The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / POLITICS / ตั้ง “พลเรือน” คุม “กลาโหม” เสถียรภาพบนฐานที่ไม่มั่นคง
POLITICS

ตั้ง “พลเรือน” คุม “กลาโหม” เสถียรภาพบนฐานที่ไม่มั่นคง

ระวี ตะวันธรงค์
Last updated: 12 ก.ย. 2023 12:54
ระวี ตะวันธรงค์
Share
SHARE

“ท้ายที่สุดแล้ว หนังสือเล่มนี้ต้องการชี้ให้เห็นว่า นับตั้งแต่การปฏิรูปกองทัพไปจนถึงยุคประชาธิปไตย ทหารในกองทัพไทยไม่เคยได้รับการปลูกฝังหรือสร้างสำนึกให้ตระหนักว่าพวกเขามีหน้าที่รับใช้ประชาชนและรัฐบาล ในทางกลับกัน พวกเขากลับถูกปลูกฝังให้เชื่อฟังพระมหากษัตริย์รวมไปถึงผู้นำเผด็จการที่มาจากกองทัพ”.

“ด้วยปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เราเข้าใจปรากฎการณ์เฉพาะที่เกิดขึ้นในการเมืองไทย ว่าเหตุใดรัฐบาลพลเรือนจึงไม่สามารถควบคุมกองทัพได้ ยิ่งกว่านั้นกลับต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะถูกโค่นล้มอำนาจโดยกองทัพได้ตลอดเวลา เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาถูกมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามของกองทัพรวมไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์”

“ทว่าในทางตรงกันข้าม รัฐบาลทหารเผด็จการหรือรัฐบาลพลเรือนที่ยืนยันและแสดงออกอย่าชัดเจนว่าพวกเขามีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ก็จะรักษาเสถียรภาพทางการเมืองไว้ได้ โดยมีกองทัพคอยทำหน้าที่ค้ำจุน การเมืองไทยจึงมีสภาวะผันผวนสลับไปมาระหว่างรัฐบาลพลเรือนที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนกับรัฐบาลทหารเผด็จการอยู่เรื่อยไป” 

ข้อความบางส่วนจากหนังสือ ทหารของพระราชา กับการสร้างสำนึกแห่งศรัทธาและภักดี โดย เทพ บุญตานนท์

ข้อความดังกล่าวข้างต้นบ่งบอกถึงสถานภาพของ “กองทัพไทย” ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลังจากการสิ้นสุดอำนาจของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในการรัฐประหารวันที่ 16 กันยายน 2500 ที่กองทัพได้กลายเป็น “เครื่องมือ” ในการรักษาอำนาจของชนชั้นนำอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการรัฐประหาร 2549 และ 2557

เมื่อค้นดูทำเนียบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้วก็พบว่า มีพลเรือนที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่เพียง 4 คนด้วยกัน นั่นคือ นายชวน หลีกภัย, นายสมัคร  สุนทรเวช, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยทั้ง 4 คนนี้มาจากพรรคประชาธิปัตย์ 1 คน พรรคพลังประชาชน 2 คน และพรรคเพื่อไทย 1 คน 

เมื่อครั้งที่นายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ประกอบกับนายชวนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีควบคู่ไปด้วย ทำให้นายชวนมีนโยบาย “รัดเข็มขัด” ต่อกองทัพในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการประกาศปรับโครงสร้างกองทัพ ลดอัตรากำลังพล 80,000 อัตรา วางกฎขยับขึ้นนายพลไม่เกิน 1,000 คน เดินหน้ายุบหน่วยงานที่ไม่จำเป็น เช่น สำนักงานผู้ช่วยทูตทหาร 3 เหล่าทัพ เหลือสำนักงานเดียว ไม่ให้เบิกงบลับ ส่วนกองทัพเรือ “ห้ามออกเรือฝึกซ้อมรบ” โดยให้เหตุผลประหยัดงบประมาณและน้ำมัน

การกระทำของนายชวนทำให้ผู้มีอำนาจในกองทัพหลายคนไม่พอใจอย่างยิ่ง ทำให้เกิดข่าวลือในขณะนั้นว่าอาจมีการรัฐประหารล้มรัฐบาลของนายชวน ทว่าก็ไม่ได้เกิดการรัฐประหารเนื่องจากเพิ่งผ่านเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 มาไม่นาน และผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในกระทรวงกลาโหมรวมถึงผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่เป็นสาเหตุของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535

ถึงแม้ว่านายชวนจะมีนโยบายรัดเข็มขัดกองทัพ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีการจัดซื้ออาวุธด้วยเช่นกัน นั่นคือการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-16 แทนเครื่องบินขับไล่แบบ F-18 ที่ทางกองทัพไม่มีเงินมาผ่อนชำระให้กับสหรัฐอเมริกา จนต้องโดนยึดเงินไป หรือการจัดตั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ที่มีสถานะเปรียบเหมือนกองอำนวยการรักษาความมั่นคง (กอ.รมน.) ทางทะเล เพื่อดูแล สกัดกั้นการทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และการส่งทหารไทยไปรักษาสันติภาพในติมอร์ตะวันออก เป็นต้น

ต่อมาในรัฐบาลของนายสมัคร  สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้นอีกครั้งโดยเฉพาะการต่อต้านรัฐบาลจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนอกจากนี้ ท่าทีของกองทัพโดยเฉพาะ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้กดดันให้รัฐบาลยุบสภาและลาออกเพื่อให้ความขัดแย้งทางการเมืองยุติลง

