ล้านบาท และราคากลางอยู่ที่ 189,662.93 ล้านบาท แต่ทาง BTS เสนอราคาอยู่ที่ 189,575.49 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว พบว่าถูกกว่าราคากลาง 87 ล้านบาท และต่ำกว่าราคาประเมิน 479 ล้านบาท โดยแบ่งรายการค่าใช้จ่ายเป็น ค่าใช้จ่ายในการเดินรถของผู้รับจ้างเดินรถ 187,790.30 ล้านบาท และค่าจ้างบริหารของกรุงเทพธนาคม 1,785.19 ล้านบาท
ส่วนรายละเอียด จะพบว่าในส่วนของค่าใช้จ่ายถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินรถของผู้รับจ้างเดินรถ โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือระยะที่ 1 ก่อนหมดระยะเวลาสัมปทานของเส้นทางสัมปทาน คือจนถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2572 พบว่าแบ่งออกเป็น 2 เส้น คือเส้นส่วนต่อขยายสีลม ตั้งแต่สถานีกรุงธนบุรี-บางหว้า มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 18,418.38 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเดินรถและบำรุงรักษา 16,221.08 ล้านบาท, ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 2,009.97 ล้านบาท และค่าจัดการค่าโดยสาร 187.32 ล้านบาท
ส่วนอีกเส้นคือ เส้นทางส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตั้งแต่สถานีบางจาก-แบริ่ง มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 17,651.91 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเดินรถและบำรุงรักษา 14,648.70 ล้านบาท, ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 2,754.67 ล้านบาท และค่าจัดการค่าโดยสาร 248.53 ล้านบาท
สำหรับส่วนต่อมาคือ ระยะที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นหลังหมดระยะเวลาสัมปทานของเส้นทางสัมปทาน ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2572 จนถึงวันที่หมดสัญญา (1 พฤษภาคม 2585 ตามสัญญาจ้างโครงการฉบับแรก) แบ่งเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นส่วนต่อขยายสีลม ตั้งแต่สถานีกรุงธนบุรี-บางหว้า มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 21,225.82 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเดินรถและบำรุงรักษา 19,224.77 ล้านบาท, ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 1,739.14 ล้านบาท และค่าจัดการค่าโดยสาร 241.90 ล้านบาท
เส้นทางต่อมาคือ เส้นทางส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตั้งแต่สถานีบางจาก-แบริ่ง มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 27,346.73 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเดินรถและบำรุงรักษา 23,016.99 ล้านบาท, ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 4,009.62 ล้านบาท และค่าจัดการค่าโดยสาร 320.11 ล้านบาท และเส้นทางสุดท้ายคือเส้นทางสัมปทานเดิม 23.5 กิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 89,598.59 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเดินรถและบำรุงรักษา 78,424.73 ล้านบาท, ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 8,403.35 ล้านบาท และค่าจัดการค่าโดยสาร 2,770.49 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีค่าบริหารจัดการทางเดินเชื่อมและที่จอดแล้วจร แบ่งเป็นสถานีวงเวียนใหญ่ 566.50 ล้านบาท, สถานีตลาดพลู 357 ล้านบาท ส่วนอีกสองสถานี คือสถานีวุฒากาศ และสถานีบางหว้ามีค่าใช้จ่ายอยู่ที่สถานีละ 170 ล้านบาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 อีก 12,285.34 ล้านบาท และค่าจ้างในการบริหารจัดการระบบของผู้บริหารระบบอีก 1,785.19 ล้านบาท ทำให้มียอดค่าดำเนินการรวม 189,575.49 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการจัดทำข้อเสนอด้านราคานั้นจะพบว่ามีเงื่อนไขอยู่สองประการ คือ ค่าจ้างของบริษัทในฐานะผู้บริหารระบบจะคิดที่ร้อยละ 4 ของค่าใช้จ่ายของผู้รับจ้างเดินรถในแต่ละปี แต่ตกปีละไม่เกิน 60 ล้านบาท ของค่าใช้จ่ายของผู้รับจ้างเดินรถระบบขนส่งมวลชนในแต่ละปี โดยในการับเงินนี้บริษัทจะรับเงินเป็นรายเดือนๆ ละไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีการเบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้าจำนวน 647.22 ล้านบาท ในวันลงนามสัญญาอีกด้วย
