The Insight NewsThe Insight NewsThe Insight News
  • More
  • The Insight News
Font ResizerAa
Font ResizerAa
The Insight NewsThe Insight News
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
  • TANK
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
  • INSIGHT
  • REPORT
  • IN TREND
  • MARKETING
  • WORLD
  • IN PHOTO
  • CALENDAR
  • LIFETIME
  • TALK
    • CASE STUDY
    • SOCIAL
  • TANK
    • MOTION PICTURE 101
    • TIME ON FEET
    • ชาวกอง
    • ร่วมด้วยช่วยแกง
    • ศึกษานารี
    • เจริญหูเจริญตา
    • ไดโนสอง
    • วัดดูยูโนว
  • Blog
  • Contact
  • My Feed
  • My Interests
  • My Saves
  • History
  • The Insight News
  • RATING
Have an existing account? Sign In
Follow US
© 2022 Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.
HOME / WATCH / IN FOCUS / การกลับมาของสรยุทธในฐานะนักข่าวเบอร์หนึ่งของประเทศไทย
IN FOCUSWATCH

การกลับมาของสรยุทธในฐานะนักข่าวเบอร์หนึ่งของประเทศไทย

ระวี ตะวันธรงค์
Last updated: 25 ม.ค. 2022 16:28
ระวี ตะวันธรงค์
Share
SHARE

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่านักข่าวเบอร์หนี่งของประเทศไทย ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ หวนสู่จอแก้วและดิจิทัลอีกครั้งหลังมีกำหนดปล่อยตัวในวันที่ 14 มี.ค. 64 นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ และข่าวดีของวงการสื่อไทยเลยทีเดียว โดยปกติเมื่อได้ยินเสียงข่าวโทรทัศน์สมัยก่อน เราก็มักจะได้ยินเสียงของสรยุทธอ่านข่าวกันอย่างคุ้นหูกันอยู่แล้ว วันนี้เราจะพูดถึงประวัติโดยคร่าวๆ จากตัวตนของเขา ซึ่งจะเรากำลังจะเริ่มเล่าในอีกไม่นานนี้

Contents
  • รู้จักที่มาของ “นายสรยุทธ”
  • จาก “นายสรยุทธ” ตั้งไข่ มาเป็น “กรรมกรข่าว”
  • จุดเริ่มต้นของ “เรื่องเล่าเช้านี้”
  • “ถึงลูกถึงคน” รายการสร้างประวัติศาสตร์ของช่อง 9
  • ต้นสายปลายเหตุสู่เรือนจำของ “สรยุทธ”
  • ในวันที่สรยุทธออกจากเรือนจำ
  • อ้างอิง

รู้จักที่มาของ “นายสรยุทธ”

สรยุทธ สุทัศนะจินดา จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ และ จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ เมื่อปี 2530 และนี่เองอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสายสื่อเมื่อเขาได้ร่วมงานกับสำนักงานเดอะ เนชั่นในปีถัดมา โดยเขาทำข่าวในสายรัฐสภาเป็นเวลาสองปี พร้อมกับการทำข่าวในสายทำเนียบรัฐบาลอีกสองปี

จนต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ได้ประจำในกองบรรณาธิการ ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง และในปี พ.ศ. 2537 เขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าข่าวการเมือง ซึ่งถัดมาปี 2539 กลุ่มเนชั่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตข่าวให้กับสถานีโทรทัศน์ไอทีวี สรยุทธก็ได้ร่วมงานกันกับไอทีวีในบทบาทของนักวิเคราะห์ข่าวการเมืองทางไอทีวีโดยรับหน้าที่ในรายการไอทีวี ทอล์ก, เวทีไอทีวี, ฟังความรอบข้าง และก๊วนกวนข่าว เป็นต้น และกลังจากนั้นในปี 2540 เขาก็ได้เป็นรองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น และเริ่มลงมาจัดรายการโทรทัศน์อีกด้วย

จาก “นายสรยุทธ” ตั้งไข่ มาเป็น “กรรมกรข่าว”