สำนักข่าวอิศราได้เขียนบทความวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤตทางการเมือง  นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นก็จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปด้วยอีกตำแหน่ง เพื่อ “กระชับอำนาจ” ให้เข้ามาอยู่ในการดูแลของฝ่ายการเมืองอย่างใกล้ชิด จากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมาพบว่า คนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องมีแนวทางที่สอดคล้องกับรัฐบาลและต้องมีความเข้าใจในงานด้านการทหารพอสมควร หรือไม่ก็ต้องไปด้วยกันได้กับผู้นำกองทัพในยุคนั้นๆ ซึ่งกรณีที่นายสมัครและนายสมชายได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมควบไปด้วยนั้นก็เพื่อ “กระชับอำนาจ” สร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาล

ตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ กองทัพคือกลไกของรัฐในการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องปฏิบัติตามหน้าที่ในกรอบที่กฎหมายกำหนด เพียงแต่ว่ากองทัพของประเทศไทยไม่ได้เหมือนกับประเทศที่ปกครองในระบอบเดียวกัน หรือมีสถานะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะสถาบันหลักของไทยมีความเชื่อมโยงกับกองทัพทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และอำนาจ 

ดังนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ผ่านมาจึงถูกแต่งตั้งตาม “ฝ่ายจารีต” โดย เลือกจาก “นายทหารอาวุโส” ที่ผ่านการรับราชการในตำแหน่งระดับสูงของกองทัพมาก่อน แต่ต้องมีสายสัมพันธ์ของรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศในขณะนั้นในระดับที่ “ได้รับการยอมรับ”

ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว การคัดเลือกตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะต้องฟังจาก “ผู้นำทางทหาร”  ยิ่งถ้าอำนาจกองทัพมีความเข้มแข็งมากขึ้นเท่าไร การเสนอบุคคลที่จะไปดำรงตำแหน่งให้ฝ่ายบริหารรับไปแต่งตั้งก็ทำได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นยุคที่ “บูรพาพยัคฆ์” มีอำนาจที่เข้มแข็ง ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก ก็พร้อมใจเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามที่กลุ่มตัวเองหนุน

ต่อมาในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้มีพลเรือนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง นั่นคือ นางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี โดยไทยรัฐออนไลน์ได้วิเคราะห์ว่า การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมครั้งนี้ก็เพื่อลดทอนอำนาจในกองทัพ โดยเฉพาะอิทธิพลของกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ที่ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก

และนอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีกระแสการต่อต้านรัฐบาลจากโครงการจำนำข้าวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างเสถียรภาพให้กับตนเอง โดยการดึงกองทัพเข้ามาเป็นเครื่องมือในการคุ้มครองรัฐบาลที่กำลังเผชิญกับวิกฤตทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการทุจริตในโครงการจำนำข้าวและนิรโทษกรรมนายทักษิณที่อยู่ในร่าง พ.ร.บ. เหม่าเข่งดังกล่าวของรัฐบาล แต่การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของรัฐบาลดีขึ้นแต่อย่างใด

กล่าวโดยสรุป การที่พลเรือนเข้ามาควบคุมกระทรวงกลาโหมนั้น จุดประสงค์หลักคือ “การกระชับอำนาจ” ให้เข้ามาอยู่ในการดูแลของฝ่ายการเมืองอย่างใกล้ชิด หากพิจารณาจากข้อความในหนังสือข้างต้นและย้อนดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า “กองทัพ” ไม่เคยอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ยกเว้นแต่การแต่งตั้งพลเรือนจากฝ่ายการเมืองเข้าไปควบคุมกระทรวงกลาโหมเพื่อกระชับอำนาจตามที่กล่าวข้างต้น

ดังนั้น จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยให้นายสุทิน คลังแสง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ก็เพื่อกระชับอำนาจให้กองทัพใกล้ชิดกับรัฐบาลมากขึ้น พร้อมกับเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับชนชั้นนำโดยมีจุดมุ่งหมายคือ การสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาลในอีก 4 ปีต่อจากนี้ ที่กำลังเผชิญกับมรสุมของการเปลี่ยนแปลงจากกรณีของพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้นในสังคมไทย

ผู้เขียน : ณัฐชนน จงห่วงกลาง

ที่มา : isranews / thairath / mod / prachatai / bangkokbiznews

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:PoliticsThe Modernistกลาโหมกองทัพไทยการเมืองพลเรือนรัฐบาลรัดเข็มขัด
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article “We told พระแม่ลักษมี about …” เมื่อความรักในเมืองนี้มันหายาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นคำตอบ
Next Article “The Secret Sauce Summit 2023” เผยกับดัก SMEs ไทยที่ต้องก้าวข้ามเพื่อยกระดับ GDP
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

EditorINSIGHTSOCIAL

กทม.ออก 7 มาตรการคุมสถานการณ์ ถนนทรุดหน้าวชิรพยาบาล

By Srawut
Editor

4 มิถุนายนนี้ เปลี่ยนถนนกรุงเทพให้เป็นสีรุ้ง ใน “บางกอกไพรด์ 2023”

By ระวี ตะวันธรงค์
EditorPOLITICSSOCIAL

เพนกวิน ประณามพรรคประชาชน หนุนอนุทินเป็นนายกฯ

By Srawut
BRANDINGBUSINESS

เมื่อรักษ์โลกต้องมีต้นทุน SMEs จะไปต่ออย่างไร ในภาวะโลกเดือด

By ระวี ตะวันธรงค์
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.