ยุคทองของสรยุทธ เริ่มต้นขึ้นหลังจากยุค2540s โดยถือกำเนิดขึ้นในปี 2543 สรยุทธได้มีโอกาสนั่งจัดรายการข่าวกับผู้ประกาศข่าวรุ่นแรกของช่องผู้มีฝีมือคมคายอย่าง ‘กนก  รัตน์วงศ์สกุล’ ในรายการ เก็บตกจากเนชั่น และรายการคมชัดลึก และในอีก 3 ปีถัดมา เมื่อช่อง 3 ทาบทามให้เขามาอ่านข่าวเช้าก่อนมาจัดรายการที่เนชั่น แต่ทางเนชั่นไม่เห็นด้วย ก็ได้ออกจากเนชั่น เพื่อมาร่วมจัดรายการกับช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี (ช่อง 9) อย่างรายการ ถึงลูกถึงคน ซึ่งประสบความสำเร็จจนต้องผลิตรายการ คุยคุ้ยข่าวเพิ่มขึ้นมาในปีถัดมา

หนึ่งในจุดเริ่มต้นในการทำงานกับไทยทีวีสีช่อง 3 ของนายสรยุทธนั้นคือการรับหน้าที่ “พ่อมดประจำเกม” ซึ่งก็คือพิธีกรที่แทบจะไม่เปิดเผยหน้าตา ในรายการเกมโชว์ความยาว 90 นาทีที่ชื่อว่า “กล่องวิเศษ” รายการเกมโชว์สุดสนุกของค่ายเทโรเอ็นเตอร์เทนเมนต์ (ซึ่งในขณะนั้นคือบีอีซี-เทโร) ซึ่งเริ่มออกอากาศตอนแรกในเดือน มกราคม 2546 แทนที่เวลาเดิมของรายการ “กำจัดจุดอ่อน” ซึ่งได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบเป็นจำนวนมากในขณะนั้น

รูปแบบของกล่องวิเศษจากที่ได้ยินมาปากต่อปากนั้น เป็นรายการเกมโชว์ที่เล่นกับการซักถามข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และคาดเดาถึงสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ภายในกล่องวิเศษใบนั้น ซึ่งมีทั้งความลึกลับ น่าสนใจ ที่ทั้งลุ้น และทั้งเสียวในเวลาเดียวกัน การ “ไม่เปิดเผยตัวตน” ในรายการ ทำให้เป็นที่ฮือฮาอย่างมากว่าเสียงที่ได้ยินในรายการนั้นคือเสียงของใคร? ว่ากันว่าที่เขาไม่ได้เปิดเผยหน้าของเขาในรายการนี้เพราะเกรงว่าจะทำให้ผู้เล่นสามารถจับพิรุธของพ่อมดประจำเกมได้ง่าย[2]

จุดเริ่มต้นของ “เรื่องเล่าเช้านี้”

แต่ไม่มีอะไรจะสุดไปกว่าการได้ร่วมงานในรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ซึ่งนับว่าป็นจุดที่ดังสุดฉุดไม่อยู่ของเขา ทำให้เกิดคำถามว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อนกกันแน่?  ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผู้ชมและผู้ฟังตั้งคำถามเป็นอย่างมากในช่วงนั้น เพราะไม่ว่าจะหลับหรือตื่น เราต่างก็พบเขาอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์เสมอ 

ในวันที่ 2 มิถุนายน 2546 คือวันที่รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” เริ่มออกอากาศเป็นวันแรก โดยแรกเริ่มเดิมที ช่อง 3 ตั้งใจให้มาจัดรายการนี้ก่อนไปจัดรายการเก็บตกจากเนชั่นที่สถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล แต่ทางเนชั่นไม่ยินยอมที่จะให้ตัวของสรยุทธ์ไปทำงานให้กับช่อง 3 ก่อนจะมาทำงานให้กับเนชั่น เขาจึงตัดสินใจที่จะลาออกมาจากเนชั่นเพื่อมาจัดรายการที่ช่อง 3[3]

รูปแบบแรกของเรื่องเล่าเช้านี้นั้น คือรูปแบบที่สรยุทธนั้นนั่งจัดรายการร่วมกับ ปอ – อรปรียา หุ่นศาสตร์ (หรือชื่อปัจจุบันคือ  “ปุณยวีร์ สุขกุลวรเศรษฐ์”) ในช่วงเวลาต่อมามีการเสริมผู้ประกาศข่าวกีฬาอย่าง “เอกราช เก่งทุกทาง” เข้ามาร่วมเสริมให้รายการดูเข้ารูปเข้ารอยขึ้น

เรื่องเล่าเช้านี้ มีการผลัดเปลี่ยนผู้ประกาศฝ่ายหญิงกันไปในหลายยุคหลายสมัยไม่ว่าจะเป็น สู่ขวัญ บูลกุล, มีสุข แจ้งมีสุข, วนกลับมาที่ตัวของปออยู่พักนึง และเปลี่ยนมาเป็น กฤติกา ขอไพบูลย์ ในเวลาถัดมา จนมาถึงผู้ประกาศหญิงคนปัจจุบันของรายการอย่าง “ไบรท์ – พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ” ที่เป็นทั้งแฟนคลับของสรยุทธและเปรียบดั่งลูกสาวที่ฝึกฝนการอ่านข่าวด้วยการอ่านสไตส์ข่าวเก๋าแต่เก๋ ด้วยการอ่านแบบหนังสือให้ฟังมากกว่า หรือการอ่านสรุปจับใจความสำคัญในการนำเสนอออกมา

แต่พอวันที่สรยุทธไม่อยู่ก็เหมือนเสาหลักนั้นหายไป ไม่ใช่เรื่องอารมณ์ความรู้สึกแต่เป็นการเก็บอารมณ์อย่างไรให้มันไหลลื่นที่สุด และก็เป็นผู้สร้างความทรงจำทั้งวิธีเล่า เทคนิคการขมวดประเด็นและการรับผิดชอบต่อคนดูรายการด้วย

ในช่วง 2 ปีแรกของรายการ เรื่องเล่าเช้านี้สามารถปลุกช่วงเวลายามเช้าที่แทบจะเป็นป่าช้าในผังหลาย ๆ ช่อง พลิกมาให้คึกคักได้อย่างสดใส เพราะการที่ตัวรายการมีการนำสาระมาสอดแทรก, ผสมกับมุกที่ชวนฮา, ความทะลึ่งนิด ๆ, และเสียงหัวเราะที่ดึงดูดคนดูให้ขำได้ รวมถึงการเกลี่ยข่าวแบบไม่ลำดับความสำคัญ โดยเน้นเรื่องที่ชาวบ้านสนใจ สามารถทำให้รายการนี้มีเรตติ้งเป็นอันดับ 1 ในช่วงเช้า จนสามารถมัดใจเอเจนซี่และเจ้าของสินค้าได้ ทำให้มีการขึ้นค่าโฆษณาในช่วง 2 ปีกว่า ๆ หลังรายการออกอากาศวันแรกถึง 3 ครั้ง! จากเดิมที่เริ่มที่ 50,000 บาท ก็ค่อย ๆ เพิ่มมาเป็น 80,000 บาท, 100,000 บาท และ 135,000 บาทตามลำดับ จนถึงขั้นที่ “ประวิทย์ มาลีนนท์” เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่เคยมีรายการใดในช่วงเช้าที่สร้างเรตติ้งให้กับช่อง 3 มากมายถึงขนาดนี้”

ความนิยมของรายการทำให้รายการเริ่มมีการจัดรายการนอกสถานที่อยู่บ่อยครั้งนับไม่ถ้วน โดยแรกเริ่มได้วางไว้ว่าจะจัดรายการนอกสถานที่ในทุก ๆ วันจันทร์ [4] และด้วยความนิยมของรายการ ยังทำให้รายการแตกออกมาเป็นรายการ “เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์” ในช่วงสาย ๆ ของวันเสาร์และอาทิตย์ได้อีกด้วย โดยรูปแบบที่เป็นภาพจำก็คือการมีผู้ประกาศชายจากฉบับวันธรรมดาจัดร่วมกันกับผู้ประกาศอีกคนหนึ่ง เพื่อเว้นให้ผู้ประกาศหญิงในฉบับวันธรรมดาได้พักผ่อน

อีกรายการหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงเมื่อครั้งยังอยู่ช่อง 3 คือ “จับเข่าคุย” อีก 1 รายการ Talk ซึ่งเริ่มออกอากาศครั้งแรกในปี 2546 ก่อนที่จะหายจากหน้าจอไปพักหนึ่ง และกลับมาใหม่ในอีกไม่กี่ปีถัดมา และหลุดผังไปอย่างถาวรในช่วงปี 2552 เพื่อหลีกทางให้กับรายการ “ทูไนท์โชว์” ของค่ายบอร์น

“ถึงลูกถึงคน” รายการสร้างประวัติศาสตร์ของช่อง 9

หลังจากวันออกอากาศของเรื่องเล่าเช้านี้ 1 วัน ในคืนวันถัดมา บนหน้าจอของโมเดิร์นไนน์ทีวี รายการ “ถึงลูกถึงคน” รายการ Hard Talk ที่เกิดขึ้นจากการชักชวนของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” ในระหว่างที่เขากำลังเตรียมงานรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ก็ได้เกิดขึ้น

ถึงลูกถึงคนได้สร้างภาพจำให้กับสรยุทธในฐานผู้ประกาศข่าวได้อีกระดับหนึ่ง ด้วยรูปแบบที่เข้มข้น น่าสนใจ และยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้แสดงความคิดเห็นผ่าน SMS และระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้เป็นรายการพลิกสล็อต 5 ทุ่มที่เป็นช่วงเน่า ขายได้ยาก ให้เป็นเวลาที่น่าติดตามได้ แต่ก็มีบางฝ่าย อย่างเช่นสื่อเครือผู้จัดการ ก็มีข้อกังขาถึงการทำหน้าที่ของเขาเช่นเดียวกัน

เมื่อเวลาช่วง 5 ทุ่มได้เรตติ้งดี จากก่อนหน้านี้ที่เคยให้สล็อต 5 ทุ่มเพื่อทำรายการ Hard Talk ทางคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้จัดการของ บมจ.อสมท. ในขณะนั้นก็ตัดสินใจให้สล็อตเวลาเพิ่ม โดยเปิดโอกาสให้สรยุทธร่วมผลิตรายการ ด้วยระบบการแบ่งขายเวลาโฆษณาหรือ Time Sharing ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 50 : 50 ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างก็มีรายได้จากโฆษณาที่แต่ละฝ่ายหามาได้ และนอกจากนั้นยังทำให้เกิดรายการ “คุยคุ้ยข่าว” (ซึ่งเดิมเกือบจะเป็นชื่อรายการของเรื่องเล่าเช้านี้)[4] ประกบคู่กับคู่หูคู่ข่าวที่คุ้นเคยจากช่องเนชั่นอย่าง “กนก รัตน์วงศ์สกุล” และนั่นคือจุดกำเนิดของบริษัท “ไร่ส้ม”[3]

ต้นสายปลายเหตุสู่เรือนจำของ “สรยุทธ”

เมื่อ 2 รายการเดิมในช่องโมเดิร์นไนน์ทีวีหลุดผังไปหลังจากเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งผลหลังจากนั้น ทำให้พบคดีเกี่ยวกับเวลาโฆษณาที่เกินออกมา แต่เขาก็ไม่ละเส้นทางบนสาย Hard Talk ทำให้เขาเลือกที่จะมาจัดรายการ “เจาะข่าวเด่น” เป็นช่วงย่อยในรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” ซึ่งกระแสอาจจะไม่หวือหวามาก แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เรตติ้งเฉลี่ยหลังข่าวเกี่ยวกับคดีของบริษัทไร่ส้มเริ่มกลับมาเป็นที่พูดถึง ในปี 2557 ก่อนการเข้ามาของทีวีดิจิทัล เรตติ้งเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 2.852 เมี่อทีวีดิจิทัลเริ่มเข้ามา เรตติ้งเฉลี่ยในปีถัดมาจึงลดลงเหลือ 2.139 และเริ่มส่งสัญญาณน่าเป็นห่วงในปี พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่สรยุทธต้องหยุดการทำหน้าที่ไป

การหยุดทำหน้าที่ในครั้งนั้น ทำให้บนโต๊ะมีเพียงผู้ประกาศหญิงอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะได้ผู้ประกาศชายอย่าง “ต๊ะ – พิภู พุ่มแก้วกล้า” มาทำหน้าที่ผู้ประกาศชาย ซึ่งต้องแบกความคาดหวังไว้สูงมาก แต่ทำหน้าที่ได้ไม่นานนัก ก็ต้องขอถอนตัวออกจากรายการนี้ไป หน้าที่นี้จึงตกเป็นของ “ไก่ – ภาษิต อภิญญาวาท” จนถึงทุกวันนี้ (แต่ในบางวันที่ติดภารกิจ ก็มักจะมีคนมาทำหน้าที่แทน ล่าสุดคือ “โจ – อรชุน รินทรวิฑูรย์” ที่ได้รับโอกาสมาทำหน้าที่แทนในวันนั้น ๆ)

เรตติ้งเฉลี่ยในปีนั้นอยู่ที่ 1.545 และร่วงลงมาเหลือ 1.101 ในปี 2560 ก่อนจะฮวบลงมาแตะเลข 0 โดยมีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งปีที่ 0.945 ในปี 2561 และในปี 2562 ที่มีการแยกรายการ “เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง” ออกมา ก็ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยของเรื่อเงล่าเช้านี้อยู่ที่ 0.930 และ 0.533 สำหรับรายการที่แยกออกมาอย่างเรื่องเล่าหน้าหนึ่ง[6]

ส่วนเรตติ้งเฉลี่ยเมื่อเทียบกับรายการช่วงเช้านั้น จะพบได้ว่าช่อง 3 เสียฐานผู้ชมให้กับรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” ของค่ายมีเดียส์สตูดิโอ (ฝ่ายข่าว(2) 7HD ในปัจจุบัน) และรายการ “สนามข่าว 7 สี (หรือสนามข่าว 7HD ในปัจจุบัน) ที่ออกอากาศผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (หรือช่อง 7HD ในปัจจุบัน) ซึ่งเริ่มออกอากาศในปี พ.ศ. 2557

ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยในปี 2558 ในรายการประเภทข่าวเช้าผลัดกันขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างรายการ “เช้านี้ที่หมอชิต” กับรายการ “สนามข่าว 7สี” หนำซ้ำในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 ถึงไตรมาส 2 ปี 2561 ยังถูกรายการ “คุยข่าวเช้าช่อง 8” ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ซึ่งในขณะนั้นมี “เอ – ดนยกฤตย์ แดงหวานปีสีห์” ซึ่งมีสไตล์ที่คล้ายคลึงกันกับสรยุทธ และพอทดแทนกันได้ นั่งเป็น 1 ในผู้ประกาศข่าว เบียดเรตติ้งเฉลี่ยของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ลงไปอยู่ในอันดับที่ 4! [7]

ถึงตัวของสรยุทธ จะเข้าเรือนจำครั้งแรกในวันที่ 21 มกราคม 2563 แต่ในช่วงเวลาไม่นาน สรยุทธ ก็เริ่มมีข่าวอัพเดตต่างๆ ในช่วงที่อยู่ในเรือนจำ 1 ในนั้นคือรายการ ‘เรื่องเล่าชาวเรือนจำ’ ที่ทั้งอัพเดตสถานการณ์ข่าวในปัจจุบัน และอัพเดตข่าวจากกรมราชทัณฑ์ และยังเป็นการเปิดเผยการใช้ชีวิตในเรือนจำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และเรื่องเผยแพร่มุมมองที่ถูกต้องในมุมของเรือนจำ ให้กับชาวเรือนจำ อย่างเช่นเรื่องโควิด-19 ที่อาจติดกันในเรือนจำอย่างที่กังวลกัน หรือเรื่องสถานการณ์ภายในที่ทำให้ผู้ฟังก็สามารถคลายความคิดถึงเขาได้เป็นอย่างดี

ในวันที่สรยุทธออกจากเรือนจำ

และแล้วก็ถึงช่วงเวลาที่หลายฝ่ายรอคอยก็มาถึง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 เวลา 7:30 น. สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้รับการพักโทษ โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวสรยุทธไปใส่กำไร EM เพื่อติดตามตัวเป็นระยะเวลา 2 ปี 4 เดือน (14 มีนาคม 2564 – 26 กรกฎาคม 2566) ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานครเขต 7 (ไอที สแควร์) โดยมีหลายคนในวงการออกมาต้อนรับสรยุทธ เช่น ทีมงานรายการเรื่องเล่าเช้านี้, พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ, อริสรา กำธรเจริญ, ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์, ตัน ภาสกรนที เป็นต้น ซึ่งสื่อมวลชนได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

โก๊ะตี๋ อารามบอย นำสูทตัวโปรดของสรยุทธ มารับสรยุทธ (ภาพ : เจนพสิษฐ์ ปู่ประเสริฐ/ยามเฝ้าจอ)

อธิบดีกรมคุมประพฤติ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต กล่าวถึงการพักโทษของสรยุทธว่า ก่อนหน้านี้สรยุทธได้รับการอภัยโทษถึง 2 ครั้ง ประกอบกับในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สรยุทธได้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ผ่านรายการ “เรื่องเล่าชาวเรือนจำ” เพื่อแจ้งให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำถึงสถานการณ์โควิด-19 และการระวังตัวอีกด้วย รวมถึงประชาสัมพันธ์โครงการกำลังใจเพื่อผู้ต้องขัง ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพจึงได้ทำเรื่องขอพักโทษขึ้น ยังยืนยันว่าในตอนนี้ยังไม่พ้นโทษ และยังต้องรายงานตัวอยู่ทุกๆ เดือน รวมถึงมีหลักเกณฑ์ในขณะพักโทษ โดยต้องทำกิจกรรมเพื่อสังคม มีการประเมินพฤติกรรมตลอดเวลา การไม่ให้ไปที่สนามบินและใช้เครื่องบิน ไม่เข้าใกล้เรือนจำ และกำหนดพื้นที่อยู่อาศัยให้เฉพาะกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เว้นในกรณีที่ต้องเดินทางหรือทำงานสามารถขออนุญาตเป็นรายกรณีไปล่วงหน้า 3 วัน รวมไปถึงห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมือง (ไม่ใช่การทำหน้าที่เป็นพิธีกรในเวทีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง)

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้การต้อนรับสรยุทธ สุทัศนะจินดา (ภาพ : ดาริณ กาญจนะโรจน์/โมเดิร์นนิสต์)

หลังจากนั้น ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มอบพระให้กับสรยุทธ โดยได้ถามว่า “อิสรภาพมันหอมหวานไหม?” และสรยุทธก็ได้ตอบว่า “มันก็ดีเหมือนกันนะ” และหลังจากนั้นก็ได้ถามตอบกับสื่อมวลชน โดยได้ขอบคุณทางกรมราชทัณฑ์และดีใจ ตื่นเต้นมากที่ได้อิสรภาพ แม้จะยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซนต์ อย่างน้อยได้ออกจากเรือนจำ และดีใจที่ทุกคนไม่ได้ลืมกัน การอยู่ในเรือนจำมันก็มีความทุกข์ทางจิตใจพอสมควร คิดเอาไว้ว่าอย่างน้อยมันก็จะได้จบสักที วันนี้จะได้นับหนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อสื่อมวลชนถามว่าจะได้กลับมาจัดรายการบนหน้าจอเมื่อไหร่นั้น สรยุทธได้ตอบไปว่า ตนเองนั้นจัดรายการอื่นไม่เป็น แต่ยังขอคิดอีกนิดนึงว่าจะกลับมาจัดอีกทีเมื่อไหร่? คือโลกมันเปลี่ยนไปเยอะนะ ตนเองไม่ได้ทำงานมา 5 ปี ฉะนั้นโลกในสมัยที่ตนเองทำนั้น ทำในช่วงที่คนไม่ดูข่าวหันมาดูข่าว แต่ในยุคนี้ตนยังไม่รู้เลยว่าในเมื่อข่าวมันเต็มไปหมดเลย จะทำยังไงให้เขาเข้ามาดูข่าวของเรา ขอเวลาคิดและปรับตัวอีกนิดนึง และจะยังช่วยเรือนจำอยู่จนกว่าทางกระทรวงยุติธรรมได้ขยับขยายต่อด้วยตนเองได้ ได้ทำแล้วก็มีความสุขพอประมาณ และเป็นประโยชน์ต่อคนในเรือนจำด้วยเช่นกัน ถ้าทำให้คนที่ทุกข์ที่สุดได้ยิ้มบ้างก็จะทำให้เรามีความสุข นอกจากนี้สรยุทธยังเน้นชัดว่าตนจะยังอยู่ช่อง 3 ร้อยเปอร์เซนต์อีกด้วย

ต้องติดตามกันต่อไปว่าสรยุทธจะกลับมาจากช่อง 3 อีกเมื่อไหร่? แล้วจะมาแบบไหน? ต้องติดตามกันนะครับ และสามารถติดตามรายการ “ปล่อยตัวสรยุทธ” : จับตาทิศทางบนหน้าจอทีวี โดยความร่วมมือของส่องสื่อ, ยามเฝ้าจอ และ LiveTube ได้ที่นี่ได้เลย

https://www.youtube.com/watch?v=VRjxFPX3y_g&t=6012s

อ้างอิง

[1] http://tdri.or.th/wp-content/uploads/2013/04/number4.pdf
[2] http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgiHome=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A2011394/A2011394.html
[3] https://www.isranews.org/main-investigative/17152-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98-%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%8B%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-3-%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2-%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99.html
[4] https://positioningmag.com/7871?fbclid=IwAR3izIocksrkrdv21PnSMpQ3MKKN8xm189Q1Lo0tJEMWc-thK-j7rnsAcxo
[5] https://positioningmag.com/11673
[6] https://www.tvdigitalwatch.com/news-ch3-reunglow-choanee-21-1-63/
[7] http://broadcast.nbtc.go.th/data/academic/file/631100000002.pdf

  • FacebookFacebook
  • XTwitter
  • LINELine
TAGGED:ch3thailandข่าวช่อง 3ช่อง 3ติดคุกบีอีซีบีอีซี เวิลด์พักโทษสรยุทธสรยุทธ สุทัศนะจินดาอิสรภาพเรือนจำเรื่องเล่าเช้านี้ไบรท์ พิชญทัฬห์ไบร์ท
Share This Article
Email Copy Link Print
Previous Article เมื่อคำดูถูก กลายเป็นแรงผลักดัน – บทเรียนจากชีวิตของ “พระมหาเทวีเจ้า”
Next Article Collective: หนังเรื่องนี้คือคำตอบว่าสื่อมวลชนที่ดีควรเป็นอย่างไรในยุค 2021!
ไม่มีความเห็น

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

The Insight News

ศูนย์รวมข่าวสารเชิงลึก ที่ยึดมั่นในความจริง สร้างมาตรฐานใหม่ของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคม
FacebookLike
XFollow
InstagramFollow
LinkedInFollow
MediumFollow
QuoraFollow
- Advertisement -
Ad image

You Might Also Like

WATCHกรองก่อนเชื่อ

ทุกคน(ไม่)เท่ากับสื่อ เมื่อประชาชนอยากเป็นนักข่าว ต้องเข้าใจอะไรบ้าง?

By ระวี ตะวันธรงค์
IN FOCUSWATCH

เมื่อโทรทัศน์ “สี” เริ่มเกิดขึ้นในงานประกวดนางสาวไทย

By ระวี ตะวันธรงค์
WATCHกรองก่อนเชื่อ

ที่รักมักที่ใช่ เมื่อคนเลือกฟังข่าวจากคนที่ (คิดว่า) ใช่ มากกว่าคนที่คิดว่าจริง

By ระวี ตะวันธรงค์
Editor

ชัยรัตน์ ถมยา : ผู้ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของนักข่าวและผู้ประกาศข่าว และการหาความท้าทายใหม่ๆ ของชีวิตอีกครั้ง

By ระวี ตะวันธรงค์
The Insight News
Facebook Twitter Youtube Rss Medium

About US


BuzzStream Live News: Your instant connection to breaking stories and live updates. Stay informed with our real-time coverage across politics, tech, entertainment, and more. Your reliable source for 24/7 news.
Top Categories
Usefull Links
© Foxiz News Network. Ruby Design Company. All Rights Reserved.